พ่อค้ากลุ่มใหญ่ในร้านค้าถูกจับตัว ตอนนี้ถูกผลักขึ้นมาที่หอประตูเมืองแล้ว
พวกพ่อค้าขาจรที่ถูกตั้งกลุ่มขึ้นมาชั่วคราวเพื่อช่วยป้องกันตอนนี้เห็นแล้วหวาดระแวงกลัว ถ้าบอกว่าจับคนของตระกูลอิ๋ง ก่อนหน้านี้ยังมีปมเงื่อนอยู่บ้างก็พอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ขอบเขตการโจมตีกว้างขึ้นแล้ว หมายความว่าอย่างไร?
แม้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฝั่งอิ๋งจิ่วกวง แต่ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้คนมากมายตระหนักได้แล้ว ว่าใต้หล้ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ
“จับคนของพวกเราไปแล้วเหรอ? แม้แต่การไว้หน้าครั้งสุดท้ายก็จะไม่ทำให้ข้าแล้วใช่ไหม?”
ในจวนตระกูลโค่ว โค่วหลิงซวีที่นั่งติดตามข่าวอยู่ในศาลามีสีหน้ามืดครึ้มลงแล้ว
นับตั้งแต่หนิวโหย่วเต๋อมาฝากชื่อว่าเป็นญาติกัน ทั้งสองฝ่ายก็ไม่เคยฉีกหน้ากันอย่างเปิดเผยมาก่อน ต่อให้ตระกูลโค่วจะเข้าร่วมเรื่องล่อเหมียวอี้ไปฆ่าที่น้ำพุวังเวง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ทำอย่างเป็นความลับ ไม่ได้ประกาศออกไป ถึงแม้ครั้งนี้จะเกิดสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะสั่งให้โจมตีเมืองและสังหานคนของหนิวโหย่วเต๋อ แต่สำหรับเขา การที่หนิวโหย่วเต๋อแตะต้องคนของเขาอย่างเปิดเผยนั้นไม่ถูกต้อง แบบนี้เรียกว่าบังอาจ!
เรื่องบางเรื่องเนื่องจากฐานะสูงต่ำต่างกันมาก เนื่องจากศักยภาพต่างกัน ในสายตาคนบางคนจึงไม่มีการคุยถึงเรื่องหลักการเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“เสียแรงที่ตอนแรกบ้านเราปกป้องเขาแบบนั้น เป็นหมาป่าตาขาวอกตัญญูจริงๆ!” โค่วเจิงกล่าวอย่างเดือดดาลเช่นกัน
ถังเฮ่อเหนียนถอนหายใจ “ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของหนิวโหย่วเต๋อ หรือเป็นความคิดของเซี่ยโห้วลิ่ง”
จวนตระกูลก่วง ในห้องหนังสือ ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้มไม่หยุด “ติดต่อเขา ให้เขาปล่อยคนเดียวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าอ๋องผู้นี้ไม่เกรงใจ!”
“รับทราบ!” โกวเยว่เอ่ยรับ แต่พึมพำในใจว่า จะได้ผลเหรอ? ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทำแล้ว จะคิดไม่ได้เชียวเหรอว่าท่านจะไม่เกรงใจเขา?
จวนตระกูลฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่เดินไปเดินมาอยู่ในตึกศาลาขมวดคิ้ว
ซูอวิ้นพึมพำเสียงเบาอยู่ข้างๆ “ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าเขาไม่กล้ามีเรื่องกับหลายตระกูลพร้อมกัน พอมาดูตอนนี้แล้ว เขากลับทำให้พวกเราประมาท เสียเปรียบแต่พูดอะไรไม่ได้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก คงให้คนของหลายตระกูลร่วมมือกันต่อต้านแผนการที่พวกเขาจะคุมตลาดสวรรค์ ถ้าลงมือตอนนี้ ดีไม่ดีหนิวโหย่วเต๋ออาจจะลงมือสังหารจริงๆ ก็ได้ ถ้าเสียคนงานของร้านค้ามากมายขนาดนั้น ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็หาคนที่เหมาะสมมารับงานต่อได้ยากจริงๆ”
ฮ่าวเต๋อฟางส่ายหน้า “มาพูดสิ่งนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ประเด็นก็คือต้องดูว่าใครจะควบคุมตลาดสวรรค์ได้ก่อน ตอนที่เรื่องฝั่งอิ๋งจิ่วกวงยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน การไปปะทะกับทัพที่เฝ้าตลาดสวรรค์ตั้งแต่แรกนั้นไม่เหมาะ ถึงยังไงคนที่มีผลประโยชน์ที่มากที่สุดในตลาดสวรรค์ก็ยังเป็นพวกเรา กฎเกณฑ์พวกนี้พวกเราต้องรักษาไว้เอง ถ้าพวกเราเปิดฉาก ในภายหลังคนอื่นก็จะเอาเยี่ยงอย่าง การหาข้ออ้างสักอย่างมันง่ายมากไม่ใช่เหรอ? นี่คือผลประโยชน์ในระยะยาวของพวกเรา…ตอนนี้อย่าเพิ่งให้ลูกน้องทำอะไรบุ่มบ่าม ดูสถานการณ์ฝั่งอิ๋งจิ่วกวงก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
ตำหนักดาราจักร หลังจากรู้ข่าวเรื่องตลาดสวรรค์แล้ว ประมุขชิงก็เริ่มหน้าตึง ปั้ง! เขาตบโต๊ะแล้วกัดฟันบอกว่า “นี่เป็นความคิดของใครกันแน่ สารเลว!” นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในแผนการ!
ซ่างกวนชิงโค้งตัวเล็กน้อย เรื่องนี้พูดยาก
เขาเข้าใจความรู้สึกประมุขชิง ตอนนี้ฝ่าบาทต้องการเล่นงานแค่ตระกูลอิ๋งเท่านั้น ในสถานการณ์ที่เปราะบางแบบนี้จะทำให้เกิดการปะทุง่ายมาก ตลาดสวรรค์เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ถ้ายั่วโมโหให้ตระกูลฮ่าว ตระกูลก่วง ตระกูลโค่วก่อกบฏพร้อมกัน เรื่องนี้ก็จะลุกลามใหญ่โตแล้ว จะทำให้สถานการณ์ในใต้หล้าวุ่นวายมาก จะทำให้สถานการณ์พังทลายโดยสิ้นเชิง
ปั้ง! อิ๋งจิ่วกวงที่อยู่ในห้องหนังสือของจวนตระกูลอิ๋งตบโต๊ะยืนขึ้น เขารู้เรื่องที่ตลาดสวรรค์แล้วเช่นกัน แต่ความคิดของเขาไม่ได้อยู่กับเรื่องนั้นแล้ว
“แน่ใจนะว่ากำลังพลตรวจตราตรงทางเข้าประตูดวงดาวฝั่งตะวันออกขาดการติดต่อไปแล้ว?” อิ๋งจิ่วกวงถามด้วยสีหน้าดุร้าย
จั่วเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมที่สุด “ไม่ใช่แค่ฝั่งตะวันออก กำลังพลตรวจตราตรงทางเข้าประตูดวงดาวฝั่งตะวันตกก็ขาดการติดต่อเหมือนกัน ตอนนี้มีแค่ประตูดวงดาวฝั่งเหนือของลิ่งหูโต้วจ้งที่ยังติดต่อได้! แต่ที่แปลกก็คือ กำลังพลตรวจตราที่อยู่ท่ามกลางกำลังพลของเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อยังติดต่อได้ ต่างก็บอกว่าไม่มีความผิดปกติอะไร”
เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อกำจัดกำลังพลตรวจตราตรงทางเข้าประตูดวงดาวสองด้านแบบสายฟ้าแลบ ไม่สะเทือนไปถึงกำลังพลตรวจตราที่อยู่ในพื้นที่อื่น ทำแบบนี้เพราะอยากจะช่วงชิงโอกาสให้กองทัพองครักษ์เข้าใกล้รังของอิ๋งจิ่วกวงสักหน่อย แต่กลับไม่รู้ว่าอิ๋งจิ่วกวงวางกำลังไว้อีกแบบ กำลังพลตรวจตราใช้วิธีการเว้นระยะสั้นๆ เพื่อตอบสนอง ถ้าขาดการตอบสนอง ก็จะถูกฝั่งอิ๋งจิ่วกวงจับพิรุธปัญหาได้ทันที
“ไม่มีอะไรน่าแปลก ก็แค่ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น!” ใบหน้าอิ๋งจิ่วกวงเปลี่ยนเป็นดุดันน่ากลัว เดินออกจากหลังโต๊ะ กำหมัดแน่นสองข้างพร้อมบอกว่า “เป็นไปได้สูงว่ากองทัพองครักษ์จะเข้ามาในอาณาเขตดาวผืนนี้แล้ว คงจะกำลังมุ่งตรงมาที่บ้านของข้า! เถิงเฟย เฉิงไท่เจ๋อ ข้าดูแลพวกเจ้าไม่ขาดตกบกพร่อง บังอาจมาทรยศข้า!”
เรื่องราวมากมายในโลกก็เป็นแบบนี้ ไม่กลัวปัญหาภายนอก กลัวก็แต่ความวุ่นวายภายใน
จั่วเอ๋อร์ตกใจมาก “แล้วทำไมคนที่พวกเราแอบส่งไปแฝงตัวไว้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย? เพิ่งจะมีข่าวลือ เรื่องที่ตลาดสวรรค์ก็เพิ่งเกิด กองทัพองครักษ์จะมาถึงที่นี่แล้วได้ยังไง? ทั้งยังไม่พบว่ากองทัพองครักษ์ที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ มีการเคลื่อนไหวผิดปกติด้วย!”
อิ๋งจิ่วกวงพลันหันตัวมา ใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อนาง แล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “เป็นไปได้ว่าประมุขชิงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าที่ตลาดสวรรค์จะเกิดเรื่องอะไร ไม่แน่ว่าอาจร่วมมือกับตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อวางแผนแล้วกก็ได้!”
“เอ่อ…ตระกูลเซี่ยโห้วจะไปร่วมมือกับประมุขชิงมาสู้กับพวกเราได้ยังไง? ถ้าสี่อ๋องสวรรค์โดนโค่นล้ม ฝ่ายต่อไปที่ประมุขชิงจะสู้ด้วยก็คงเป็นตระกูลเซี่ยโห้ว อย่าบอกนนะว่าเซี่ยโห้วลิ่งไม่รู้แม้กระทั่งสัญญาลับนี้?”
“ไม่ใช่สี่ แต่เป็นข้าคนเดียว!” อิ๋งจิ่วกวงผลักนางพลางกล่าวอย่างคับแค้น “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพิจารณาเรื่องนี้ กองทัพองครักษ์จะเข้ามาแล้วหรือไม่ เดี๋ยวก็ตรวจสอบได้แล้ว ตอนนี้เจ้าต้องไปจัดการเรื่องบางอย่าง!”
“บ่าวเข้าใจแล้วค่ะ!” จั่วเอ๋อร์กล่าวอย่างประหม่า
อิ๋งจิ่วกวงชี้นางพลางสั่งงานอย่างจริงจัง “ถ้าแน่ใจแล้วว่ากองทัพองครักษ์จู่โจม เจ้าก็สั่งให้ลิ่งหูโต้วจ้งรีบนำกำลังพลมาสนับสนุน สั่งให้กำลังพลตรวจตราจับโจร พร้อมทั้งสั่งให้คนฝั่งวังสวรรค์ลงมือ ต่อให้ทำไม่สำเร็จ แต่ก็ต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อลงมือกับประมุขชิง เรื่องต่อมา สั่งให้กำลังพลที่ล้อมตลาดสวรรค์โจมตีเมืองล้างเลือด จากนั้นเจ้าก็ค่อยพาพวกอู๋เชวียออกไปจากที่นี่ ไปได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ไปซ่อนตัวในอาณาเขตดาวที่ไม่รู้จัก รอให้สถานการณ์ผ่านไปแล้วค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย ปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขให้ข้า!”
ตอนแรกจั่วเอ๋อร์ยังพยักหน้าซ้ำๆ แต่พอฟังถึงตอนหลัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก “ท่านอ๋อง ถ้าท่านรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่สู้หนีไปด้วยกันดีกว่า ตราบใดที่ภูเขาเขียว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไร้ฟืน!”
“หนีเหรอ?” อิ๋งจิ่วกวงถลึงตา หนวดผมบานออก กางแขนกล่าวเสียงดังว่า “คามพยายามทั้งชีวิตของข้าอยู่ที่นี่ ถ้าแม้แต่ข้าก็หนีไปด้วย ขวัญกำลังใจทหารก็จะหย่อนยานทันที แล้วจะเอาความแน่วแน่จากไหนมาต่อต้าน? แบบนั้นความพยายามทั้งชีวิตข้าก็จะพังทลายแล้วจริงๆ! ตราบใดที่ข้ายังประคับประคองไว้ พวกโค่วหลิงซวีก็ไม่อาจนิ่งดูดาย แต่ถ้าข้าหนีไปเมื่อไร ใต้หล้านี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้ว!”
“ท่านอ๋อง ถ้าประมุขชิงลงมือขึ้นมาจริงๆ ก็จะต้องสังหารแน่นอน ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง!” จั่วเอ๋อร์โน้มน้าวอยากยากเย็น
อิ๋งจิ่วกวงโบกมือ “เรื่องราวไม่ได้แย่อย่างที่เจ้าคิด คนที่กองทัพองครักษ์ส่งมาที่นี่มีไม่เยอะแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวเลยสักนิด ข้างกายข้ามีกำลังพลมากขนาดนี้ ถ้าลิ่งหูโต้วจ้งคิดจะรักษาชีวิตตัวเอง ก็จะต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อมาสนับสนุน มีความหวังที่จะยืนหยัดจนกองหนุนมาถึง ถ้ายืนหยัดต่อไปไม่ได้ อ๋องผู้นี้ก็ไม่ใช่เล่นๆ เดี๋ยวค่อยหนีไปที่อาณาเขตดาวนิรนามก็ยังไม่สาย…พอแล้ว ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”
นี่ท่านอ๋องจะลงสนามสู้เองชัดๆ! ในใจจั่วเอ๋อร์รู้สึกเศร้ารันทด มองเขาด้วยแววตาสับสน นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้สง่าน่าเกรงขามจะถูกบีบจนถึงขั้นนี้ นางโค้งตัวกุมหมัดคารวะ “บ่าวน้อมรับคำสั่ง!”
ดาราจักรกว้างใหญ่ไพศาล กลุ่มของโพ่จวินเหาะด้วยความเร็วสูง แต่ละคนมีสายตาหนักแน่นเยียบเย็น
ทว่าถึงอย่างไรอาณาเขตดาวนี้ก็เป็นรังเดิมของอิ๋งจิ่วกวง มีหูตากระจายอยู่ทั่วทุกที่ เป็นเรื่องยากที่จะหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกพบ
พรึ่บ! ลำแสงหลายสายพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ต้องการจะบีบให้คนกลุ่มนี้หยุด
คนสิบคนถลันมาตรงหน้าโพ่จวินทันที เผยโล่ออกมาพร้อมกัน เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น โล่กระแทกลูกธนูดาวตกที่ยิงเข้ามาจนกระเด็นออกไปพร้อมกัน พวกเขาไม่ได้ลดความเร็วลงเลย พุ่งตัวออกไปท่ามกลางดาวหลายดวงที่มีมือธนูดักซุ่ม
จากนั้นลำแสงนับพันก็ยิงตามมา ทว่าคนกลุ่มนี้ไม่แม้แต่จะมอง เพราะเหาะเร็วเกินไป ลูกธนูดาวตกธรรมดาตามพวกเขาไม่ทันเลย
มือธนูตกใจมาก คนกลุ่มนี้เป็นใครกันแน่ พลังต้องสูงถึงขั้นไหนกัน?
มีคนรีบหยิบระฆังดาราออกมารายงานข่าวให้แนวหลัง
โพ่จวินที่กำลังเหาะกล่าวเสียงต่ำว่า “บอกถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ บอกว่าถูกสังเกตเห็นแล้ว ให้พวกเขากระจายกำลังเดี๋ยวนี้ อย่าให้อิ๋งจิ่วกวงหนีไป!”
“รับทราบ!” แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ รีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
ในดาราจักร เถิงเฟยนำคนนับร้อยเหาะอย่างรวดเร็ว
หลังจากแม่ทัพตรวจตราที่เหาะตามมาแนวหลังได้รับข่าวผ่านระฆังดารา เขาก็เก็บระฆังดาราเงียบๆ สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง หลังจากแอบถ่ายทอดเสียงสั่งลูกน้องที่ตามมา จู่ๆ ก็ชี้เถิงเฟยที่อยู่ข้างหน้าพร้อมตะคอกอย่างเดือดดาล “โจรสุนัขเถิงเฟย บังอาจทรยศท่านอ๋อง ท่านอ๋องมีคำสั่ง ใครช่วยเหลือโจรกบฏจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด ใครที่ได้สติแล้วช่วยข้าสังหารจะพ้นโทษ จะมีรางวัลด้วย ตามข้าไปสังหาร!”
“ฆ่า!” แม่ทัพตรวจตราโบกทวนนำลูกน้องไล่สังหารตามมา จำนวนคนเพิ่มเป็นหลักหมื่นอย่างรวดเร็ว เสียงสังหารสะเทือนฟ้า
เถิงเฟยไม่แม้แต่จะหันกลับมา บนใบหน้าไม่มีความหวั่นไหวใดๆ มุ่งไปข้างหน้าต่อ ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
กลับเป็นคนสิบคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขาที่หันเลี้ยวมา พอพวกเขาโบกมือ ทัพใหญ่ที่หนาแน่นก็พลันปรากฏตัวกลางท้องฟ้า เรียงแถวอยู่ในดาราจักรราวกับเป็นกำแพงสูงตระหง่าน แถวหน้ามีลำแสงของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นับไม่ถ้วนกะพริบพร้อมกัน ลูกธนูดาวตกที่แหลมคมง้างอยู่บนสายธนูแล้ว ทั้งหมดเล็งไปยังกำลังพลตรวจตราที่พุ่งเข้ามา
กำลังพลตรวจตราที่พุ่งเข้ามาตกใจมาก รีบหยุดกะทันหัน แม่ทัพที่นำหน้ามาโบกทวนตะคอก “เถิงเฟยวางแผนก่อกบฏ พวกเจ้าอยากจะลงหลุมศพไปด้วยกันใช่มั้ย?”
“ยิงธนู!” แม่ทัพที่อยู่ตรงข้ามกลับสั่งอย่างเยียบเย็น
ปั้งๆๆ…
ทันใดนั้น เสียงธนูก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับเสียงปะทัด ลำแสงนับไม่ถ้วนฝังกลบกำลังพลตรวจตราจนมิด
หลังจากมือธนูยิงโจมตีรอบแรก ก็รีบแยกออกไปทางบนล่างซ้ายขวา มีเสียง “ฆ่า” ดังสะเทือนเลือนลั่น กองทัพพุ่งออกมาล้อมปราบอย่างรวดเร็ว
เถิงเฟยยังคงไม่หันกลับมา สีหน้าเย็นชาขณะหยิบระฆังดาราออกมา จากนั้นก็กำชับคนที่อยู่ข้างหลังทางซ้ายและขวา “ทางฝั่งอิ๋งจิ่วกวงรู้ตัวแล้ว เผยไพ่ได้เลย ให้พี่น้องเบื้องล่างกำจัดสายลับข้างกายทิ้งให้หมด กำลังพลสี่ด้านเปลี่ยนทิศทางไปหาลิ่งหูโต้วจ้งเดี๋ยวนี้ พี่น้องที่เฝ้าประตูดวงดาวทางเข้ารังอิ๋งจิ่วกวงเข้าไปทันที กระจายกำลังตามแผน อย่าให้อิ๋งจิ่วกวงหนีไป!”
“รับทราบ!” แม่ทัพทางซ้ายและขวารีบเอ่ยรับคำสั่ง
………………