บทที่ 1442 เต๋าห้าธาตุ

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เคล็ดเวทศรัทธา ชื่อนี้หวังเป่าเล่อเคยได้ยินมาจากคำอธิบายคืนพินาศของบิดาหวังอีอี

ตอนนี้เขาไม่แปลกใจที่ถูกปรารถนาชักนำแล้ว ถึงอย่างไรที่มาของปรารถนาก็ลึกลับมาก นางดูเหมือนมีตัวตน แต่แม้จะดูเป็นอย่างนั้น ในแง่หนึ่งนางก็คือสิ่งที่ถือกำเนิดจากจิตใต้สำนึกของมหาเทพ

ซึมซับเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่เกิดจากมหาเทพมานานหลายปี กอปรกับตบะบำเพ็ญในจักรวาลที่มหาเทพเคยอยู่ในชาติก่อนรวมเข้าด้วยกัน ใช้มหาเทพเป็นเตาหลอม กลืนกิน เข้าแทนที่ และกระเทาะเปลือกออก!

หวังเป่าเล่อไม่เคยพบเจอสิ่งมีชีวิตแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของเขา เขาเข้าใจกระจ่างถึง…ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย

ความแข็งแกร่งนี้แสดงออกมาสองด้าน ด้านหนึ่งคือแปลกประหลาดและเปลี่ยนแปลงได้อีก และด้านหนึ่งนั้นก็คือดูเหมือนจะกำจัดให้หมดสิ้นอย่างแท้จริงได้ยาก

“แต่…ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย!” หวังเป่าเล่อดวงตาวาววับ เคล็ดเวทคืนพินาศพุ่งทะยาน ลำแสงหมื่นจั้งที่มาจากดวงอาทิตย์แรกแผ่กระจายไปทุกทิศทางทำให้ค่ำคืนสลายและทำให้ใบหน้าทั้งหกของปรารถนากรีดร้องเสียงแหลม

แต่ท่ามกลางค่ำคืนที่กำลังจะสลายไป ปรารถนาที่กลายเป็นใบหน้าทั้งหกก็พลันระเบิดแสงสลัวในดวงตา

“มารหกปรารถนา!”

ใบหน้าทั้งหกอ้าปากพร้อมกัน ทันใดนั้นก็มีหนึ่งใบหน้าเงยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง!

นั่นคือใบหน้าของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง เมื่อมันเงยหน้าสูบกิน ทั่วทั้งโลกพลันสั่นสะเทือน ปั่นป่วนไปทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิด ปั่นป่วนออกไปนอกมิติและปั่นป่วนไปทั้งมหาจักรวาล

เสียงทั้งหมดในมหาจักรวาลราวกับเข้ามาเกี่ยวพันในชั่วพริบตา ทุกเสียงไหลมารวมตัวกันจากทุกทิศทางด้วยวิธีการบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

เมื่อเสียงทั้งหลายของมหาจักรวาลมารวมตัว ใบหน้าของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที ก่อนจะแปลงกายเป็นยักษ์ใหญ่สูงแสนจั้งในพริบตาต่อมา ยืนตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าดินพร้อมส่งเสียงคำรามไปทั้งแปดทิศ

แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายสะท้านไปทั้งฟ้าดิน

ยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น ขณะนี้ใบหน้าที่สองก็เงยหน้าขึ้นเช่นกัน สายตามันบ้าคลั่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้ารุนแรง

ใบหน้านี้เป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ มันปั่นป่วนไปทั่วมหาจักรวาล ภาพทั้งหมดราวกับถูกคัดลอกและก่อตัวขึ้นในร่างกายมันราวกับปริศนา คล้ายกับได้จารึกมหาจักรวาลไว้ในร่างกายของมันแล้ว ทำให้ตัวมันระเบิดตู้มกลายเป็นยักษ์สูงแสนจั้งเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีใบหน้าของปรารถนากลิ่น ใบหน้าปรารถนารสและใบหน้าปรารถนาสัมผัสที่แผดเสียงคำราม ก่อนจะสูดอารมณ์และความปรารถนาของทุกสรรพสิ่งในมหาจักรวาลทำให้ตัวเองสูงถึงแสนจั้ง แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายเพียงพอที่จะเขย่าจักรวาลได้

และสุดท้าย…คือปรารถนาอารมณ์!

ในฐานะที่พิเศษที่สุดในหกปรารถนาและเป็นความปรารถนาที่ทรงพลังที่สุด การกลืนกินของปรารถนาอารมณ์นั้นมาจากกิเลสตัณหาของทุกสรรพสิ่ง ด้วยเหตุนี้การสั่นสะเทือนของท้องฟ้าจึงรุนแรงถึงขีดสุด ยักษ์ที่แปลงกายมาจากใบหน้าปรารถนาอารมณ์สูงเกินห้าตนที่เหลือ มันสูงราวสามแสนจั้ง!

ความสูงระดับนี้หากเปลี่ยนเป็นโลกทั่วไปคงยากต่อการรองรับเป็นแน่ แต่โลกใบนี้คือโลกที่มิติเต๋าต้นกำเนิดแปลงขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังผสมผสานด่านปรารถนาทั้งหกเอาไว้ จึงไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ทั่วไปมาตัดสินได้

เมื่อมองไปจะเห็นว่ายักษ์ทั้งหกตนนี้ทำให้ลมและเมฆพลิกตลบ พวกมันรีบพุ่งไปยังดวงอาทิตย์แรกที่แปลงมาจากหวังเป่าเล่อท่ามกลางโลกที่ร้องคำราม

ก่อนจะกลายเป็นฝ่ามือยักษ์หกมือปกคลุมทั่วนภา เข้าประชิดตัวและปะทะกัน!

หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าตอนนี้ศัตรูที่เขาเผชิญหน้าไม่ใช่ปรารถนา แต่เป็นความปรารถนาของทั้งมหาจักรวาล!

แม้คืนพินาศจะแข็งแกร่ง แต่เวลานี้นี้ก็ยังด้อยกว่า แต่ต้องยอมรับว่าเคล็ดเวทศรัทธาก็คือเคล็ดเวทศรัทธา ต่อให้ไม่อาจเทียบร่างมารปรารถนาหกตนนี้ได้ อานุภาพของมันก็ยังไม่ธรรมดา

พริบตาต่อมาหลังจากทั้งสองปะทะกันพลันเกิดเสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน โลกของด่านปรารถนาชั้นที่หนึ่งพังทลาย เมื่อโลกด่านหกปรารถนาเปิดออกหนึ่งชั้น คืนพินาศก็สลายไปในที่สุด

ทว่า…มารหกปรารถนาโบราณก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน ร่างยักษ์ห้าตนที่สูงแสนจั้งแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่หนึ่งแสนจั้งแล้ว แต่เหลือแค่ครึ่งเดียว!

ปรารถนาอารมณ์ก็เช่นกัน!

“หวังเป่าเล่อ!” ร่างมารหกปรารถนาที่แปลงมาจากปรารถนาทุกตนหันไปมองหวังเป่าเล่อ ดวงตาเผยอารมณ์แปรปรวน พุ่งใส่หวังเป่าเล่อพร้อมเสียงกรีดร้อง

หวังเป่าเล่อหรี่ตา ผลึกแก้วสีฟ้าตรงหว่างคิ้วดูดซับเร็วขึ้น เขาไม่ได้เกิดจิตใจแปรปรวนจากการที่คืนพินาศแตกสลายแต่อย่างใด สีหน้ายังคงเรียบเฉย เมื่อมารหกปรารถนาพุ่งมา หวังเป่าเล่อก็ยกมือขึ้นชี้ไปข้างหน้า

“เต๋าแปดปรมัตถ์!”

แม้คืนพินาศจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเต๋าของคนอื่น

สำหรับหวังเป่าเล่อ มีเพียงเต๋าแปดปรมัตถ์ที่เป็นมหาเต๋าของเขาอย่างแท้จริง เมื่อเขาชี้นิ้วออกไปฟ้าดินพลันคำรามกึกก้อง กฎพื้นฐานของการกำเนิดจักรวาลพลันจุติ

นั่นก็คือ…กฎแห่งเต๋าธาตุทอง!

ทันทีที่กฎนี้เกิดขึ้น พลังปราณเฉียบคมมากมายพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขาทันที แต่ละพลังปราณนั้นราวกับสามารถแยกฟ้าแยกแผ่นดินได้ เต็มไปด้วยการสังหาร เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยความแน่วแน่!

ในที่สุดมันก็กลายเป็นแสงสีทองและตรงไปที่…มารหกปรารถนา!

ทันทีที่เห็นแสงสีทองสว่างวาบ มารหกปรารถนาก็หน้าเปลี่ยนสี แต่แล้วต่อมาพวกมันก็เคลื่อนที่เข้าหากัน แต่ละตนทำผนึกมุทรา ปราณหมอกหกสีพลันแผ่ขยายออกมาจากร่าง ก่อนจะผสานกันกลายเป็นภาพภาพหนึ่ง

ภาพนั้นคล้ายรูปสลัก แต่สมบูรณ์กว่า สมจริงกว่าและซับซ้อนกว่า!

สิ่งที่ภาพแสดงให้เห็นคือภาพคุกใต้ดิน ในนั้นมีภูเขาดาบ ทะเลเพลิง วิญญาณแค้น เสียงคำราม และเสียงคร่ำครวญ แผ่ขยายไปทั่วแปดทิศ

ราวกับนรกโลกันตร์

“สะกด!” เมื่อมารหกปรารถนาอ้าปากกว้าง รูปสลักนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขอบเขต ในที่สุดก็กลายเป็นโลกแห่งความจริงห่อหุ้มหวังเป่าเล่อไว้และปะทะกับแสงสีทองของเขา

แสงสีทองสาดส่องเข้าไปในรูปราวกับหยดน้ำตกลงกระทะที่น้ำมันเดือดพล่าน มันระเบิดทันทีกลายเป็นจุดแสงสีทองนับไม่ถ้วน ผ่านไปทางใดภูเขาดาบก็ถล่ม ทะเลเพลิงพังทลาย วิญญาณแค้นกรีดเสียงร้อง เสียงคำราม และเสียงคร่ำครวญหยุดชะงัก

กระทั่งตัวรูปสลักเองก็ยังเกิดสัญญาณว่ากำลังจะแตกสลายแล้ว แต่ว่า…จุดแสงจากเต๋าธาตุทองกลับอ่อนแสงลงอย่างรวดเร็วจากพลังของมารหกปรารถนา ภาพรูปสลักนี้ใกล้แตกดับ แต่สุดท้ายจุดแสงสีทองที่พุ่งเข้าไปในรูปก็ละลายหายไป รูปสลัก…ยังคงอยู่

และยังคงมุ่งหน้ามาสยบหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว สีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

“เต๋าธาตุดิน!”