ตอนที่ 2466

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,466 : สหายเก่า…พบกันอีกครั้ง

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนโมโหถึงขีดสุด

 

สำหรับเขาแล้ว เค่อเอ๋อ เป็นหนึ่งในคนที่เขาห่วงใยมากที่สุดในโลกนี้!

 

หากมีสถานการณ์เป็นตายเกิดขึ้น และเขากับเค่อเอ๋อสามารถรอดไปได้แค่คนเดียวล่ะก็….

 

เขายินดีให้เค่อเอ๋อเป็นคนที่รอด!

 

เพราะในสายตาเขาชีวิตเค่อเอ๋อยังสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเขาเสียอีก!

 

เขายึดถือเค่อเอ๋อเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตมาโดยตลอด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทะนุถนอมนางนัก กระทั่งกล่าวได้ว่า จะถือไว้ในมือก็กลัวตกจะคาบไว้ก็กลัวเป็นเปื้อน…

 

ทว่าคราวนี้ก่านหรูเยี่ยนกลับพาเค่อเอ๋อเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ที่มากอันตราย!

 

จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงไหว!

 

กระทั่งตอนนี้ยังบังเกิดจิตคิดฆ่าก่านหรูเยี่ยนให้ตาย!!

 

“ขะ….ข้า”

 

เดิมทีพอได้เห็นต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนก็ดีใจนัก

 

แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวเบื้องหน้า อีกฝ่ายก็มองกล่าวมาด้วยสีหน้าแววตาราวกับเห็นนางเป็นศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตาย!

 

ถึงแม้นางจะรู้ดี…

 

ว่าที่ต้วนหลิงเทียนเป็นแบบนี้เพราะอีกฝ่ายยังไม่ทราบถึงพลังของน้องสาวนางอย่างเค่อเอ๋อ และรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวนางมาก

 

อย่างไรก็ตามแม้นางจะรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่พอเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความน้อยใจทั้งสูญเสีย

 

ตั้งแต่ในอดีตนางไม่เคยคิดจะเอาตัวไปเทียบกับเค่อเอ๋อน้องสาวนาง เรื่องความสำคัญในใจของบุรุษเบื้องหน้า

 

เพราะนางรู้ดีว่าเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตามนางไม่คิดไม่ฝันจริงๆ

 

ว่าเพียงเพราะห่วงความปลอดภัยของน้องสาวนาง บุรุษผู้นี้ถึงขั้นคิดฆ่านางจริงๆ…

 

บางทีหากน้องสาวของนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่พ้นบุรุษเบื้องหน้าต้องฆ่านางทิ้งระบายโทสะเป็นแน่!

 

“เจ้าสมควรขอบคุณที่เค่อเอ๋อยังปลอดภัยดี…หากเค่อเอ๋อเป็นอะไรไปขึ้นมาข้าไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่!”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจความคับแค้นทดท้อทั้งน้อยใจบนใบหน้าก่านหรูเยี่ยนและทีท่าเสียใจผิดหวังของนาง เขาเพียงมองก่านหรูเยี่ยนด้วยสายตาไม่แยแส ระหว่างเขากับก่านหรูเยี่ยนตอนนี้เสมือนกลายเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนเสมือนได้รับคำยืนยันความคิด นางจึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

 

ตอนแรกนางก็คิดอธิบายเรื่องราว แต่ตอนนี้อยู่ๆนางพลันรู้สึกขึ้นมาว่า…

 

คำอธิบายใดๆ ล้วนไร้สำคัญแล้ว…

 

ในสายตาอีกฝ่ายนางก็คือก่านหรูเยี่ยน ผู้ที่กระทั่งแม้แต่เส้นผมของเค่อเอ๋อยังไม่อาจเทียบได้…

 

เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ในใจนางบังเกิดความรู้สึกริษยาน้องสาวตัวเองเล็กน้อย

 

ในอดีตนั้นนางมีแต่ความอิจฉาน้องสาวตัวเองเท่านั้น แต่ไม่เคยเลยที่จะมีความริษยา…

 

มาตอนนี้พอเห็นสายตาเยียบเย็นแฝงอำมหิตที่มองจ้องมาราวพร้อมจะฆ่านางได้ตลอดเวลาไร้ซึ่งความปราณีใดๆ ในใจก่านหรูเยี่ยนจึงอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความริษยาเค่อเอ๋อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ‘ข้ากับเค่อเอ๋อก็เป็นพี่น้องฝาแฝดที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ…’

 

‘แต่ไฉนพออยู่ต่อหน้ามันคล้ายจะแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้…’

 

‘หรือเพราะ…เค่อเอ๋อได้เจอมันก่อน…’

 

เมื่อสัมผัสได้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอิจฉาริษยาน้องสาวฝาแฝดอยู่ ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมเย้ยเยาะตัวเอง

 

“พี่เทียนท่านกล่าวอันใด!”

 

“พี่เทียน…ท่านเข้าใจผิดแล้ว!”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏกตัวเบื้องหน้าแล้วกล่าวกับก่านหรูเยี่ยนด้วยสายตาเยียบเย็นเสียงแข็ง เค่อเอ๋อก็ตกตะลึงไปไม่น้อย หลังจากที่นางฟื้นสติแล้วก็เร่งมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

 

“เข้าใจผิด?”

 

ได้ยินคำกล่าวของเค่อเอ๋อต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา พลางขมวดคิ้วกล่าวออกว่า “เค่อเอ๋อเจ้าไม่ต้องพูดแทนนางหรอก…บางทีเป็นเพราะเจ้าอาจจะอยากเข้ามา แต่ถ้านางเลือกไม่พาเจ้าเข้ามาสักคนเจ้าจะเข้ามาได้หรือ?”

 

“เรื่องนี้นางเป็นคนรับผิดชอบ!”

 

ต้วนหลิงเทียนคิดไปว่าเค่อเอ๋อเพียงจะกล่าวหาข้ออ้างเพื่อช่วยพี่สาวตัวเอง

 

“พี่ใหญ่ต้วน ท่านเข้าใจพี่สาวหรูเยี่ยนผิดไปแล้วจริงๆ”

 

ทว่าตอนนี้เองเฟิ่งเทียนหวู่ที่ยืนอยู่อีกข้างของเค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะรีบกล่าวออกมา ใบหน้างามเผยความทำอะไรไม่ถูกทั้งลนลานอยู่บ้าง

 

“หืม?”

 

พอได้ยินเฟิงเทียนหวู่พูดเหมือนกัน ต้วนหลิงเทียนแม้จะมีโมโหแต่ก็ไม่ได้ขาดสติ เขาย่อมตระหนักได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปกติ

 

หากมีแค่เค่อเอ๋อคนเดียวบอกเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พ้นคิดว่าเป็นเพราะนางกำลังเข้าข้างและคิดปกป้องพี่สาว

 

ทว่าตอนนี้กระทั่งเฟิ่งเทียนหวู่ยังพูดเหมือนกัน

 

“เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ”

 

และสิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องประหลาดใจก็คือ กระทั่งมู่อีอี ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2ความลับสวรรค์ ที่ลอยอยู่ข้างๆเฟิ่งเทียนหวู่อีกที ก็กล่าวเข้าข้างก่านหรูเยี่ยน!

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนผงะไปชั่วครู่ ค่อยหันไปมองถามเค่อเอ๋อด้วยท่าทางสับสน “เค่อเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

 

“พี่เทียน ข้า…”

 

และในขณะที่เค่อเอ๋อกำลังจะกล่าวอธิบายเรื่องราวนั้นเอง

 

“ต้วนหลิงเทียน!!”

 

เสียงเรียกหนึ่งพลันลั่นดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนมาแต่ไกล แถมในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความสุขความยินดีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ร่างต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันใด ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจด้วยความยินดี

 

นั่นเพราะเสียงเรียกหานี้ไม่ใช่น้ำเสียงแปลกหูเขาแต่อย่างไร

 

ถึงเขาเองก็ไม่ได้ยินน้ำเสียงดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว

 

ทว่าน้ำเสียงทีเรียกหาคราวนี้ ให้ตายเขาก็ไม่มีวันลืมได้

 

เพราะในชีวิตเขามีสหายอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งแต่ละคนล้วนเป็นสหายอันประเสริฐที่ที่คบหากันด้วยใจไร้แอบแฝง

 

ถึงแม้จะต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเองจนต้องจากกันมาเนิ่นนาน แต่เขาไม่มีทางลืมน้ำเสียงของอีกฝ่ายแน่นอน

 

“ซูหลี่!!”

 

ก่อนที่จะทันได้ละสายตาออกมาจากเค่อเอ๋อเพื่อหันไปมอง ต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงเป็นผู้ใด!

 

ซูหลี่!!

 

เป็นสหายที่เขารู้จักกันตั้งแต่ในทวีปมนุษย์!

 

กระทั่งยังเป็นสหายที่คบหากันมาตั้งแต่เขายังเป็นวัยรุ่น!

 

ขวับ!

 

เมื่อเค่อเอ๋อถูกเสียงเรียกของซูหลี่ขัดคำ นางก็ไม่คิดจะกล่าวใดต่อ สายตาต้วนหลิงเทียนจึงหันไปมองทางต้นเสียงทันที

 

ด้านหลังม่านหมอกที่กำลังอ่อนจางลง ปรากฏร่างชายหนุ่มลอยล่องอยู่ที่นั่น

 

ชายหนุ่มคนนี้มาในชุดคลุมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต กระทั่งบนร่างยังแผ่กลิ่นคาวโลหิตออกมาคละคลุ้ง บ่งบอกให้รู้ว่าโลหิตทั้งหลายพึ่งโชลมชุดเสื้อมาได้ไม่นานนัก!

 

นอกจากนี้ในมือยังถือไว้ด้วยกระบี่เล่มหนึ่งพับเก็บซ่อนไว้หลังแขน

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมมองถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่ดังกล่าวได้ออกทันทีที่เห็น

 

ถึงเขาจะไม่ได้ใช้สำนึกเทวะสำรวจกระบี่ดังกล่าว แต่เขาก็มั่นใจได้ทันทีจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวกระบี่

 

กระบี่ในมือซูหลี่เป็น ‘กระบี่เซียนอมตะ’ ไม่ผิดแน่!

 

“ฮ่าๆๆๆ…ซูหลี่ นี่เจ้ามาได้ยังไงเนี่ย!?”

 

หลังยืนยันได้เป็นมั่นเหมาะว่าเบื้องหน้าเป็นสหายที่ไม่พบกันนานอย่างซูหลี่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ร่างอันตรธานหายไปจากเบื้องหน้าสตรีทั้ง 4 ทันที

 

และพริบตาคนก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้าซูหลี่ ทั้งมองจ้องสำรวจอย่างสนใจราวกับกลัวว่าสหายที่ไม่ได้พบกันนานปีจะอันตรธานหายไปในความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตา

 

“ทั้งหมดล้วนกล่าวได้ว่าเป็นความบังเอิญทั้งสิ้น พอดีข้า…”

 

ในขณะที่ซูหลี่คลี่ยิ้ม และคิดกล่าวอธิบายเรื่องราวให้ต้วนหลิงเทียนฟังนั้นเอง

 

“ซูหลี่ตามข้าไปพบท่านบรรพบุรุษ”

 

เสียงสตรีเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้น ขัดจังหวูหลี่ อีกทั้งเสียงเย็นของนางยังเป็นคำสั่งอย่างเห็นได้ชัด

 

และเมื่อเสียงเยียบเย็นของสตรีที่ว่าดังขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าซูหลี่ก็ชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปมองกล่าวกับร่างบางที่ลอยอยู่ไม่ไกลพลางกล่าวขอโทษ “ขออภัยด้วยคุณหนู ข้ากับสหายไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว…ให้ข้าได้สนทนากับสหายสักพักได้หรือไม่?”

 

“คุณหนู?”

 

ตั้งแต่ที่ได้ยินคนออกคำสั่งกับซูหลี่ต้วนหลิงเทียนก็ชักสีหน้าไม่รับแขกออกมา

 

และพอต้วนหลิงเทียนเห็นว่าซูหลี่หันไปกล่าวกับสตรีที่ว่าอย่างไร…

 

จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะตกลึงทั้งอึ้งไป…

 

ไฉนซูหลี่ถึงกล่าวด้วยเสียงสุภาพราวกับตัวเองเป็นข้ารับใช้และเรียกหาสตรีดังกล่าวว่า “คุณหนู” ?

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหันไปมองพินิจสตรีที่ว่าด้วยสายตาจริงจัง

 

สตรีนางนี้มาในชุดขาวราวหิมะ ใบหน้ายังแลดูอ่อนเยาว์ทั้งมีความงดงามเทียบได้กับภรรยาเขาอย่างเค่อเอ๋อและสตรีคนรักอย่างเฟิ่งเทียนหวู่

 

นอกจากนี้ทั่วร่างสตรีดังกล่าวยังให้ความรู้สึกเย็นชา ราวกับทั่วร่างแผ่ไอเย็นออกมาตลอดเวลาจนทำให้คนรอบกายรู้สึกคล้ายฤดูหนาวมาเยือน…

 

ประหนึ่งนางจะผลักไสผู้คนให้ถอยไปไกลห่างนับพันลี้!

 

“อย่าได้ลืมว่าตอนนี้เจ้าเป็นแค่ทาสกระบี่ของข้า ยังกล้าไม่เชื่อฟังคำข้าหรือ?”

 

ได้ยินคำของซูหลี่ สตรีในชุดขาวก็เหลือบมองซูหลี่ด้วยหางตา เสียงกล่าวยังเยียบเย็นลงกว่าเดิม

 

สองตาซูหลี่หดเล็กลงเล็กน้อยหลังได้ยินคำของอีกฝ่าย

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ได้ยินเสียงเยียบเย็นของสตรีชุดขาวซูหลี่ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่จะหันมองมาทางต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขอโทษ “ต้วนหลิงเทียนไว้วันหลังค่อยเจอกัน…ตอนนี้ข้าต้องติดตามคุณหนูเริ่นไปวังเซียนหยวนก่อน”

 

กล่าวสิ้นคำร่างซูหลี่ก็คล้ายจะเหินไปลอยอยู่ด้านหลังสตรีที่ว่า

 

ฟุ่บ!

 

หากทว่าต้วนหลิงเทียนกลับเหินลอยไปขวางซูหลี่เอาไว้เพื่อหยุดซูหลี่ ก่อนที่จะขมวดคิ้วกล่าวถามซูหลี่ออกมาว่า “ซูหลี่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่…เจ้าไฉนกลายไปเป็นทาสกระบี่ของนางได้?”

 

“นางใช่ข่มขู่อะไรเจ้าอยู่หรือไม่…ด้วยมีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกลัวนาง! หากนางกล้าทำให้สหายข้าต้วนหลิงเทียนต้องอับอาย นางถือว่าเป็นศัตรูของข้าต้วนหลิงเทียน!!”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันเลย

 

สหายเก่าที่หลายปีไม่พบพานยามได้พบกันอีกครั้ง มิคาดสหายคนนี้กลับคล้ายจะสิ้นสูญอิสรภาพและกลายเป็นทาสรับใช้ของผู้อื่นไปเสียแล้ว!

 

เรื่องแบบนี้จะทำให้เขายอมได้ยังไง!!

 

ซูหลี่คนนี้เป็นสหายของเขา ต้วนหลิงเทียน ยังจะปล่อยให้เป็นทาสรับใช้ผู้อื่นได้หรือ!?

 

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าฉากแรกที่ได้พบพานกับสหายเก่าที่ไม่เจอกันหลายปีอย่างซูหลี่จะลงเอยอีหร็อบนี้!

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

เมื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สายตาของสตรีในชุดขาวค่อยเหลือบมองมาทางเขาเขา แต่ก็เพียงเหลือบมองผ่านๆเท่านั้น ก่อนที่จะถอนสายตากลับไป

 

“ฮึ!”

 

หลังจากนั้นสตรีดังกล่าวก็พ่นลมสบถเสียงเย็นออกมา ก่อนที่ร่างนางจะคล้ายหมอกควันขาวรางเลือนวูบพัดออกไปดั่งพายุ พริบตาก็ไปหยุดลงข้างๆชายชราในชุดสีเทาที่แลดูมอซอคนหนึ่ง

 

ชายชราในชุดเทาผู้นี้ ชุดเทาของมันแลดูเก่านัก มีกระทั่งรอยเย็บปะชุนมากมาย

 

ทว่าแม้ชุดเทาของมันจะเก่าและมีรอยเย็บปะชุนไปทั่ว แต่ก็สะอาดสะอ้านไม่เปรอะเปื้อนแม้แต่น้อย

 

“ต้วนหลิงเทียนข้าต้องไปแล้ว…ข้าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เจ้ารู้ในภายหลังแน่นอน แต่ตอนนี้ข้าต้องไปอธิบายเรื่องเจ้าให้ทางนั้นฟังก่อน”

 

ซูหลี่กล่าวบอกต้วนหลิงเทียน ค่อยเหินร่างติดตามสตรีดังกล่าวไปแต่โดยดี

 

ก่อนที่ซูหลี่จะจากไปยังหันมากล่าวกำชับกับเขาทั้งหันไปกวาดตามองเค่อเอ๋อรวมถึงสตรีทั้ง 4

 

“หืม?”

 

ได้ยินคำของซูหลี่ ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองชายชราในชุดสีเทาไกลตา ค่อยหันกลับไปมองเค่อเอ๋อสลับกับเฟิ่งเทียนพลางกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

 

“เค่อเอ๋อ เทียนหวู่…พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่กันแน่?”