ตอนที่ 1178: ทายาทเมืองลอร์ (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1178: ทายาทเมืองลอร์ (3)

นางฟ้าเฮายู่หยุดโหยวเยว่ด้วยพลังล่องหนก่อนที่จะออกโถงศักดิ์สิทธิ์ มันล้อมรอบโหยวเยว่และดึงนางกลับเข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์ ประตูปิดอีกครั้ง

การควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในการครอบครองของนางฟ้าเฮายู่ โหยวเยว่ได้รับหน้าที่ในการควบคุมบางส่วนเท่านั้นจากนางฟ้าเฮายู่มอบให้ ดังนั้นนางจึงไม่อาจควบคุมทั้งหมดได้

บนหัว ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็หมายมั่นว่าจะแทงเข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับการพุ่งทะยานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 พื้นที่ด้านนอกนั้นไม่ได้มั่นคงเหมือนภายในตระกูล ดังนั้นมันจึงมีมีรอยขาดเหมือนกับกระดาษทุกที่ที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเคลื่อนที่ผ่าน มิติฉีกขาด หลุมดำปรากฏขึ้นมากมายบนมิติ

ในเวลานั้นปราณกระบี่สีทองที่พุ่งมาจากด้านหลังยาวกว่า 10 เมตร ปราณกระบี่ประกายแสงสีทองแวววับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฟินิกซ์ขนาดใหญ่ที่ถูกควบแน่นด้วยเปลวเพลิงสีขาวบินโฉบอยู่ข้างปราณกระบี่สีทอง ทั้งคู่มาพร้อมกันมันส่งเสียงร้องของฟินิกซ์และปราณกระบี่ที่ส่องแสง มันมุ่งหน้าไปยังยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

บูม !

ปราณกระบี่และฟินิกซ์ปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอย่างรุนแรง คลื่นพลังที่รุนแรงแผ่กระจายหลังจากเกิดการปะทะ มันทำให้รัศมี 100 เมตรรอบ ๆ พังทลายลงและกลายเป็นความมืดมิด พลังงานที่รุนแรงถูกสูบเข้ามา ภูเขาและพื้นดินสั่นไหวก่อนที่จะพลังทลายลง มีรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่ยาวกว่า 1,000 กิโลเมตร

โชคดีที่เทือกเขาโบราณของตระกูลเจียงหยางนั้นอยู่ในสถานที่รกร้าง มีสัตว์อสูรเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นเพียงแค่ระลอกคลื่นก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองทั้งเมืองล่มสลายลงพร้อมกับกลายเป็นนรกบนดินได้

คลื่นพลังงานที่ทรงพลังที่เข้ามาปะทะกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 ที่ควบคุมพลันเหมือนกับโดนพายุเล่นงาน มันไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้อีกและถูกผลักให้ถอยหลังกลับมา

ปราณกระบี่สีทองและฟินิกซ์ปรากฏ พวกมันเป็นกระบี่ที่ว่องไวและปิ่นสีแดงเพลิง

พลังงานดั้งเดิมปรากฏ นี่เป็นอาวุธพลังดั้งเดิม ผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 คนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยและพวกเขาก็เริ่มขมวดคิ้ว

มันเป็นพลังของสัตว์อสูรทั้งสาม ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเข้ามาในช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ เจียงหยางชิงหยุนเฟิงตะโกน เขาดูน่าเกลียดอย่างมาก พวกเขาทั้ง 5 กลัวสัตว์อสูรทั้ง 3 ตนนั้นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาสามารถประมือได้แม้แต่เซียนจักรพรรดิ

มีเส้นแสงสองเส้น หนึ่งสีทองหนึ่งสีแดงบิดผ่านท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท พวกเขาพุ่งเข้ามาจากที่ไกลอย่างรวดเร็ว สักพักหลังจากพวกเขาก็เข้ามาอยู่ที่ห่างไกลออกไป พวกเขาก็มาอยู่บนโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มในเวลาต่อมา พวกเขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 คน

พวกเขาคือรุยจินและหงเหลียน

ตระกูลผู้พิทักษ์ในโลกใบเล็กช่างน่าอัศจักรรย์ พวกเขาสามารถแยกแยะสัมผัสได้อย่างแท้จริง แม้กระทั่งทักษะลับเผ่ามังกรก็ไม่อาจหาเจี้ยนเฉินได้ หากมันไม่ได้เกิดเพราะมีการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเขาที่ไหนได้ รุยจินจ้องมองคนทั้ง 5 อย่างเย็นชาในขณะที่ถือดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์

ปิ่นเทพเพลิงได้กลับมาที่มือของหงเหลียนอีกครั้ง นางลูบคลำอาวุธพลังดั้งเดิมในมือของนางและมองไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มที่อยู่ด้านหลังและกล่าวว่า ผลไม้เซียนนั้นล่อใจเป็นอย่างมาก มันเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลือกที่จะเป็นศัตรูของเจี้ยนเฉินเพื่อผลไม้

นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลผู้พิทักษ์ของเรา ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เข้ามายุ่ง เจ้าอาจจะครอบครองอาวุธพลังดั้งเดิม แต่เราก็มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของเรา ความแข็งแกร่งของมันยากที่เจ้าจะจินตนาการได้ เจียงหยางชิงหยุนพูดเตือนออกมาอย่างหนักแน่นอน เขาไม่ต้องการยั่วยุรุยจินและคนอื่นง่าย ๆ

รุยจินหัวเราะเยาะ งั้นข้าก็สงสัยว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์มีพลังมากกว่าหรือสมบัติของตระกูลมังกร ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากกว่า

และยังพ่วงมรดกสมบัติจากตระกูลฟินิกซ์ของข้าอีกด้วย ปิ่นเทพเพลิง หงเหลียนพูดเสริม พวกเขาทั้งสองไม่ได้แสดงความหวาดกลัวต่อยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเลย

เจ้าทั้งสองต้องการสอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้หรือ ? เจียงหยางชิงหยุนหน้าซีด ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นทรงพลังมาก แต่การควบคุมมันก็ยากเช่นกัน พวกเขายังคงสบายดีหากใช้มันชั่วคราว แต่ถ้าพวกเขาควบคุมมันเป็นเวลานาน พวกเขาจะได้รับผลสะท้อนจากพลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ราคาที่พวกเขาต้องจ่ายมันมากเกินกว่าที่ได้รับ

ในเวลานั้นมีร่างสีดำบินมาจากระยะไกล เขามาอยู่ข้าง ๆ รุยจินและหงเหลี่ยนและยืนพร้อมกับพวกเขา นั่นคือเฮยยู่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำ

อาการของเฮยหยู่ดูน่ากลัว มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขาอย่างต่อเนื่องและไหลรดลงบนหน้าอก ผิวของเขาก็กลายเป็นสีดำเช่นกัน เขาดูแย่กว่าก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามเฮยหยู่ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม เขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับมีดยาวของเขาด้วยท่าทางข่มขู่ เจตนาต่อสู้ที่แผ่ออกมาจากตัวเขารุนแรงมาก ราวกับว่าเขากำลังจะเข้าต่อสู้

ทันใดนั้นผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 ก็แสยะยิ้ม พวกเขาควบคุมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มที่จะฟันกลับไปอย่างช้า ๆ

เจียงหยางชิงหยุนจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มชั่วครู่หนึ่ง เขารู้ว่าหากผู้อาวุโสสูงสุดยังคงทำอย่างนี้ต่อไป จะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะเจ็บปวดอย่างทรมาณ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจและสั่งให้ถอยอย่างไม่เต็มใจ กลับ !

ประตูโลกถูกเปิดอีกครั้งและผู้อาวุโสสูงสุดทั้ง 5 ก็กลับไปพร้อมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

ในเวลาเดียวกันโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มกลายเป็นแสงสีเงินขาวและพุ่งออกไป มันหายไปไปภายในพริบตาและรุยจิน, หงเหลียนและเฮยหยู่ตามไปอย่างใกล้ชิด

กลางดึกในเมืองลอร์ อาณาจักรเกอซุน พระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่ฟ้าและส่องแสงจันทร์สลัว ๆ เหล่าทหารยามติดอาวุธต่างก็ลาดตะเวนในเวลากลางคืน ขณะที่พวกเขาทำหน้าที่เมืองก็เงียบสงบราวกับคนตายและความเงียบอยู่ทั่วทุกพื้นที่

จำนวนแสงเล็กน้อยส่องประกายแวววาวในตระกูลเจียงหยาง กลุ่มชายกำยำเดินลาดตะเวนในตระกูลที่มีพลังวิญญาณสูง ทุกคนมีดวงตาที่เฉียบคมมากซึ่งมองไปทั่วทุกมุมอยู่ตลอดเวลา พวกเขาไม่เหนื่อยแม้แต่น้อยและไม่มีการบ่นใด ๆ

คนเหล่านี้เป็นยามของตระกูลเจียงหยาง ปัจจุบันตระกูลเจียงหยางนั้นเทียบไม่ได้กับอดีต แม้กระทั่งยามก็แข็งแกร่งขึ้น มีเซียนปฐพีมากมายและแม้กระทั่งเซียนสวรรค์สองสามคน

ในช่วงเวลากลางคืนที่คนส่วนใหญ่ยังคงฝันหวาน แต่ในเวลานี้ฟื้นที่เหล่านี้พลันสว่างไสวออกมาอย่างผิดปกติและความมืดที่ปกคลุมเมืองก็หายไปทันที เมืองทั้งเมืองเริ่มสว่างไสวในเวลานั้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้เหล่ายามในเมืองและตระกูลทั้งหมดระวังตัว หลายคนเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณก่อนที่จะเห็นโถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินค่อย ๆ เคลื่อนลงมาพร้อมกับแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง มันหยุดอยู่เหนือตระกูลเจียงหยาง 100 เมตรในที่สุด

นั่นคืออะไร…

เร็ว รีบไปแจ้งท่านเจ้าเมือง…

ยามกะดึกเห็นโถงศักดิ์สิทธิ์จากที่ไกล ๆ พวกเขาทั้งหมดตะลึงก่อนที่จะรีบไปยังจวนเจ้าเมือง

ในเวลาเดียวกันเสียงกลองศึกหนัก ๆ ก็ดังขึ้นและกึกก้องไปทั่วเมือง พวกมันส่งเสียงปลุกผู้คนมากมายให้ลุกจากการนอนหรือการบ่มเพาะ