ตอนที่ 2,473 : บรรพบุรุษชิงเย่ เซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์!
ในขณะที่สายตาผู้คนหันไปจับจ้องรางวัยกลางคนผู้มาใหม่
“ท่านบรรพบุรุษ!”
“ท่านบรรพบุรุษ!”
…
เสียงคารวะทักทายด้วยเคารพไม่กี่เสียงพลันดังขึ้น ดึงความสนใจของทุกคน
ทันใดนั้นสายตาของผู้คนก็ละออกจากร่างวัยกลางคน ไปยังผู้ที่กล่าวทักชายวัยกลางคนทันที
ยกเว้นชายหนุ่มคนนึง ที่เหลือล้วนแลดูแก่ชราทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามผู้ชราเหล่านั้น ยามมองจ้อไปยังร่างชายวัยกลางคนผู้มาใหม่ ไม่เพียงแต่ความสุภาพเคารพ คล้ายยังเทิดทูนราวเป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาก็ไม่ปาน!
“พวกนั้น…มิใช่คนของด่าน 9 เซียนของระนาบคงสิงเราหรอกรึ?”
ไม่นานก็มีเซียนอมตะเสเพลจากระนาบคงสิงเอ่ยทักขึ้น เมื่อจดจำได้ว่าเหล่าผู้ชราที่กำลังคารวะทักทายเหล่านั้นมีพื้นเพมาจากระนาบคงสิงเหมือนกัน ยังมาจากขุมพลังชื่อ ‘ด่าน 9 เซียน’
“อ่า! พวกมันเป็นคนของด่าน 9 เซียนจริงๆ”
“ข้ารู้จักผู้เฒ่าคลุมเขียวนั่น…มันคืออาวุโสลำดับที่ 2ของด่าน 9 เซียน! เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!!”
“ข้าเองก็เคยเจอชายชราชุดฟ้าข้างๆนั่น…สมควรเป็นอาวุโสลำดับที่ 3 ของด่าน 9 เซียนไม่ผิดแน่ เป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เช่นกัน”
…
ฟังจากคนของระนาบคงสิงแล้ว ไม่เพียงแต่จะรู้จักพื้นเพ ยังยืนยันตัวตนของเหล่าผู้ชราเหล่านั้นได้อีกด้วย
ผู้อาวุโสลำดับ 2 กับ 3 ของด่าน 9 เซียน
ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้งคู่!
“นี่คือท่านบรรพบุรุษของด่าน 9 เซียนเรา! ท่านบรรพบุรุษชิงเย่!!”
เมื่อถูกเอ่ยถึงชายชราทั้ง 2 ที่เป็นอาวุโสลำดับต้นๆของด่าน 9 เซียน ก็ประกาศฐานะชายวัยกลางคนที่พวกมันคารวะออกมาทันที
บรรพบุรุษชิงเย่!
และพออาวุโสลำดับ 2 กับ 3 พูดออกมาแบบนี้ คนอื่นๆจากมหาระนาบโลกกียะทั้ง 4 ไม่เว้นพวกต้วนหลิงเทียน ก็หันไปมองชายวัยกลางคนด้วยความสนใจ ยังพอตระหนักกันได้ว่าอีกฝ่ายสมควรไม่ธรรมดา!
อย่างไรก็ตามมีเพียงกลุ่มเซียนอมตะเสเพลของระนาบคงสิงเท่านั้นที่หน้าเปลี่ยนสีไป
“บรรพบุรุษชิงเย่? นั่นคือบรรพบุรุษชิงเย่แห่งด่าน 9เซียนจริงๆ?”
เรียกว่าสีหน้าเหล่าเซียนอมตะเสเพลของระนาบคงสิง ทำราวกับพวกมันเห็นผีกลางวันแสกๆก็ไม่ปาน
“ให้ตายเถอะ! ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็น 1 ในอาวุโสเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ของด่าน 9 เซียน…ไม่คิดเลยว่ากลับเป็นถึงบรรพบุรุษชิงเย่ของด่าน 9 เซียน!ผู้บรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!!”
“ข้าได้ยินมานานว่าด่าน 9 เซียนเองก็มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เช่นกัน…ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอที่นี่วันนี้!”
“ตั้งแต่ที่มันปรากฏตัวคล้ายจะมองต้วนหลิงเทียนไม่วาง…เกรงว่าคงไม่ได้มาด้วยเจตนาดีอันใด”
…
เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้
เพราะตั้งแต่บรรพบุรุษชิงเย่ปรากฏตัวขึ้นมา อีกฝ่ายก็เอาแต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ราวกับต้วนหลิงเทียนมีเสน่ห์พิเศษให้ไม่อาจละสายตาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่นานทุกคนก็ค่อยๆตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
“ไม่คิดเลยว่านั่นจักเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์”
หลังได้รับทราบว่าชายวัยกลางคนร้ายกาจขนาดไหน หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
และในขณะที่ตะลึงพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดา “ดูท่าที่มาไม่ดี ที่ดีไม่มาแล้วจริงๆ…มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงปานนั้น ไม่พ้นกำลังละโมบ…คิดชิงสมบัติจากต้วนหลิงเทียนเป็นแน่!”
“พูดว่า…คิดปล้นชิงต้วนหลิงเทียนกับพวกเถอะ”
“พวกต้วนหลิงเทียนมียอดสมบัติสวรรค์ไม่น้อยเลยทีเดียว…จากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ ดูเหมือนกลุ่มต้วนหลิงเทียนจะมียอดสมบัติสวรรค์มิต่ำกว่า 5 ชิ้น!”
“ยอดสมบัติสวรรค์มากกว่า 5? จึกๆๆ นี่มันโชคลาภครั้งใหญ่จริงๆ!!”
“น่าเสียดายที่พลังฝีมือข้ามันห่างชั้นกับต้วนหลิงเทียนมากเกินไป…หาไม่แล้วข้าเองก็อยากได้สมบัติสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนกับพวกเหมือนกัน”
…
ทุกคนสามารถมองเห็นได้ชัด
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่อันเป็น บรรพบุรุษชิงเย่ ของด่าน 9 เซียนนั้น ได้เผยความโลภออกชัด มันหมายตายอดสมบัติสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนกับพวกไม่ผิดแน่!
ในฐานะคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงง ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงเจตนาอีกฝ่ายแต่แรก
“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!”
พอทราบว่าชายวัยกลางคนร่างใหญ่ที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความโลกเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ สีหน้าเฟิ่งเทียนหวู่ หานเฉวี่ยไน่และคนอื่นๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…นั่นไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน!
หากจะถามว่าในกลุ่มต้วนหลิงเทียนที่มีใครยังคงสงบใจอยู่ได้ ก็เห็นจะมีเพียงต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อภรรยาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…
เค่อเอ๋อเพียงลอยร่างอย่างสงบแต่ต้นจนจบสองตาเอาแต่มองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ราวกับในโลกของนางตอนนี้คงเหลือต้วนหลิงเทียนอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
การปรากฏตัวของชายวัยกลางคนร่างกำยำ ไม่ได้อยู่ในสายตานางเลย
และในขณะที่ทั้งหลายเริ่มทราบว่าผู้มาใหม่อย่าง บรรพบุรุษชิงเย่แห่งด่าน 9 เซียนที่มีพลังฝึกปรือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ กำลังหมายตาสมบัติในมือต้วนหลิงเทียนกับพวกนั้น…
บรรพบุรุษชิงเย่พลันกล่าวออกมาว่า…
“ ต้วนหลิงเทียน!”
บรรพบุรุษชิงเย่มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็งกล่าววออกเสียงเข้ม “เจ้าในฐานะผู้สืบทอดฟงชิงหยาง แม้จะไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนครั้งนี้…แต่พลังฝีมือของเจ้ากลับเทียบได้กับฟงชิงหยางหลังรับมรดกในปีนั้น”
“น่าเสียดาย คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก! วันนี้เจ้ากับสหายข้างกายต้องตาย! ยอดสมบัติสวรรค์ในมือเจ้ากับพวกยังถูกลิขิตให้หลุดลอย!”
เรียกว่าพอเปิดปาก บรรพบุรุษชิงเย่ก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวบอกเจตนาออกมาทันที ว่ามันหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆชิงทรัพย์!
“ อ้อ?”
ได้ยินคำบรรพบุรุษชิงเย่ สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง หลังตอบสนองด้วยคำ อ้อ อย่างเฉยเมยก็เอ่ยต่อว่า “คิดฆ่าข้ากับพวกชิงของ…อาศัยเจ้าคนเดียว ข้าเกรงว่ายังไม่พอ!”
ต้วนหลิงเทียนรู้ถึงพลังฝีมือของตัวเองในตอนนี้ดี
ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ชนชั้นยอยดฝีมือ แม้อาจกล่าวได้ไม่เต็มปากว่าเอาชนะได้แน่ แต่กว่า 9 ส่วนย่อมรบพัวพันได้แน่นอน
เช่นนั้นถึงแม้จะรู้ว่าชายวัยกลางคนเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เขาก็ไม่ได้หวั่นกลัวอะไร
วาจาแผ่วเบาราวสายลมพัด รวมทั้งทีท่าสงบเฉยเมยของต้วนหลิงเทียน ทำให้หลายคนรู้สึกเหนือคาดนัก
“ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนพูด…ดูเหมือนจะไม่ได้กลัวบรรพบุรุษชิงเย่แม้แต่น้อย!”
“ในฐานะเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์บรรพบุรุษชิงเยย่สมควรมียอดสมบัติสวรรค์…ต้วนหลิงเทียนเองก็สมควรรู้ หากแต่ยังคงสงบอยู่ได้ ย่อมหมายความว่าไม่กลัวบรรพบุรุษชิงเย่จริงๆ!”
“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์…นี่ใช่กำลังจักมีการต่อสู้ของตัวตนสูงสุดในระนาบโลกียะใช่หรือไม่?”
“เป็นแบบนั้นจริงๆ”
…
ฟังวาจาทั้งหลาย คล้ายทุกคนประหลาดใจไม่น้อยที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังสงบอยู่ได้ แต่อย่างไรเสียลึกๆแล้วหลายคนก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะสู้บรรพบุรุษชิงเย่ได้
แน่นอนว่ายังมีหลายคนเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนนั้นมีความมั่นใจในชัยชนะ เพราะทีท่าเปี่ยมล้นไปด้วยความเชื่อมั่นดังกล่าว
“ตอนต้วนหลิงเทียนฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัว ก็เผยพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ให้เห็น…”
“อีกทั้ง บรรพบุรุษชิงเย่จักมียอดสมบัติสวรรค์แล้วอย่างไร ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยค่ายกลกระบี่ผีสางนั่น ไม่พ้นต้องชิงยอดสมบัติสวรรค์จากมือบรรพบุรุษชิงเย่ได้แน่!”
“ข้าคิดว่าอย่างดีบรรพบุรุษชิงเย่ก็ได้แต่สู้ทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
…
คนเหล่านี้วิเคราะห์จากจุดแข็งต้วนหลิงเทียนที่เผยออกก่อนหน้า จึงค่อยสรุปว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนสมควรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบรรพบุรุษชิงเย่ อีกทั้งพวกมันยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นต่อต้วนหลิงเทียนนัก
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่เป็นกลาง ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนหรือบรรพบุรุษชิงเย่จะมีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
พวกมันให้ความสำคัญกับ ‘ผลลัพธ์’ มากกว่าการคาดเดา
และในขณะที่ทุกคนคิดว่าบรรพบุรุษชิงเย่สมควรมีโมโหเพราะวาจาเฉยเมยของต้วนหลิงเทียน และต้องลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียนทันทีแน่ๆนั้น…
เหตุไม่คาดฝันพลันเกิดขึ้น
“ก็จริง”
ทั้งหมดเห็นว่า บรรพบุรุษชิงเย่เพียงพยักหน้ารับด้วยทีท่าสงบ “พลังฝีมือของเจ้าต้วนหลิงเทียน ข้าได้รับทราบแล้ว เจ้ามิได้ด้อยไปกว่าข้าแน่นอน…ลำพังข้าทำไม่ได้จริงๆ”
“หากกข้าปะทะกับเจ้าอย่างดีพวกเราก็คงทำได้แค่เสมอกัน”
บรรพบุรุษชิงเย่พูดออกมาตรงๆ
และฟังจากคำของบรรพบุรุษชิงเย่ก็เผยให้ทุกคนได้รู้เรื่องหนึ่ง…
กระทั่งตัวมันเองแท้ๆก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ นับประสาอะไรกับการเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน
‘หืม?’
ได้ยินวาจาดังกล่าวของบรรพบุรุษชิงเย่ คิ้วต้วนหลิงเทียนอดยู่ย่นเป็นปมไม่ได้ เพราะเขาเองก็คิดไม่ถึง…
ตอนแรกเขาคิดว่า…
เหตุผลที่บรรพบุรุษชิงเย่กล่าววาจาออกมาอย่างมั่นใจ ล้วนเป็นเพราะเชื่อมั่นในพลังฝีมือของตัวเองอย่างหน้ามืดตามัว
แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียแล้ว!
บรรพบุรุษชิงเย่ผู้นี้กลับรู้พลังฝีมือตัวเองดีว่ามีแค่ไหน!!
“นี่มันอะไรกัน บรรพบุรุษชิงเย่กลับยอมรับว่าอย่างดีก็ทำได้แค่ทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียน? แล้วไฉนมันถึงกล่าวทำนองว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนกับพวกต้องตายแล้วทิ้งยอดสมบัติสวรรค์เอาไว้?”
หลายคนอดสับสนไปไม่ได้ และบังเกิดความอยากรู้นักว่าที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่
“หรือว่า…มันยังมีผู้ช่วย!?”
ทันใดนั้นเอง ไม่ทราบเป็นใครโพล่งกล่าวขึ้นมา
“ผู้ช่วย?!”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆกำลังตกใจกับข้อสันนิษฐานดังกล่าว พลันบังเกิดเสียงของสายลมอันรุนแรงหนึ่งดังขึ้นเข้าหู
ฟุ่บ!
จากนั้นไม่นานทุกคนก็เห็นร่างหนึ่งเหินดิ่งลงมาจากฟากฟ้า ดึงดูดความสนใจของต้วนหลิงเทียนกับทุกคนไปทันที!