บทที่ 1440 ไม่มีข้าอีกต่อไป

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เจ้าปรารถนาที่เข้าประชิดตัวหลังจากออกมาจากบริเวณเก้าอี้ก็กลายเป็นลำแสงต่างๆ หกสี ลำแสงหกสีนี้เป็นตัวแทนความปรารถนาทั้งหก พวกมันผสานเข้าด้วยกันแต่กลับไม่ได้หลอมรวมกันและกัน

ทว่า กลับกลายเป็นใบหน้าหกใบที่มาพร้อมกับความโลภตรงเข้ากัดกินหวังเป่าเล่อ

“มันจบแล้ว!” เสียงทั้งหกดังประสาน เต็มไปด้วยความชั่วร้าย

หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นทันที แสงเย็นเยียบในดวงตากำลังจะปะทุ…ทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น!

มหาเทพที่หลับใหลอยู่บนเก้าอี้เงยหน้า ส่วนลึกของดวงตาเผยเปลวเพลิงสีคราม ฉับพลันเปลวเพลิงนั้นก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งดวงตา ท่าทางของมหาเทพในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิม

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เขาก็ยกมือขวาขึ้นไปทางหวังเป่าเล่อ จับเจ้าแห่งความปรารถนาที่กลายเป็นไอหมอกดำไว้

ปรารถนาที่กลายเป็นหมอกดำส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายถูกควบคุมจากมือที่มองไม่เห็น และหยุดลงอย่างฉับพลันตรงหน้าหวังเป่าเล่อ

ด้านหวังเป่าเล่อก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกะพริบตา แสงเย็นเยียบในดวงตาที่กำลังจะปะทุถูกเก็บกลับไปอีกครั้ง

“มหาเทพ รนหาที่ตาย!” ปรารถนาส่งเสียงหวีดแหลมแล้วหันกลับมาทันที เมื่อปราณหมอกปะทุ ใบหน้าทั้งหกก็ส่งเสียงคำรามไปทางมหาเทพ

ท่าทางยิ่งดิ้นรนมากขึ้น อยากจะหลุดพ้นจากการพันธนาการของมหาเทพ

การดิ้นรนของนางทำให้เปลวเพลิงสีครามในดวงตามหาเทพอ่อนแสงลงอย่างรวดเร็ว มือขวาที่ยกขึ้นมาก็แห้งเหี่ยว

ทว่าสีหน้าของมหาเทพยังคงเรียบเฉย เขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ชุดคลุมยาวสีม่วงกระพือเล็กน้อย เส้นผมยาวปลิวไสว ไฟสีครามในดวงตานั้นแม้จะอ่อนแสงลงอย่างต่อเนื่อง แต่การแผดเผาของมันก็ทำให้ปราณหมอกรอบตัวเขาได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งและถูกขับออกไปบางส่วน

เมื่อหมอกถูกขับออกไปก็ดูเหมือนว่าอาการของมหาเทพจะดีขึ้น ดวงตาของเขาหรี่ลงจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างล้ำลึก ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ข้าพันธนาการนางไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น และต่อให้นางถูกพันธนาการ เราก็ไม่สามารถฆ่านางได้ในตอนนี้ เพราะว่าปรารถนา…ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์”

“เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ คุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยเถอะ” มหาเทพมองหวังเป่าเล่ออย่างจริงจัง รอคอยคำตอบจากเขา

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ มองไปทางปรารถนาที่กำลังดิ้นรน แล้วหันกลับมามองมหาเทพ ไม่นานก็พยักหน้าให้

เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อพยักหน้า มหาเทพก็ยิ้มออก เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วนึกถึงความทรงจำบางอย่าง

“โลกภายนอกสวยงามมากไหม”

“ก็ไม่เลว” หวังเป่าเล่อกล่าวช้าๆ

“ไม่เลวหรือ…” มหาเทพพึมพำ เปลวเพลิงสีครามในดวงตาอ่อนแสงลงไปอีกเมื่อปรารถนาดิ้นรนและกรีดร้อง

“มีคนอยู่เคียงข้าง มีคนคอยเป็นห่วงนี่เป็นความรู้สึกเช่นไรหรือ” มหาเทพถามขึ้นอีกด้วยแววตาใคร่รู้

“มันเป็นความรู้สึกที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่และต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ

มหาเทพเงียบไปราวกับว่าเขาได้ลิ้มรสมันมาเป็นเวลานานแล้ว แล้วก็เอ่ยขึ้นเบาๆ อีกครั้ง

“หลายปีมานี้ เจ้า…มีความสุขไหม”

หวังเป่าเล่อไม่ตอบ

ทั้งห้องโถงเงียบลงในทันตา มีเพียงเสียงกรีดร้องของปรารถนาที่ยังดังก้อง

มหาเทพกำลังรอคอยคำตอบของหวังเป่าเล่อ แท้จริงแล้วเขาตื่นอยู่นานแล้ว ตอนที่หวังเป่าเล่อต่อสู้กับเจ้าปรารถนาในช่วงแรก จุดแสงที่ระเบิดขึ้นนั้นคือพลังปลุกเขาให้ตื่น

ด้วยพลังนั้นมหาเทพจึงตื่นขึ้น แต่เขาก็อ่อนแอเกินไป อ่อนแอมากจนกระทั่งแม้จะตื่นแล้วก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อที่จะแสดงพลังเทพครั้งสุดท้าย ดังนั้น…เขาจึงแสร้งว่าตนนั้นหลับอยู่ภายใต้การสะกดของปรารถนา

ขณะเดียวกันเขาก็กำลังครุ่นคิดและลังเลที่จะตัดสินใจ

จนกระทั่งเมื่อเจ้าปรารถนากำลังจะกัดกินหวังเป่าเล่อ ความลังเลของเขาก็หมดไป การตัดสินใจชัดเจนขึ้น ดังนั้น…เขาจึงเลือกที่จะลงมือพันธนาการเจ้าปรารถนา จากนั้นก็ถามคำถามสามข้อนี้

คำถามสามข้อนี้สำคัญต่อการตัดสินใจของเขา

“มีทั้งสุขและทุกข์ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ข้ายังรอคอยอนาคต” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบไป

“รอคอยอนาคตหรือ…” มหาเทพพึมพำ เปลวเพลิงสีครามในดวงตายิ่งอ่อนแสงลงไปอีก แต่กลับมีจิตวิญญาณบางอย่างที่ดูจะเปล่งประกายอยู่ในนั้น

“เส้นทางของข้า ข้าเดินไปจนสุดทางไม่ได้…เช่นนั้น…บางทีเส้นทางของเจ้าอาจทำได้”

“สุดท้าย…ระหว่างเรา จะต้องมีใครสักคนที่ได้ไปตามทางของตัวเอง” ในเสียงกระซิบนั้นจู่ๆ มหาเทพก็ส่งเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ยามที่มันดังก้องไปทั่วห้องโถง จิตวิญญาณในดวงตาเขาก็สว่างราวแสงอาทิตย์เจิดจ้า

“ปรารถนา!” มหาเทพเปล่งเสียงแผ่วเบา มือซ้ายจับพนักเก้าอี้ไว้มั่น พยายามยืนขึ้นอย่างยากลำบากประหนึ่งว่าแม้จะอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังคงสง่างาม ต่อให้ต้องตายไปก็จะยืนหยัดเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง

“แม้เจ้าจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้ข้าดับสิ้นในชาติก่อน แต่ในความทรงจำที่ฟื้นคืนมาบางส่วนนั้น เจ้าก็เป็นสาเหตุทางอ้อม”

“ชาติก่อนข้าเป็นใคร ตอนนี้อาจไม่สำคัญแล้ว แต่ตอนนี้…ข้าคือมหาเทพ คือสิ่งมีชีวิตแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในมหาจักรวาล!”

“คือสิ่งมีชีวิตที่อารยธรรมน้อยใหญ่ยกย่องให้เป็นเทพเจ้า!”

“ข้าพ่ายแพ้ได้ แต่ข้าจะแพ้ให้กับตัวเองเท่านั้น!” มหาเทพลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างยากลำบาก เขายกมือซ้ายขึ้นชี้หวังเป่าเล่อขณะที่จิตวิญญาณในดวงตาลุกโชติช่วง

“หวังเป่าเล่อ อีกส่วนหนึ่งของร่างกายข้า…เส้นทางหลังจากนี้…ช่วยเดินไป…แทนข้าที สัมผัสกับความสุขแทนข้า แสวงหา…ความหวัง!” เอ่ยถึงตรงนี้มหาเทพก็หัวเราะดังขึ้นฟ้า เปลวเพลิงสีครามในดวงตาพลันระเบิดขึ้นในตอนนั้นเอง ปกคลุมใบหน้า ปกคลุมลำคอ ปกคลุมร่างกายส่วนบน จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วกาย

ร่างของมหาเทพถูกแผดเผาอยู่ในเปลวเพลิงนั้น ท่ามกลางการเผาไหม้นี้ ดวงวิญญาณ กายเนื้อ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนมาบรรจบกัน ณ จุดใดจุดหนึ่ง

มันก่อตัวเป็นผลึกแก้วสีฟ้าพราวระยับ ควบแน่นลอยตรงมาหา…หวังเป่าเล่อ!

นั่นคือทุกอย่างของชีวิตมหาเทพ!

มหาเทพเป็นอย่างที่ตัวเขาพูด เขาแพ้ได้ แต่จะแพ้ให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะในโลกนี้เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่มีคุณสมบัติมาทำให้ตนพ่ายแพ้!

ดังนั้นในเมื่อต้องพ่ายแพ้ เขาก็แค่…เติมเต็มหวังเป่าเล่อที่เป็นอีกส่วนหนึ่งของร่างกายเขาแทน!

เสียสละตัวเองเพื่อเติมเต็มอีกฝ่าย ให้หวังเป่าเล่อสิ้นสุดชีวิตที่เหมือนกับตราประทับของตนเอง!

“เจ้าอยากแสวงหาอนาคตก็ไปแสวงหาซะ!”

“เจ้าอยากปกป้องคนของเจ้าก็ไปปกป้องพวกเขาซะ!”

“เจ้าอยากจะตัดขาดจากอดีตแล้วเดินไปในเส้นทางของตนเอง เช่นนั้น…ก็ตัดทิ้งซะ นับแต่นี้ไปเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอดีต เจ้าไม่เกี่ยวข้องกับมหาเทพ เจ้า…ก็คือเจ้า!” มหาเทพหัวเราะเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิด ขณะที่ผลึกแก้วสีฟ้าลอยออกไป ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ สลายไปในกองเพลิง กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวกระจาย…

สิ้นสลาย!

นับจากนี้…

ไม่มีข้าอีกต่อไป