บทที่ 720 เมืองที่เงียบเหงา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 720 เมืองที่เงียบเหงา โดย Ink Stone_Fantasy

ตอนเย็นแสงอาทิตย์ไม่ถือว่าแรงมาก ตัวเกาะน้ำแข็งอัคคีก็ตั้งอยู่ด้านบนเส้นศูนย์สูตรด้วย ทำให้อุณหภูมิไม่สูงนัก เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะจะเดินเล่นบนเกาะที่สุด

การฟื้นฟูเศรษฐกิจของเกาะแฟร์เวลไม่ได้ส่งผลกระทบกับที่อื่นมากนัก แต่สำหรับเกาะน้ำแข็งอัคคีกับเมืองกาบีลาแล้ว ถือได้ว่าได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว

พาลีได้ทำการวิเคราะห์เรื่องการเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจของเกาะแฟร์เวลมาอย่างละเอียด เขารู้ว่าฉินสือโอวเป็นส่วนสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงนั้น ที่เขาทำการลงทุนกับฟาร์มปลาเรื่อยๆ นั้น ก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการรักษาความมั่นใจของผู้คนในเมือง

แม้ว่าเหล่าผู้คนในเมืองไม่ได้รับผลกำไรจากฟาร์มปลาต้าฉิน แต่ฟาร์มปลานี้แหละคือเกาะแห่งความกล้าของพวกเขา เมื่อมีคนยอมที่จะลงทุนเป็นจำนวนมากให้กับฟาร์มปลาแห่งนี้ ก็เท่ากับว่าฟาร์มปลารอบๆ ก็ยังมีหวัง ยังคงมีค่า เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องย้ายออกจากเกาะไป

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การที่ฉินสือโอวเป็นแกนนำพานักท่องเที่ยวมาจากประเทศจีน ทำให้การเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวประสบความสำเร็จด้วยดี

แน่นอนว่า พาลีไม่รู้ว่านี่เป็นผลงานของเหมาเหว่ยหลงที่ใช้เส้นสายของลูกชายคนโตในครอบครัวระดับสูงในการหาทัวร์มาลงให้กับเมืองต่างหาก แน่นอนว่า ฉินสือโอวเองก็ออกแรงช่วยเหลือไม่น้อยด้วยเหมือนกัน

สรุปก็คือพาลีได้ถือว่าฉินสือโอวเป็นฟางข้าวที่ช่วยชีวิตเมืองเล็กนั้นไว้

 “ความจริงแล้วนะ เพื่อน เกาะนี้เริ่มมีลางร้ายมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้มีคนเสนอให้เหล่าชาวประมงแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น ให้รัฐบาลออกเงินช่วยเหลือค่ารถที่ไว้ลากบ้านไปอยู่ที่อื่น” พาลีพูดพลางเดินไปด้วยพลาง “แต่ว่าขอแค่มีความหวัง ใครล่ะจะอยากออกไปจากบ้านเกิดตัวเอง คุณว่าจริงไหมครับ?”

ฉินสือโอวยืนอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งแล้วมองไปทางตัวเมือง แสงอาทิตย์เจิดจ้า อากาศปลอดโปร่ง เมื่อกวาดสายตาออกไปดู ก็มองเห็นตัวเกาะนี้ได้แทบทั้งเกาะ

บ้านเรือนสีขาวหลังเล็กๆ ที่กระจัดกระจายกันอยู่บนผืนดินแห่งนี้ ต้นไม้ใบหญ้าที่เติบโตกันเรื่อยๆ และมีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์กับสุนัขพันธุ์นิวฟันด์แลนด์เดินไปมาบนถนนอย่างเกียจคร้านเป็นครั้งคราว ทุกอย่างช่างให้ความรู้สึกที่สุขและสงบเสียจริง

แต่นี่ก็เป็นแค่ความรู้สึกจากผู้มาเยือนเท่านั้น เหล่าผู้คนในเมืองนั้นมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญมาก การอาศัยอยู่ที่เกาะนี้ต้องสูญเสียอะไรไปมากเช่นกัน

ความสูญเสียที่ว่านี้ได้เผยออกมาให้เห็นแล้วในตอนกลางคืน ตอนฉินสือโอวจัดเก็บของอยู่นั้นก็พบว่าน้ำยาบ้วนปากหมดแล้ว จึงถามพาลีว่าในเมืองมีขายที่ไหน

พาลียิ้มขมขื่นแล้วบอกกับเขาว่า ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองนั้นมีขายเพียงแค่ของใช้ในชีวิตประจำวันแบบทั่วไป อย่างเช่นน้ำมัน ข้าว และเกลือเท่านั้น ของจำพวกน้ำยาบ้วนปากนั้นจะต้องขับเรือไปซื้อตรงเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับช่องแคบ

 “คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่าบางครั้งที่พวกเราอยากจะกินขนมปังกับพิซซ่าร้อนๆ ที่เพิ่งออกจากเตา ก็ยังต้องนั่งเรือข้ามฟากไปถึงเมืองฝั่งตรงข้ามเหมือนกัน ทุกอาทิตย์ที่จะต้องกักตุนผัก เนื้อวัวหรือไข่ไก่ ก็ต้องไปที่นั่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นทุกครัวเรือนที่นี่จึงมีตู้แช่เย็นใหญ่ๆ แบบนี้กันหมด ออกไปซื้อของทีหนึ่ง จึงจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสะดวกสบายไปได้ช่วงหนึ่ง”

สีหน้าตอนที่พาลีพูดคำพูดพวกนี้ออกมานั้นเต็มไปด้วยความหดหู่อย่างเหลือล้น

เจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นๆ ก็ประสบกับปัญหานี้เหมือนกัน พวกเขาเคยชินกับการไปซื้อของใช้เพิ่มเมื่อไปถึงที่นั้นๆ แล้ว แต่ของที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้นั้นเมืองเล็กๆ แห่งนี้กลับไม่มีให้

สุดท้ายแม้แต่คนที่ปกติเป็นคนทนความยากลำบากได้มากที่สุดอย่างแอนดรูว์ก็ยังทนไม่ไหวจนถึงขั้นพูดออกมาว่า “ผมก็แค่อยากซื้อบุหรี่สักซองเท่านั้น เพื่อน ที่นี่ก็ไม่มีเหรอครับ? พระเจ้า คนที่นี่ไม่สูบบุหรี่กันเหรอครับ? พวกคุณนี่เป็นพ่อพระแม่พระกันเสียจริง”

 “พวกเราปลูกใบยาสูบกันเองครับ คุณจะลองดูไหม?” ชาวประมงชายแก่อายุประมาณเจ็ดสิบกว่าปียิ้มพร้อมกับโบกปล้องสูบในมือไปมา

ใบหน้าแอนดรูว์เต็มไปด้วยสีหน้าอ่อนแรง ดีที่ว่าในเมืองนี้มีเรือข้ามฟากกับเรือหาปลาให้พวกเขานั่งไปเกาะหลักของนิวฟันด์แลนด์เพื่อซื้อของได้

ส่วนเรือยอชต์ที่นั่งมาที่นี่น่ะเหรอ? เสียใจด้วย หลังจากมาถึงเกาะน้ำแข็งอัคคีแล้ว แมทธิวบอกว่าเรือต้องทำการซ่อมบำรุง ไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลาสามวัน

แน่นอนว่าเรือยอชต์ไม่ได้ซ่อมบำรุงอยู่หรอก เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาเข้าใจสิ่งที่แมทธิวอยากจะสื่อ ท่านประธานสภาอยากให้พวกเขาได้ลิ้มรสชีวิตของประชาชนในฟาร์มปลาที่ตกต่ำนั่นเอง

หากว่าการไปหมู่บ้านชาวประมงควีนได้มอบความรู้สึกหดหู่ให้กับเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาแล้วล่ะก็ งั้นความรู้สึกที่เกาะน้ำแข็งอัคคีมอบให้นั้นก็คือความสิ้นหวังละล่ะ

เมืองกาบีลานั้นทรุดโทรมเป็นที่สุด ไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด ตอนพวกเขาเดินอยู่ในเมืองนั้น พบเจอเพียงเด็กกำลังโต ไม่ก็คนแก่อายุหกสิบกว่าปีแล้วทั้งนั้น ที่พาลีบอกว่าอายุโดยเฉลี่ยของผู้คนที่นี่คือ 62 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องพูดเกินจริงแต่อย่างไรเลย

 “เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ย้ายออกไปล่ะครับ? ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่เมืองเล็กเมืองนี้ต่อไปเลย” โดนัลด์พูดด้วยความรู้สึกเศร้าๆ

คนสูงอายุจะเข้าใจคนสูงอายุด้วยกัน ชาร์ลสกับผู้คนในเมืองมีอายุพอๆกัน ดังนั้นจึงเข้าใจถึงความคิดของพวกคนแก่ดี

เขาที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมมาตลอดทางได้ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แกมองไม่ออกเหรอ คนแก่ที่อยู่ต่อในตอนนี้ส่วนมากต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิตกันแล้วทั้งนั้น พวกเขานี่แหละเป็นประชากรของเกาะนี้อย่างแท้จริง”

เกาะแห่งนี้ตั้งขึ้นมาได้เพียงแค่สี่ห้าสิบปี แต่ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านชาวประมงอยู่แล้ว คนเหล่านี้เขาใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว

พาลีพูดกับฉินสือโอวอย่างหมดหนทางว่า “ถ้าหากไม่สามารถหาวิธีกู้ชีวิตเกาะนี้กลับมาได้ งั้นอีกไม่นานเกาะนี้ก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเกาะร้างจริงๆ แล้วล่ะครับ”

ฉินสือโอวถามว่าเพราะอะไร พาลีอธิบายว่า รัฐบาลของเขตนิวฟันด์แลนด์กับแลบราดอร์ได้สนับสนุนให้พวกเขาย้ายที่อยู่กันตลอดมา ถ้าหากว่าผู้คนที่นี่ยอมที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ทางรัฐบาลก็พร้อมที่จะให้เงินชดเชย

การที่รัฐบาลกระตือรือร้นแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะเป็นห่วงชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการสาธารณูปโภคบนเกาะด้วย ทางรัฐบาลได้สร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันดีเซล โรงพยาบาลเล็กๆ กับโรงเรียนบนเกาะไว้ เพื่อรักษาสาธารณูปโภคบนเกาะ ซึ่งทุกปีทางรัฐบาลจะต้องใช้เงินถึงหลักล้านดอลลาร์แคนาดาไปกับที่แห่งนี้

หากว่าผู้คนในเมืองพากันย้ายออกไปแล้ว ทางรัฐก็จะสามารถหยุดให้บริการทุกอย่าง เป็นการตัดค่าใช้จ่ายออกไป

คนที่มีเหตุผลหน่อยต่างก็รู้ว่าชะตาชีวิตของเกาะนี้นั้นได้จบลงแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถย้ายออกไปได้ ก็เหมือนกับที่ชาร์ลสพูด สำหรับคนที่อายุหกสิบกว่าปีแล้วนั้น จะให้พวกเขาย้ายไปที่ไหนได้อีก?

รัฐบาลของแคนาดามีข้อดีอย่างหนึ่ง ก็คือไม่มีการบังคับให้ย้าย ในเมื่อในเมืองนี้ยังมีประชาชนที่เลือกจะอยู่ต่อ เมื่ออิงจากกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้ว สิบครัวเรือนขึ้นไปสามารถยื่นเรื่องขอสร้างหมู่บ้าน ห้าสิบครัวเรือนขึ้นไปสามารถยื่นเรื่องขอสร้างเมือง เมื่ออยู่ในระดับเมืองแล้ว ทางรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องให้บริการโดยการจัดสรรสาธารณูปโภคให้

เมืองกาบีลามีคนอยู่ไม่เยอะ ประมาณสองร้อยต้นๆเท่านั้น แต่หลายๆครอบครัวจะมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่เพียงคนเดียว คู่ชีวิตไม่เสียชีวิตไปก่อนก็ย้ายออกไปพร้อมคนในครอบครัวคนอื่นๆ แล้ว ทำให้แม้ว่าจะเป็นในเมืองเล็กๆ แบบนี้แต่ก็ยังมีถึงหนึ่งร้อยกว่าครัวเรือน เมื่ออิงจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงยังคงสามารถรักษาสิทธิประโยชน์ของการเป็นเมืองไว้ได้

เหตุผลที่ต้องมีกฎหมายแปลกๆ พวกนี้ ก็เพราะเมื่อก่อนแคนาดามีพื้นที่มากแต่มีประชากรน้อย เพื่อเป็นการดึงดูดชาวอพยพ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกเงื่อนไขเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นหากว่าประชาชนในประเทศต่างพากันอพยพออกไปหมด งั้นประเทศนี้ก็ล่มสลายกันพอดี

เพื่อเป็นการโน้มน้าวประชาชนในเมือง หนึ่งปีก่อนทางรัฐบาลเขตได้เพิ่มเงินช่วยเหลือในการย้ายออก เงินชดเชยสำหรับการย้ายออกต่ำสุดคือสามแสนดอลลาร์แคนาดาต่อครัวเรือน หากว่าในหนึ่งครัวเรือนมีสมาชิกสองคน ก็จะเพิ่มเป็นสามแสนดอลลาร์แคนาดา หากว่าในหนึ่งครัวเรือนมีสมาชิกสามคน ก็จะสามารถได้รับเงินค่าชดเชยในการย้ายออกเป็นสามแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา

สำหรับคนสูงอายุในเมืองแล้ว เงินจำนวนนี้ถือเป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว พวกเขาอายุมากแล้ว ตอนนี้หาเงินไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นชาวประมง ก็ไม่ได้หาเงินได้มากมายอะไร

ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว การได้รับเงินชดเชยเพื่อย้ายออกจากเกาะไปเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย ถือซะว่าเป็นเงินบำนาญก็ได้ อย่างไรเสียหากยังอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ จะให้พวกเขาหาเงินจากไหนมาใช้ประทังชีวิตกันล่ะ?

เมื่อมีเงินก้อนโตเป็นแรงกระตุ้น เป็นธรรมดาที่จะมีประชาชนที่อยากจะย้ายออกเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงมีคนที่ไม่ยอมออกจากเกาะแห่งนี้ คนก็แบบนี้ยิ่งแก่ก็ยิ่งรั้น

สิ่งที่กวนใจชาวเมืองที่อยากจะย้ายออกก็คือ เงินชดเชยของรัฐบาลจะจ่ายให้ในกรณีที่ย้ายออกไปทั้งเมืองเท่านั้น ก็คือจำเป็นต้องย้ายออกไปทุกคนรัฐจึงจะจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นรัฐจะจ่ายให้เฉพาะค่าช่วยย้ายบ้านสำหรับคนที่จะย้ายออกเท่านั้น

นี่ก็คือจุดที่ทำให้พาลีลำบากใจ คนที่อยากย้ายออกเพราะอยากได้เงินโทษเขาที่ทำงานช้า ไม่เด็ดขาด คนที่ไม่อยากย้ายก็โทษว่าเขาเลือดเย็น ไม่สนใจบ้านเกิด ตอนนี้จึงเป็นเขาที่ติดอยู่ตรงกลางที่ลำบากใจที่สุด

………………………………..