บทที่ 1145 ช่องว่างของขั้นพลัง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,145 ช่องว่างของขั้นพลัง

ภายนอก นางมีลักษณะเป็นเพียงหญิงสาวโฉมสะคราญเยาว์วัย ชายกระโปรงพลิ้วไหวไปตามสายลม ร่างกายพุ่งเป็นลำแสงอย่างผู้ที่มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน

คลื่นพลังสีดำที่ฮั่วเฟยฮัวปลดปล่อยออกมา สามารถต้านทานการโจมตีของถังหลิวฮัวได้อย่างไม่มีปัญหา…

นี่คือการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือแห่งแผ่นดินตงเต้าอย่างแท้จริง

กลิ่นหอมพลันลอยเข้ามาเตะจมูกของถังหลิวฮัว

ในยุทธภพมีข่าวลือที่บอกว่าหากผู้ใดได้สูดดมกลิ่นหอมจากคฤหาสน์กำยาน นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นกำลังจะต้องตายอย่างช้า ๆ…

“เคี๊ยก ๆๆๆๆ”

เสวี่ยนเม่ยเจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาวพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างวิกลจริต

“อิอิ… คิดสังหารพวกเรา คงไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น”

ควงซวีจือผู้นำจากหุบเขาผีเสื้อพิษยิ้มแย้มอ่อนหวาน เสียงพูดของนางก้องกังวานไปทั่วสะพานหิน

แล้วร่างของนางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว ควงซวีจือก็ไปถึงอีกด้านหนึ่งของสะพานหิน เมื่อนางขยับมือ ปีกสีดำบนแผ่นหลังก็กระพือผงยาพิษออกมาตลบฟุ้งในอากาศด้วยเจตนาต้องการทำร้ายให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บล้มตาย

“น่าเสียดายที่มีคนหลงผิดอีกแล้ว”

เจ้าสำนักกระบี่สนธยาชักกระบี่ออกมาเข้าร่วมวงการต่อสู้

บัดนี้ ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูงต่างก็ระเบิดพลังลมปราณของตนเองออกมาอย่างเต็มอัตรา

นั่นทำให้บ่อลาวาที่อยู่ด้านล่างเกิดการระเบิดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า

สำหรับผู้ที่มีพลังขั้นเซียนต่ำกว่าระดับ 4 เพียงหายใจให้เต็มปอดพวกเขายังทำไม่ได้ นับประสาอะไรจะเข้าร่วมการต่อสู้

“วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด ฮ่า ๆๆ ข้าจะรับประทานหัวใจและดื่มเลือดของพวกเจ้า”

ฉู่อวิ๋นซุนร้องคำรามออกมา

ในที่สุด เขาก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความโกรธแค้นได้อีกต่อไป

ในขณะที่บ่อลาวาด้านล่างเกิดการระเบิดตัวอย่างต่อเนื่อง เส้นโลหิตจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่านเจ้าเมืองหนุ่มราวกับเป็นรอยสักอันน่าขนลุก

ดูเหมือนฉู่อวิ๋นซุนจะเข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่งเต็มรูปแบบเมื่อเขาโถมตัวออกไปเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักกระบี่กระดูกขาว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

คมกระบี่สาดประกายแวววาว

และลู่กวนไห่ก็ลงมือแล้วเช่นกัน

กระบี่เงินในมือของนางปลดปล่อยพลังออกมาอย่างรุนแรง

ผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของลู่กวนไห่ก็คือควงซวีจือนางพญาจากหุบเขาผีเสื้อพิษ ทั้งสองฝ่ายล้วนแต่เป็นหญิงงามที่มีความแข็งแกร่ง ฝ่ายหนึ่งกระพือปีกปลดปล่อยพลังปราณกระบี่และยาพิษ อีกฝ่ายสร้างม่านพลังห่อหุ้มร่างกายและตวัดกระบี่ฝ่าฟันเข้าไปในม่านหมอกควันพิษสีดำทะมึน…

ในเวลาเดียวกันนี้ สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดซึ่งถูกเรียกว่าผู้อาวุโสหลินผู้นั้นก็กำลังต่อสู้อยู่กับเว่ยตงเฉิงแห่งสำนักกระบี่สนธยา

บัดนี้ การต่อสู้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง

หากพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจถึงแก่ชีวิต

เจี๋ยนอู่จีผู้ได้รับมอบอำนาจจากวิหารเทพพงไพรยืนอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสะพานหิน กระบี่ในมือยกขึ้นวาดเป็นวงกลม สลายคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากการต่อสู้โดยรอบ ส่งผลให้บรรดาผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังเขาสามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น…

“อย่าบอกนะว่าซ่อนตัวอยู่ที่นี่?”

ชายชราค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาและสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

สุสานหินใต้ดินแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแรงก็จริง แต่ขณะนี้กำลังเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสูง ไม่ว่าอย่างไรผนังหินเหล่านี้ก็ต้องถล่มลงมาบ้าง แต่นี่เห็นได้ชัดว่ามีการสร้างค่ายอาคมคุ้มครองผนังโดยรอบ ทำให้มีเพียงเศษหินเล็กน้อยร่วงกราวลงมาจากด้านบนเท่านั้น

ทุกครั้งที่รังสีกระบี่พุ่งผ่านเข้าไปถึงผนังหิน รังสีกระบี่เหล่านั้นก็จะดับวูบลงคล้ายกับแสงจันทร์ที่ดับแสง แล้วบนผนังหินก็จะเกิดแสงสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผนังหินด้านไหนก็ล้วนแต่เป็นเช่นนี้หมดสิ้น…

“ค่ายอาคมเช่นนี้…”

เจี๋ยนอู่จีรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าตนเองเคยเห็นมันมาจากที่ใด ราวกับว่านั่นเป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นมานานมากเกินไปและไม่สามารถนึกทบทวนกลับมาได้อีก

และด้วยความช่วยเหลือจากพลังของตราศิลาศักดิ์สิทธิ์ เจี๋ยนอู่จีจึงได้รับทราบว่าม่านพลังเหล่านี้นอกจากคอยคุ้มครองผนังหินทั้งหมด พวกมันยังช่วยตัดขาดสุสานใต้ดินแห่งนี้จากโลกภายนอกอีกด้วย

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดชาวเมืองไป๋หยุนถึงเลือกหลบหนีมาที่นี่

หากวันนี้ ก่อนที่นายท่านจะสามารถปิดบัญชีผู้อาวุโสฉีได้สำเร็จ หากพวกเขาถูกพวกของเจิ้นหรู่หลง เม่ยฮัวโส่วและฮั่วเฟยฮัวสังหารตกตายอยู่ที่นี่ ความจริงทั้งหมดก็จะถูกกลบฝังไปตลอดกาล…

หากทางวิหารเทพพงไพรไม่ได้รับทราบความจริง กลุ่มสาวกปีศาจประจำเมืองไป๋หยุนก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล

นับเป็นแผนการที่แยบยล

แต่ครั้งนี้ แผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ก็แยบยลไม่แพ้กัน

ดังนั้น สายตาของเจี๋ยนอู่จีที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามจึงเต็มไปด้วยความเวทนาและความเหยียดหยาม

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เสี่ยวหรานและพรรคพวกซึ่งกำลังวิ่งขึ้นมาบนสะพานหิน

มือกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนเหล่านี้แต่ละคนยังอยู่ในอาการบาดเจ็บ แค่ปกป้องตนเองยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรจะหยิบจับอาวุธต่อสู้…

หากสามารถสังหารมือกระบี่ปลายแถวเหล่านี้ได้ ช่องทางเดินทางด้านหลังสะพานหินนั้นก็น่าจะเป็นที่ซ่อนของทูตนรกจากเผ่าพันธุ์ปีศาจจันทราทมิฬแล้วกระมัง?

“ฆ่าให้หมด”

เจี๋ยนอู่จีสะบัดมือออกคำสั่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่ปลดปล่อยพลังของตนเองสร้างพื้นที่ว่างปราศจากพลังคุกคามของการต่อสู้รอบทิศทางบนสะพานหิน บรรดาผู้ติดตามที่อยู่ทางด้านหลังจึงรีบพุ่งกระโจนออกไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้าทันที

ในเวลาเดียวกันนั้น

“ฆ่ามัน”

“แก้แค้นให้พวกเรา”

“จัดการพวกมันให้ได้”

เหล่ามือกระบี่ชาวเมืองไป๋หยุนตะโกนปลุกใจพลางวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย แต่แล้วพวกเขาก็ล้มลงนอนจมกองเลือด หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องลอยกระเด็นตกลงไปในบ่อลาวาด้านล่าง ได้ยินเสียงผิวน้ำลาวาระเบิดตู้ม แล้วหมอกควันก็ลอยขึ้นมา ผู้ที่ตกลงไปในบ่อลาวาด้านล่าง นอกจากร่างกายหลอมละลาย กระทั่งดวงวิญญาณก็ถูกทำลายล้างหมดสิ้น

แต่ความตายของพวกเขาไม่ได้ไร้ค่า

เมื่อผู้คนจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุ สำนักคฤหาสน์กำยาน และสำนักกระบี่กังวานเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็มีจิตใจที่จะต่อสู้ด้วยความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น…

เจี๋ยนอู่จีก้าวเท้าเดินไปบนสะพานหินด้วยท่วงท่าปลอดโปร่งโล่งใจราวกับผู้เฒ่าเดินชมสวน

บรรดาผู้คนที่กำลังต่อสู้อยู่บนสะพานหิน ขอแค่มาเข้าใกล้เขาในระยะสองวา คนเหล่านั้นก็จะลอยกระเด็นออกไป ตัวระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด เสียชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัว

แม้แต่ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 2 และระดับ 3 ของสามสำนักใหญ่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีข้อยกเว้น

“ขวางเขาเอาไว้!!”

สามผู้อาวุโสจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุเห็นเช่นนั้นก็อดร้องตะโกนออกมาไม่ได้ พวกเขาช่วยกันโคจรพลังลมปราณ ก่อตั้งค่ายกลประจำสำนัก และผนึกกำลังกันออกไปโจมตีใส่เจี๋ยนอู่จี

ผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักมหากระบี่เพียงยกมือขึ้นโบกสะบัดแผ่วเบา

พลังปราณกระบี่พุ่งออกไป

แล้วร่างของผู้อาวุโสจากสำนักกระบี่สายฟ้าวายุทั้งสามคนนั้นก็กระตุกเฮือก ก่อนที่จะล้มลงสิ้นใจตาย…

อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

ช่องว่างของขั้นพลังยังแตกต่างกันมากเกินไป

“ตายซะเถอะ”

เจิ้นหรู่หลงแห่งสำนักกระบี่กังวานพุ่งเข้ามา

เขาเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 6 กระบี่ในมือและได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดศาสตราวุธ เมื่อระเบิดเสียงคำราม ก็สามารถปลดปล่อยพลังลมปราณลงไปในตัวกระบี่อย่างรุนแรง

สีหน้าของเจี๋ยนอู่จีไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

กระบี่สีเทาในมือเขาตวัดขึ้นมาแล้ว

เจิ้นหรู่หลงลอยกระเด็นออกไป โลหิตไหลทะลักออกปาก ตัวคนกระแทกเข้ากับกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างรุนแรง กระบี่คู่กายระเบิดกระจาย ไม่ทราบเลยว่ามีผู้คนต้องตกตายในการโจมตีครั้งนี้กี่ชีวิต