บทที่ 950 อย่าเห็นเลือด

The king of War

ต่งจ้านกังพูดปลอบใจ “กลับกัน เพราะนายบาดเจ็บสาหัส เราเลยเจอหมอเทวดาเฝิง กลับทำให้เขามีโอกาสเอาสิ่งที่กังวลเพียงสิ่งเดียว ให้คุณหยาง นี่นับว่าเป็นการจัดการเรื่องใหญ่ ในใจของหมอเทวดาเฝิง”

“อันที่จริงมาคิดดูตอนนี้ การที่เมื่อคืนหมอเทวดาเฝิง บังคับให้คุณหยางแต่งกับเสียวหว่าน อันที่จริงเขาตั้งใจ เขารู้ว่าชีวิตของตัวเองใกล้สิ้นสุดแล้ว เลยตั้งใจใช้การช่วยชีวิตนาย มาบังคับคุณหยาง”

“เขารู้อยู่แล้วว่าคุณหยางมีภรรยากับลูก แต่ยังบีบบังคับคุณหยาง เพราะอยากให้คุณหยางรู้สึกผิด แค่คุณหยางติดหนี้ทางใจกับหมอเทวดาเฝิง เมื่อเขาจากโลกนี้ไป จึงจะวางใจเรื่องเสียวหว่าน”

ต่งจ้านกังกลับเข้าใจอย่างกระจ่าง นี่เป็นความคิดของหมอเทวดาเฝิงจริงๆ

แม้เป็นเหตุผลนี้ แต่หม่าชาวก็ยังเอาแต่โทษตัวเอง คิดว่าเพราะการช่วยชีวิตตัวเอง จึงทำให้หมอเทวดาเฝิงสูญเสียพลังไปมาก และส่งผลให้เสียชีวิตเร็วขึ้น

“ต่อไป เสียวหว่านไม่ได้เป็นเพียงแค่น้องสาวของพี่เฉิน แต่ยังเป็นน้องสาวของหม่าชาวด้วย ใครกล้ารังแกเธอ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!”

หม่าชาวพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่

ต่งจ้านกังพูดอย่างปลงๆ “นายพูดมาแบบนี้ หมอเทวดาเฝิงคงตายตาหลับแล้ว!”

ขณะที่กำลังจัดการเรื่องงานศพของหมอเทวดาเฝิง รถยนต์โรลส์-รอยซ์สีดำคันหนึ่ง แล่นช้าๆ เข้ามาจอดที่หน้าประตูลานบ้าน

ชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินลงมาจากรถ อีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดร่างกายกำยำอีกสองคน เดินตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ

ทั้งสามคนเดินเข้ามาในลานบ้านทันที

“สวัสดี ไม่ทราบว่าหมอเทวดาเฝิงอยู่ไหม”

ชายหนุ่มที่นำหน้ามา มองคนในลานบ้าน และถามขึ้น

หยางเฉินขมวดคิ้ว มองชายหนุ่มแล้วพูดว่า “หมอเทวดาเฝิงจากโลกนี้ไปแล้ว!”

อะไรนะ

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ชายหนุ่มถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

ถึงแม้ตอนเข้ามาจะเห็นโลงศพ แต่คิดไม่ถึงว่าคนในโลงศพ จะเป็นหมอเทวดาเฝิง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอไม่ส่งแล้วกัน!”

หยางเฉินพูดเนิบๆ ความหมายของการไล่แขก มันชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ทว่าชายหนุ่มกลับขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานคนของฉันเพิ่งสืบเบาะแสของหมอเทวดาเฝิงเจอ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงตายได้”

“หมอเทวดาเฝิงต้องไม่ยอมช่วยเหลือแน่นอน เลยจงใจไม่เจอเรา ใช่ไหม”

แววตาหยางเฉินฉายแววอาฆาต “ถ้าพวกนายยังไม่ไป อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”

ก่อนที่ยังไม่ฝังโลงศพของหมอเทวดาเฝิง หยางเฉินไม่อยากลงมือ

ชายหนุ่มกลับมองหยางเฉิน ด้วยสายตาเฉยเมย และพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ฉันเจียงลี่แห่งตระกูลเจียง จากเมืองกษัตริย์กวน วันนี้จะมารับหมอเทวดาเฝิงไปที่ตระกูลเจียง เพื่อรักษาผู้นำตระกูลเจียง หรือปู่ของฉันเอง”

“แค่รักษาปู่ฉันหาย เงินค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ใครที่จะมีคุณสมบัติรักษาปู่ฉันได้ พวกนายอย่าไม่รู้ดีชั่ว”

ท่าทีของเจียงลี่จองหองเป็นอย่างมาก ราวกับว่ารักษาปู่เขาหาย เป็นเรื่องที่สุดยอดอะไรประมาณนั้น

“ไสหัวไป!”

หยางเฉินแผดเสียงอย่างโมโห

ต่งจ้านกังก็เดินเข้ามา มองเจียงลี่ด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า “ไสหัวออกไปจากที่นี่ ภายในสามวิ ไม่งั้น ตายเท่านั้น!”

พูดจบ ต่งจ้านกังดึงปืนพกออกมาจากเอว มองเจียงลี่ด้วยใบหน้าเฉยชา

ต่งจ้านกังสวมชุดในเครื่องแบบอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถือปืนอีก เจียงลี่สีหน้าไม่สู้ดีขึ้นมาทันที

“ที่แท้เป็นคนในอาณาจักรรบนี่เอง มิน่าถึงอวดดีขนาดนี้”

เจียงลี่กัดฟันพูดว่า “ถึวพวกนายเป็นคนในอาณาจักรรบ แล้วยังไง เบื้องหลังตระกูลเจียง คือตระกูลคิงกวน กล้าล่วงเกินตระกูลเจียง เท่ากับล่วงเกินตระกูลคิงกวน”

“ในเมืองกษัตริย์กวน ใครกล้าแตะต้องฉันบ้าง”

ท่าทีของเจียงลี่จองหองเป็นอย่างมาก ราวกับไม่กังวลว่าต่งจ้านกังจะยิงเขาเลยสักนิด

ความอาฆาตในแววตาต่งจ้านกังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้เขามาเมืองกษัตริย์กวนกับหยางเฉิน สามารถออกคำสั่งเบื้องบนต่าง

ถึงเป็นคนของตระกูลคิงกวน เขาก็กล้าฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลที่รับใช้ตระกูลคิงกวน แค่ตระกูลเดียว

“ในเมื่อนายอยากตายขนาดนี้ งั้นฉันจะสนองให้!”

ต่งจ้านกังพูดอย่างเย็นชามาก จากนั้นจึงสไลด์ปืนพก นิ้วชี้เกี่ยวตรงไกปืน กำลังจะลั่นไกปืน

กระทั่งตอนนี้ เจียงลี่เพิ่งจะรู้ ตงจ้านกังกล้าฆ่าเขาจริงๆ เขาช็อกไปทันที

“นาย นายอย่าวู่วาม!”

เจียงลี่พูดติดๆ ขัดๆ

“ยังไม่ฝังโลงศพของหมอเทวดาเฝิง อย่าให้เห็นเลือด!”

หยางเฉินพูดอย่างเฉยชาเพียงประโยคเดียว โดยไม่มองเจียงลี่แม้แต่น้อย

ต่งจ้านกังเข้าใจความหมายของหยางเฉิน ก่อนฝังศพของหมอเทวดาเฝิง ห้ามให้เห็นเลือด นั่นหมายความว่า ทำที่อื่นได้

เห็นเจียงลี่ถูกต่งจ้านกังเอาปืนจ่อหัว บอดี้การ์ดตระกูลเจียงทั้งสองคน รีบเข้ามาบังหน้าเจียงลี่เอาไว้ และเอาปืนออกมา ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่หัวต่งจ้านกัง

เมื่อกี้ต่งจ้านกังเพิ่งจ่อหัวเจียงลี่ ตอนนี้ตัวเองโดนบอดี้การ์ดของเจียงลี่เอาปืนจ่อหัว

ส่วนเจียงลี่มีท่าทีอวดดีขึ้นมาทันที หลบอยู่ด้านหลังบอดี้การ์ดทั้งสองคน แล้วพูดกับต่งจ้านกังอย่างโมโห “ในเมืองกษัตริย์กวน กล้าเอาปืนมาจ่อหัวฉัน นายเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ”

จู่ๆ สีหน้าต่งจ้านกังอึมครึมสุดขีด เขาโดนคนใช้ปืนจ่อหัว

“ไอ้หนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าจะให้คนของนาย เอาปืนจ่อหัวฉัน”

ต่งจ้านกังหรี่ตาถาม

ถ้าไม่ใช่เพราะยังไม่ฝังศพหมอเทวดาเฝิง คนพวกนี้คงโดนเขาฆ่าตาย ตั้งแต่เริ่มป่าเถื่อนที่นี่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหยางเฉินที่สูงส่งกว่าเขาหลายขั้น อยู่ที่นี่ด้วย เจียงลี่ยังกล้าทำแบบนี้ นี่เป็นการไม่เคารพหยางเฉินเป็นอย่างมาก

เจียงลี่ที่แอบอยู่ด้านหลังบอดี้การ์ดทั้งสองคน แสยะยิ้ม “ไอ้โง่ คิดว่าตัวเองสำคัญเหรอ เอาปืนจ่อหัวนายแล้วยังไง นายเชื่อไหมล่ะ ฉันยังกล้าบอกให้คนยิงหัวนายระเบิดด้วย”

ต่งจ้านกังโมโหสุดขีด ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความอาฆาต จ้องเจียงลี่เขม็ง “นายกำลังรนหาที่ตาย!”

“ทำไมยังไม่ไล่คนออกไปอีก”

หยางเฉินขมวดคิ้ว ถามด้วยสีหน้าสุดจะทน

ต่งจ้านกังสั่นไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ไล่พวกเจียงลี่ออกไป จนทำให้หยางเฉินไม่พอใจ

“ไสหัวไปซะ!”

ตอนต่งจ้านกังมองเจียงลี่ สายตาของเขายิ่งอาฆาต แผดเสียงอย่างโมโห ขยับเท้าและหายไปจากที่เดิม

การเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจในอาณาจักรรบ พละกำลังของเขาจะด้อยได้อย่างไร

“ยิง!”

เจียงลี่หน้าเปลี่ยนสี เขารีบตวาดเสียงดัง

บอดี้การ์ดทั้งสองคนถือปืน และลั่นไกพร้อมกัน

“ปึก!”

“ปึก!”

ทว่าขณะนั้น หยางเฉินดีดนิ้ว หินสองก้อนพุ่งไปที่ปืนพก ของบอดี้การ์ดทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว

ราวกับปืนสองกระบอก ปลิวไปจากมือของบอดี้การ์ดทั้งสอง ในเวลาเดียวกัน

ส่วนต่งจ้านกัง ก็ปรากฏตัวตรงหน้าเจียงลี่

“อะไรกัน”

เมื่อเห็นต่งจ้านกังยืนอยู่หน้าตัวเอง เจียงลี่สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังพบว่า ปืนสองกระบอกในมือบอดี้การ์ดทั้งสองคน หล่นอยู่บนพื้นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ขนาดปืนในมือบอดี้การ์ดทั้งสองคน โดนโจมตีจนปลิวไปยังไง ก็ยังไม่มีใครรู้

ขณะนี้ เจียงลี่รู้ถึงความแข็งแกร่งของต่งจ้านกัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา

“นาย นายจะทำอะไร”

เจียงลี่พูดออกมาด้วยอาการสั่น ถึงขนาดที่ไม่กล้ามีความคิดหนี

ทันใดนั้น มาอยู่ต่อหน้าเขา จากระยะห่างจากตัวเองประมาณห้าเมตร อยู่ต่อหน้าคนประเภทนี้ ตัวเองจะหนีรอดไหม

“เอาตัวเขาออกไปไกลพันเมตร ยิงให้ตายบริเวณนั้น!”

จู่ๆ ตงจ้านกังแผดเสียงออกมาอย่างเย็นชา

“ครับ!”