ตอนที่ 2475

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,475 : ปล่อยให้ข้า

 

“นอกจากนั้นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ข้างกายสหายเจ้า ยังเป็นคนของวังเซียนหยวนแห่งระนาบเหยียนหวง…และจากข่าวที่พวกเราได้รับหลังเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ วังเซียนหยวนสมควรส่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ 2 คน…”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้ง 2 ที่ว่ายังเป็นฝาแฝดกัน”

 

“ถึงแม้แดนลับต่างสวรรค์จะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ด้วยพลังฝึกปรือของพวกมัน…ให้ห่างกันไกลเพียงใด พวกมันก็ยังสัมผัสได้ถึงอีกฝ่ายอยู่ดี”

 

“หากพวกเราสองคนผนึกกำลังจริงอยู่ที่อาจฆ่ามันได้….แต่สมควรใช้เวลาไม่น้อย! หากต้องล่าช้าจนพี่หรือน้องชายฝาแฝดที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคนของวังเซียนหยวนมาถึง พวกเราไม่ใช่ทุ่มหินทับเท้าตัวเองรึไร?”

 

ผู้เฒ่าเทียนหมิงกล่าววาจาออมายืดยาว หากแต่ระบุเหตุผลที่เลือกลงมือกับกลุ่มต้วนหลิงเทียนออกมาครบถ้วน

 

“ถึงแม้พวกเราจะไม่มั่นใจว่าคู่แฝดของมันจะมาทันหรือไม่…แต่ไฉนพวกเราจำต้องเลือกหนทางเสี่ยงในเมื่ออีกทางยังมีเจ้า…”

 

กล่าวถึงจุดนี้สองตาผู้เฒ่าเทียนหมิงที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาด้วยความโลภ

 

“อ้อ…พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นพลับสุกนุ่มนิ่มงั้นสินะ?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง ยังเผยประกายเยียบเย็นออกมาวาบหนึ่ง

 

“เจ้าจักคิดเช่นนั้นก็ได้”

 

บรรพบุรุษชิงเย่กล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ทำราวกับ ชัยชนะอยู่ในกำมือเรียบร้อยแล้ว

 

“สุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็มิอาจรอดพ้นหายนะไปได้…”

 

“ไม่ใช่แค่มันน่ะสิ กระทั่งสหายของมันไม่วายได้ตกตายกันหมดสิ้น…”

 

“น่าเสียดายสตรีที่งดงามหมดจดทั้ง 4 นั่นที่ต้องตกตายไปด้วย! ใจข้าที่รู้สึกร้าวรานราวกับจะแหลกลงตรงนี้ให้ได้…ไฉนโฉมงามทั้ง 4 ถึงได้อาภัพนัก”

 

 

เมื่อตระหนักได้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเสียดาย

 

หากแต่ในขณะที่กล่าววาจากันสนุกปาก สองตาของพวกมันแต่ละคนก็มองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียน ชิงเย่ และเทียนหมิงไม่วางตา ราวกับกลัวจะพลาดฉากการลงมือของทั้ง 3

 

“เค่อเอ๋อข้าจะให้ซานเตาพาเจ้ากับเทียนหวู่และทุกคนหนีไป…ส่วนข้าจะลากถ่วงพวกมันเอาไว้เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเจ้า จากนั้นข้าค่อยหาโอกาสติดตามไปสมทบกับพวกเจ้าภายหลัง”

 

เผชิญหน้ากับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ 2 คน กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดัน

 

เพราะดูทรงแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจัดการทั้ง 2หรือเข่นฆ่าพวกมันได้

 

แต่ถ้าแค่ลากถ่วงพวกมันเอาไว้ แล้วหลังจากนั้นค่อยหาโอกาสหนีไป แม้โอกาสที่ว่าจะริบหรี่ก็แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี

 

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะส่งเสียงกล่าวนัดแนะกับเค่อเอ๋อ ว่าจะให้ซานเตาพาทุกคนหนีไปก่อน

 

“พี่เทียน…”

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังที่ส่งมาของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อที่เหม่อมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอ่อนโยนอบอุ่นด้วยความสุขความยินดีที่ได้เจอต้วนหลิงเทียนมาตั้งแต่แรก ในที่สุดก็ดึงสติกลับคืน และคิดจะส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกอะไรกับต้วนหลิงเทียน ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับส่งเสียงผ่านพลังกล่าวขัดขึ้นมาเสียก่อน “เค่อเอ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วง ให้พวกมันร้ายกาจแค่ไหน แต่ถ้าเรื่องเอาตัวรอดข้าเชื่อว่าข้าทำได้”

 

“เจ้ารีบนัดแนะกับเทียนหวู่และคนอื่นๆเถอะว่าให้รอจังหวะให้ดี…ถึงเวลาข้าจะลงมือให้สัญญาณ ซานเตาจะได้พาพวกเจ้าหนีไปทันที”

 

หลังส่งเสียงผ่านพลังกล่าวบอกเค่อเอ๋อจบ ต้วนหลิงเทียนก็รีบส่งเสียงผ่านพลังไปนัดแนะกับซานเตาเรื่องให้อีกฝ่ายพาทุกคนหลบหนี

 

“นายท่าน ท่านมั่นใจหรือ…”

 

แม้เฉินอี้หรูจะรู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ ไม่ควรถามเรื่องดังกล่าว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าววถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

 

หากจะกล่าวว่าตอนแรกที่มันยอมติดตามรับใช้ต้วนหลิงเทียน เพราะคำสาบานล่ะก็

 

ตอนนี้มันติดตามรับใช้ เพระเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นนายจากใจ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ที่มากเกินพอจะเป็นนายของมัน ทว่าแต่ไหนแต่ไรต้วนหลิงเทียนไม่เคยเห็นมันเป็นคนนอก กระทั่งยอดสมบัติสวรรค์ล้ำค่ายังมอบให้ ทั้งหมดมากพอแล้วที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ใจภักดีทั้งหมดของมันไป

 

“ข้าคงไม่อาจบอกเจ้าได้ว่ามั่นใจเต็มสิบส่วน…แต่ถ้า 6-7 ส่วนล่ะพอไหว”

 

ถึงต้วนหลิงเทียนจะตอบไปแบบนั้น แต่อันที่จริงเขามั่นใจแค่ราวๆ 2-3 ส่วนเท่านั้น

 

ทั้งหมดเพียงแค่ให้เฉินอี้หรูวางใจ

 

“นายท่านมั่นใจถึง 6-7 ส่วนหรือ…”

 

เป็นธรรมดาว่าหลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน แม้จะยังกังวลแต่เฉินอี้หรูก็โล่งใจขึ้นไม่น้อย “นายท่าน ขอท่านจงมั่นใจข้าจะพาทุกคนหลบหนีออกไปให้พ้น และพาทั้งหมดกลับไปส่งถึงระนาบเซียนอย่างปลอดภัย!”

 

“เอาล่ะ”

 

ด้วยมีคำยืนยันจากเฉินอี้หรู ต้วนหลิงเทียนก็วางใจไปเปราะหนึ่ง

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

หากทว่าแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เขาพลันได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมดังขึ้นถี่รัว ดึงดูดความสนใจเขาไปทันที

 

และเมื่อหันมองไปตามเสียงเขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี!

 

เพราะผู้ที่ก่อให้เกิดเสียงแหวกฝ่าสายลมดังกล่าว เป็นเหล่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์และ 8 ทัณฑ์ของนิกายคุนหม่างและด่าน 9 เซียน!

 

พวกมันได้แยกย้ายกระจายตัว ออกไปปิดล้อมกลุ่มต้วนหลิงเทียนเอาไว้

 

‘ระยำ!’

 

เห็นฉากนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนไหนเลยยังอดเปลี่ยนสีไปไม่ได้

 

เพราะเขาเองก็มีคิดไว้แล้ว

 

ว่าถ้าเกิดพวกนิกายคุนหม่างกับด่าน 9 เซียนที่เหลือยังไม่เคลื่อนไหว ต่อให้เขาต้องปะทะกับชิงเย่และเทียนหมิงแต่อย่างน้อยๆก็น่าจะลากถ่วงพวกมันได้นานมากพอให้ทุกคนหนีไป…

 

ทว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดกลับเกิดขึ้นแล้วจริงๆ พวกมันกลับให้คนมาปิดล้อมคนของเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก!

 

เมื่อพวกมันทำแบบนี้ก็เท่ากับตัดหนทางรอดของทุกคนไปทันที!

 

เรียกว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก

 

“อันใดต้วนหลิงเทียน? ข้าเพียงคิดสั่งคนให้ลงมือล้อมไว้เพียงเพราะไม่อยากให้เจ้าหลบหนีเท่านั้น…นี่เจ้าคงมิใช่กำลังคิดจะลากถ่วงพวกเราเพื่อสร้างทางรอดให้สหายของเจ้าอยู่หรอกนะ?”

 

เห็นสีหน้ามืดลงของต้วนหลิงเทียน บรรพบุรุษชิงเย่พลันถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

และฟังจากคำพูดของมันก็เผยให้รู้ ว่าเรื่องสั่งให้เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์และ 8 ทัณฑ์ของ 2 ขุมพลังแยกย้ายกันไปปิดล้อมพื้นที่ ไม่พ้นเป็นความคิดของมัน

 

“บรรพบุรุษชิงเย่…เชื่อหรือไม่ว่าก่อนข้าจะสู้กับเจ้า ข้าสามารถฆ่าคนในขุมพลังของเจ้าได้หมด?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น แววตายังทอประกายแหลมคมเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง

 

“ข้าย่อมเชื่อว่าเจ้าทำได้…”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน บรรพบุรุษชิงเย่ไม่ได้มีโมโหอะไร เพียงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ “แต่…หากเจ้ากล้าลงมือเข่นฆ่าคนของข้า พี่หมิงที่อยู่ข้างๆข้าก็ยินดีที่จะลงมือฆ่าคนของเจ้าให้หมดก่อนจะมาช่วยข้าจัดการกับเจ้าเหมือนกัน!”

 

ซัว!

 

กล่าวจบคำ จิตสังหารอำมหิตก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างบรรพบุรุษชิงเย่อย่างน่ากลัว

 

วูบ!

 

สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังในร่างเริ่มโคจรพุ่งพล่านก่อนที่จะปะทุลุกโชนขึ้นมาท่วมกาย ก่อนที่จะอุบัติวงวนพลังดูดรั้งหนึ่งขึ้นห้อมล้อมทั่วร่างในชั่วพริบตา ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบจนสาบสูญไปชั่วขณะ!

 

ทันใดนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างก็ถูกเพิ่มพูนด้วยความเร็วสูง ยังพวยพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดเท่าที่จะเพิ่มพูนได้

 

“ต้วนหลิงเทียนเวทย์พลังสนับสนุนของเจ้านับว่าเลิสล้ำนัก…ให้ข้ากับพี่หมิงได้รับทราบพลังของมันสักคราเถอะ!”

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินออกมา บรรพบุรุษชิงเย่ก็ตะโกนออกมาอย่างประจวบเหมาะ

 

และเมื่อมันตะโกนจบคำพลังมหาศาลที่เตรียมพร้อมอยู่ในร่างก็ระเบิดปะทุออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง!

 

มวลพลังของมันดั่งธารเชี่ยวทะลักล้นออกมาราวทำนบกั้นน้ำทลาย เพิ่มพูนพลังสภาวะขึ้นอย่างยากจะหยุดยั้ง!

 

ฟู่ม!

 

พร้อมกันกับที่ทั่วร่างชิงเย่ปรากฏพลังเร่งเร้า ด้านเทียนหมิงเองก็ปะทุเร่งเร้าพลังต่อสู้ออกมาเช่นกัน!

 

กระทั่งไอพลังทั่วร่างเทียนหมิงยังแลดูไม่ต่างใดกับอสรพิษที่กำลังเลื้อยพันไปทั่วร่าง พาลให้ผู้คนอดขนลุกเกรียวไม่ได้!

 

กลิ่นอายพลังที่เปล่งออกมาจากร่างผู้เฒ่าเทียนหมิงก็มีความแข็งแกร่งแทบไม่ต่างอะไรจากบรรพบุรุษชิงเย่แม้แต่น้อย

 

จากเรื่องนี้เผยให้รู้ชัดว่าพลังฝีมือของทั้งคู่สมควรเท่าเทียมกัน

 

ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!

 

 

ด้วยเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ 2 คนปะทุพลังออกมาอย่างพร้อมเพรียง มวลพลังมหาศาลย่อมเคี่ยวกรำความว่างเปล่าหนักหนาแล้ว! เรียกว่าความวว่างเปล่าโดยรอบเริ่มสะท้านสะเทือนอย่างหนักเสียงแตกออกของอากาศดังระงมขึ้นถี่ยิบ! ก่อเกิดเป็นลมสลาตันซัดกวาดออกไปโดยรอบอย่างรุนแรง!!

 

“นะ…นี่น่ะหรือพลังของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!”

 

สัมผัสได้ถึงสายลมกรรโชกแรกที่ตีปะทะใบหน้า ผู้ชมมากมายได้แต่หยีตาหลบลม ทั้งเร่งรุดล่าถอยออกไปจ้าละหวั่น!

 

เพียงเพราะอาศัยแค่สายลมที่กรรโชกมาตีปะทะเข้าร่าง พวกมันก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ชัดเจน!

 

เรียกว่าไม่ต้องลงมือใดๆ อาศัยแค่เร่งเร้าพลังขึ้นมากก็มีอานุภาพขู่ขวัญผู้คนแล้ว!

 

“พี่เทียน…”

 

หากทว่าในขณะที่สถานการณ์ถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด การปะทะแตกหักพร้อมอุบัติขึ้นได้ทุกเมื่อ อยู่ๆพลันมีเสียงไพเราะหนึ่งดังขึ้น…

 

เสียงนี้ราวกับมีเวทมนตร์ก็ไม่ปาน แม้จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย หากแต่กังวานเข้าหูทุกผู้คนอย่างชัดเจน พาลให้ใจของทุกคนอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะครู่หนึ่ง

 

เนื่องเพราะยามเมื่อเสียงนี้ดังขึ้นสุรเสียงสำเนียงใดคล้ายถูกปิดกั้น! เสียงอื่นในหูพวกมันกลายเป็นเงียบลงอย่างพิศวง!!

 

“เป็นผู้ใดกัน!?”

 

ในขณะที่กำลังตื่นตระหนกกับเสียงไพเราะดังกล่าว สายตาของทุกผู้คนก็หันไปมองทางต้นเสียงทันที

 

ที่นั่นปรากฏร่างสตรีบอบบางนางหนึ่งลอยร่างกลางหาว ชวนให้ทุกสายตาบังเกิดความประทับใจอย่างบอกไม่ถูก

 

สตรีนางนั้นเพียงลอยร่างอยู่เฉยๆกลับให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ทั้งอ่อนโยนคล้ายหมอกควันอันเลือนรางมิอาจจับต้อง พาลให้สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายเป็นส่วนเกินไปในพริบตา ความสนใจของทุกคนได้แต่หยุดอยู่ที่นางหมดสิ้น

 

ต่างมองนางเป็นสายตาเดียวกัน

 

ขณะเดียวกันทุกคนพลันพบได้ทันที

 

ว่าสายตาของสตรีนางนั้นเพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนไม่วาง ทำราวกับในโลกคงเหลือเพียงต้วนหลิงเทียนเพียงผู้เดียวเท่านั้น…

 

พริบตานี้บุรุษหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ

 

พวกมันกระทั่งลืมเลือนไปด้วยซ้ำว่าสุรเสียงเมื่อครู่มีพลังอำนาจขนาดไหน…

 

“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง…”

 

“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน…ว่าพวกมันจะฆ่าพวกเราทั้งหมดอย่างไร…”

 

หลังจากที่เค่อเอ๋อเรียกหาต้วนหลิงเทียนแล้วว เค่อเอ๋อก็กล่าววาจาออกมาสืบต่อทันที

 

“เค่อเอ๋อ…”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับตกตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ

 

เขาไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ว่าอยู่ๆเค่อเอ๋อจะกล่าวเรียกเขา และบอกให้เขาปล่อยเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้ง 2 ให้นางจัดการเอง!

 

กระทั่งฟังจากวาจาของนางแล้ว ทำร้าววกับนางสามารถจัดการเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้ง 2 ได้ด้วยตัวคนเดียว!!

 

“เค่อเอ๋ออย่างเหลวไหล! พวกมันเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!!”

 

หลังตะลึงอึ้งไปครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนที่ดึงสติกลับมาได้ก็เร่งส่งเสียงตะโกนกล่าวเตือนออกไปทันที

 

คำที่เขาตะโกนผ่านพลังไป เป็นเพราะเขาคิดว่าที่เค่อเอ๋อกล่าวออกมาแบบนี้ เพราะนางยังไม่รู้จักเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ดี…!

 

ฟุ่บบ!!

 

อย่างไรก็ตามแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ร่างเค่อเอ๋อพลันอันตรธานหายไปกับสายลม! ราวกับตัวนางได้สาบสูญไปในความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน!!