ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 932 สงครามใหญ่มาถึง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองเถาอวี้ ยิ้มเล็กน้อย “ท่านเทพธิดาชมกันเกินไปแล้ว”

วรยุทธ์สำนักเต๋าที่กระจายไปทั่วโลก นอกจากที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์และสายเอกพิสุทธิ์แล้ว จะมากจะน้อยก็มีความเกี่ยวข้องกับการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์อยู่ด้วย

ในฐานะที่เถาอวี้เป็นยอดฝีมือผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า นางมีพลังสายตาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่รู้จักสิบสองวิชาประกายกาฬเท่านั้น ยังรู้จักคัมภีร์จันทร์นิลด้วย

เป็นอย่างที่นางพูด หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คัมภีร์จันทร์นิลก็ไร้การถ่ายทอดบนโลกซ้อนโลก

ที่เถาอวี้รู้จัก ล้วนเป็นเพราะประวัติอันยาวนานของสำนัก

ส่วนที่นางจำคัมภีร์นภากาลเวลาได้ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถึงอย่างไรคัมภีร์นภาแรกเริ่มอันเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ก็โด่งดังเกินไป

สิ่งที่ทำให้เถาอวี้รู้สึกสงสัยก็คือ วรยุทธ์ที่คาบเกี่ยวกับความลี้ลับของมิติ ย่อมเป็นกระบี่ลวงเซียน

กระนั้นถึงแม้สายฟ้าอนธการที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ออกมาจะได้หลอมจิตของคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนเข้าไปหลายส่วน แต่ว่าตราบใดที่จงใจจัดการ เถาอวี้ก็มองไม่ออกชั่วขณะ

ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอ หว่างคิ้วของนางก็ยังไม่ปรากฏเจตนาดีเหมือนเดิม

แม้ว่าจักรพรรดิแพรกับประมุขอาคเนย์จะมีความสัมพันธ์ไม่เลว แต่ว่าเถาอวี้กับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยกลับมีความขัดแย้งล้ำลึก

เรื่องนี้จะมากจะน้อยก็เป็นเพราะประมุขประจิม

เถาอวี้กับภรรยาของประมุขประจิมเป็นสหายสนิทเมื่อครั้งยังเยาว์ ส่วนประมุขประจิมกับเฉาเจี๋ยมีความสัมพันธ์เลวร้ายยิ่ง

ถ้าหากบอกว่าในตอนแรกระหว่างเถาอวี้กับเฉาเจี๋ยเพียงแต่ไม่ชอบขี้หน้ากัน เช่นนั้นผ่านมาหลายปีถึงเพียงนี้ เมื่อความขัดแย้งน้อยใหญ่สั่งสมนานวันเข้า ก็เริ่มไม่อาจปรับความเข้าใจกันได้อีกแล้ว

แม้จะไม่มีประมุขประจิม เถาอวี้และเฉาเจี๋ยก็ยากจะเดินบนเส้นทางเดียวกันได้อีก

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ไปยังสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเมื่อก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นฟู่ถิงต้อนรับขับสู้พวกเขา

ความรู้สึกที่เถาอวี้มีต่อฟู่ถิง ค่อนข้างซับซ้อน

สำหรับนางแล้ว ที่จักรพรรดิแพรให้ความสำคัญกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จะต้องเป็นเพราะฟู่ถิง

อีกด้านหนึ่ง ฟู่ถิงกับสายสืบทอดของเขาโถงทองก็ใกล้ชิดกันยิ่ง

ขณะเดียวกันเยี่ยนจ้าวเกอยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเฉาเจี๋ยและฟู่ถิง เถาอวี้ย่อมไม่ชอบใจ

เพียงแต่ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ เถาอวี้ก็เหมือนกับพวกเฉิงโม่ พบว่าคนหนุ่มตรงหน้านี้คล้ายจะต่างจากที่คาดคิดไว้

สายตาของนางที่มองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ไม่ได้มีความดูแคลนใดๆ ทั้งสิ้น

ในการประมือกันเมื่อครู่ ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอป้องกันนาง ยังรักษาสายฟ้าอนธการที่ครอบคลุมคนจากเขาทุ่งวิจิตรไม่ให้ถูกทำลายได้ เท่ากับเอาชนะไปหนึ่งกระบวนท่า

เยี่ยนจ้าวเกอถือครองขวานย้อนเอกภพอยู่จริงๆ

ทว่าในโลกใบนี้ มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายคนไหนที่อาศัยแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงซึ่งยังไม่อาจแสดงอานุภาพทั้งหมดออกมาได้ชิ้นหนึ่ง เอาชนะเถาอวี้หนึ่งกระบวนท่าได้บ้าง

ฟู่ถิงยังทำไม่ได้

แม้จะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง หากไม่ใช่คนระดับเฉิงโม่หรือหลงฮั่นหัว ก็ใช่ว่าจะทำได้

แต่เยี่ยนจ้าวเกอทำได้

ที่แล้วมาเถาอวี้ล้วนทะนงตน ยามนี้ยังรู้สึกตะลึงลาน

จักรพรรดิประกายกาฬสิ้นชีวิตไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดถึง

แต่ว่าเมื่อเชื่อมโยงถึงตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรา เถาอวี้ก็เกิดความคิดมากมายขึ้นชั่วขณะ

เยี่ยนจ้าวเกองอขาข้างหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าเล็กน้อย มองเถาอวี้ด้วยรอยยิ้ม สีหน้าผ่อนคลาย

การสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ลี้ลับไร้สิ้นสุด วรยุทธ์ระดับสุดยอดที่ยอดเขาอัศจรรย์ครอบครองไม่ได้มีเพียงหนึ่ง

นอกจากจักรพรรดิแพรที่อาจจะเป็นข้อยกเว้นแล้ว สำหรับการฝึกฝนของคนอื่นๆ ต่อให้จะบรรลุวรยุทธ์ระดับสุดยอดทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็จะให้เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

ที่เถาอวี้ได้ฉายาว่าเทพธิดาสสารกำเนิด ความจริงอธิบายถึงปัญหานี้ได้อย่างดี

นางและสายสืบทอดถ้ำน้ำพุพิสุทธิ์อันเป็นสำนักของนาง ส่วนใหญ่แล้วให้ความสำคัญกับร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดในเคล็ดวิชาห้ากำเนิดแรกเริ่ม

เชื่อว่าสายสืบทอดของพวกนาง อาจจะเป็นสำนักที่ศึกษาร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดล้ำลึกที่สุด ในบรรดาสำนักที่อยู่บนยอดเขาอัศจรรย์นอกจากผาบัวแดง

ร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดเป็นวิชาคุ้มกันกายระดับสุดยอดของสำนักเต๋า เทียบเคียงได้กับร่างมหาเซียนปัญจธาตุที่อยู่ในคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต ซึ่งเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์

การป้องกันของเถาอวี้แข็งแกร่งถึงขีดสุด หากมองไปทั่วโลกซ้อนโลกแล้ว เกรงว่าคนในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่เทียบเคียบกับนางได้จะมีอยู่ไม่กี่คน

ส่วนการโจมตีของนาง ก็เชื่อว่ายังคงเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ อย่างเช่นฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ

ถึงอย่างไรเถาอวี้ก็ใช้วรยุทธ์ต่างๆ เช่นฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด เป็น

กระนั้นเมื่อเทียบกับการป้องกันของนาง หรือเทียบกับคนที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์อย่างฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดในสำนัก การโจมตีของนางก็ไม่ได้โดดเด่นถึงเพียงนั้น

แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้วิธีจัดการเยี่ยนจ้าวเกอโดยสิ้นเชิงแล้ว

เถาอวี้หยิ่งทะนงไม่แปลกปลอม ก่อนจะลงมือ นางก็ไม่ได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอในสายตาจริงๆ

ทว่าถึงอย่างไรนางก็เป็นยอดฝีมือตัวจริงเสียงจริง

ครั้นยอดฝีมือลงมือ ก็ทราบแล้วว่ามีฝีมือจริงหรือไม่

ประมือเพียงกระบวนท่าเดียว เถาอวี้ก็คำนวณพลังที่เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกมาได้อย่างคร่าวๆ

ชายหนุ่มผู้นี้มีพลังเหนือกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันทั่วๆ ไป ยังไม่พูดถึงว่าเขาเหนือกว่าคนที่มีระดับพลังสูงกว่าบางคน แต่ยังเหนือกว่าฟู่ถิงที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วย

…เถาอวี้ถึงขั้นที่รู้สึกได้ว่า จักรพรรดิแพร ศิษย์พี่ของนาง หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลกผู้ยิ่งใหญ่ หากอยู่ในระดับเดียวกันกับเยี่ยนจ้าวเกอก็คงเอาชนะเขาไม่ได้!

ผลลัพธ์นี้ทำให้เถาอวี้รู้สึกเหลือเชื่อ แต่กลับจำต้องเชื่อ

ไม่ว่านางจะมีความรู้สึกต่อประมุขอาคเนย์ ต่อฟู่ถิง ต่อเยี่ยนจ้าวเกออย่างไร นางก็จำเป็นต้องยอมรับว่า นี่เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นคนหนึ่ง

ถ้าหากว่าลูกศิษย์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านั้นมาหานาง แล้วบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอล้วนอาศัยสิ่งของอย่างตราประทับตะวัน แต่กลับไม่มีความสามารถที่แท้จริง เถาอวี้จะตบหน้าใส่ฉาดหนึ่ง เพื่อเตือนสติคนที่ปั้นน้ำเป็นตัวเหล่านี้

มาตรแม้นจะเป็นเช่นนั้น ลูกศิษย์ของเขาทุ่งวิจิตรก็ถูกคนทำร้ายใต้หนังตาของนาง นางถ้าหากไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นนางก็ไม่ใช่เถาอวี้แล้ว

เพียงแต่สุดท้ายเถาอวี้กลับมีความลังเลบางส่วน

เนื่องจากว่าการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคารใกล้มาถึงแล้ว

ถึงแม้ว่าจะมีความคับแค้นมากมาย แต่ว่าเมื่อเรื่องเกี่ยวพันถึงจักรพรรดิแพร เถาอวี้ที่ยโสโอหังมาตลอดก็รู้สึกลังเลขึ้นมา

ในยามนี้เอง เยี่ยนจ้าวเกอกับเถาอวี้ก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน

ด้านในมิติอันมืดมิดที่กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดด้านนอกเรือนภาบัวแดง พลันปรากฏแสงสีแดงสายหนึ่ง

แสงเพลิงสีแดงระเบิดออก มิติทั้งมิติคล้ายกับกำลังสั่นไหว

เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเถาอวี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีใบหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง

ทวนพระอังคารมาถึงแล้ว

เพลิงลุกโชนกระจายออกมาจากด้านในมิติที่มืดมิด

เรือนภาบัวแดงที่เดิมทีทำให้คนรู้สึกตกตะลึง พลันเปลี่ยนเป็นบุปผาเหี่ยวเฉากลางสายลม ส่ายไหวไม่หยุด

เทพอัคคีสูงเก้าจั้ง เหยียบมังกรสองตัว ปรากฏตัวขึ้นในมิติ

อีกด้านหนึ่ง โลกที่เกิดจากจิตหมัดญาณจริงแท้ของประมุขปฐวี ตอนนี้เคลื่อนหนีออกไปอย่างควบคุมไม่ได้!

“ข้ามาถึงที่นี่แล้ว ฟู่อวิ๋นฉืออยู่ที่ใด?”

เสียงอันยิ่งใหญ่สะท้อนในมิติไร้สิ้นสุดไม่ขาดหู ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน

ฟู่อวิ๋นฉือ คือชื่อของจักรพรรดิแพรงาม บิดาของฟู่ถิง

แต่ว่าหากกวาดสายตามองไปทั่วใต้หล้า คนบนโลกซ้อนโลกที่กล้าเรียกชื่อของเขาตรงๆ เช่นนี้ เกรงว่าจะมีจำนวนนับนิ้วได้

เถาอวี้มองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง สุดท้ายนางก็ละสายตา และออกจากเรือนภาบัวแดงไป

นางมองยักษ์เพลิงที่อยู่ห่างออกไป สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ยังไม่ถึงเวลา ใต้เท้าโปรดใจเย็นลงก่อน”

ยักษ์เพลิงตัวนั้นไม่ว่าอะไร “ไม่เป็นไร ข้ารอมานานถึงเพียงนี้แล้ว รออีกสักเล็กน้อยจะเป็นไร”

ว่าจบแล้วก็ยืนตัวตรงอยู่กับที่

ดวงตาของเขามีเปลวเพลิงปกคลุม ทำให้คนมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่ทุกคนกลับรู้สึกได้ว่า เหมือนกับสายตาอยู่บนร่างของตน

เยี่ยนจ้าวเกออกจากเรือนภาบัวแดง มองทวนพระอังคารที่อยู่ห่างไปอย่างสนอกสนใจ

………………..