“แย่แล้ว!”
หลิงฮันเร่งฝีเท้า แต่เมื่อขยับเข้ามาถึงกำแพงภูเขา จางชงและเม่าซูอวี่ก็หายไปแล้ว
ที่กำแพงภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังงานของสวรรค์และปฐพี ทำให้หลิงฮันไม่สามารถใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบได้ เขารู้เพียงแค่ว่าพวกจางชงเข้าไปยังรูถ้ำแต่ไม่รู้ว่ารูไหน
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “พวกเขาคงต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว”
จักรพรรดินีกล่าวอย่างไม่พอใจ “ในฐานะจอมยุทธพวกเขาจะเอาแต่พึ่งพาคนอื่นไม่ได้”
หลิงฮันพยักหน้า ถ้าหากทั้งสองคนกล้าเข้ามายังหุบเหวสืบสานนิพพานย่อมหมายถึงพวกเขาได้เตรียมพร้อมรับความตายเอาไว้แล้ว ยิ่งกว่านั้นใครกันจะกล้ามาที่นี่โดยที่ไม่เตรียมสมบัติสำหรับเอาตัวรอดเอาไว้?
“พวกเราก็เลือกถ้ำที่จะเข้าไปกันเถอะ”
พวกหลิงฮันสุ่มเลือกถ้ำและเดินตามกันเข้าไปทีละคน
ขนาดของถ้ำมีขนาดเพียงพอให้คนห้าคนเดินเรียงกันโดยไม่รู้สึกอึดอัด
หลังจากเดินอยู่ในถ้ำอันมืดมิดเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงทางออก เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏโลกอันขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะและท้องฟ้าอันสว่างไสว
ที่พื้นผิวของหิมะนั้นไม่มีร่องรอยการเหยียบปรากฏให้เห็นอยู่เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาสามคนผ่านรูถ้ำรูนี้มาเป็นกลุ่มแรก หรือคนก่อนหน้าไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้กันแน่
ทั้งสามมุ่งหน้าเดินต่อไปจนมองไม่เห็นทางออกของถ้ำที่อยู่ด้านหลังอีกต่อไป สิ่งที่พวกเขามองเห็นมีเพียงพื้นที่หิมะอันขาวโพลนโดยไม่สามารถแยกออกได้ว่าทางไหนทิศเหนือ ใต้ ออกหรือตก
แต่ด้วยสัมผัสที่เฉียบคมของหลิงฮัน กลุ่มของพวกเขาได้ทำการมุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงข้ามถ้ำตลอดเวลาแม้จะไม่รู้ว่าเป็นทิศอะไร
“หืม?”
หลิงฮันหยุดฝีเท้าและหันมองไปทางซ้าย
จักรพรรดินีเองก็เช่นกัน
พื้นผิวหิมะในระยะที่ไกลออกไปเล็กน้อยมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง
ปัง!
เมื่อการเคลื่อนไหวของหิมะมาถึงตำแหน่งของพวกเขา ร่างของหมีขาวขนาดยักษ์ก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากหิมะอันขาวโพลนและกวัดแกว่งกรงเล็บใส่พวกหลิงฮันทั้งสามคน ด้านหลังของหมีหิมะมีปีกสองข้างที่รูปร่างเหมือนปีกของค้างคาวงอกออกมา สีของปีกนั้นแดงฉานราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุงโชน
จักรพรรดินีเค้นเสียงเย็นชาและสะบัดนิ้วไปด้านหน้า ‘พรึบ’ ปราณดาบอันทรงพลังถูกปลดปล่อยทะยานสูงเสียดฟ้า
‘ฉัวะ’ ร่างของหมีขาวถูกปราณดาบโจมตีจนโลหิตสาดกระจาย มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก่อนจะกระพือปีกลอยขึ้นฟ้าเพื่อถอยหลังตั้งหลัก โลหิตที่ยังคงไหลออกมาร่างจากร่างของมันส่งผลให้พื้นผิวหิมะถูกย้อมเป็นสีแดง
“โฮกก!” หลังจากที่หมีขาวร้องโอดครวญ เสียงคำรามอันทรงพลังอีกเสียงหนึ่งก็ดังกึกก้องมาจากระยะทางที่ห่างไกล
“ระดับโลกียนิพพาน!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เสียงคำรามอันดังกึกก้องเมื่อครู่คือเสียงของสัตว์อสูรระดับโลกียนิพพานไม่ผิดแน่ เนื่องจากคลื่นพลังที่สัมผัสได้จากเสียงนั้นทรงพลังกว่าระดับสร้างสรรพสิ่งหลายเท่า
ในระยะทางที่ห่างออกไป ร่างของหมีขาวขนาดมหึมาได้ปรากฏตัว ปีกเปลวเพลิงที่สยายออกจากแผ่นหลังของมันมีความยาวถึงร้อยไมล์และกำลังบินมาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง
หลิงฮันนำสตรีนกอมตะเข้าสู่หอคอยทมิฬและโคจรเพลิงเก้าสวรรค์พุ่งทะยานโจมตีใส่หมีขาวตัวเล็กอย่างไม่ลังเล เขาไม่คิดว่าการไว้ชีวิตหมีขาวตัวเล็กจะทำให้หมีขาวมหึมายอมปล่อยพวกเขาไปแต่โดยดี
หลังจากโจมตีออกไปเพียงสองกระบวนท่า หมีขาวตัวเล็กก็ส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างทรมานและสิ้นชีพ
หมีขาวมหึมาส่งเสียงร้องคำรามดังสนั่นราวกับอัสนีบาต มันกระหน่ำโจมตีเข้าใส่พวกหลิงฮันโดยไม่คิดจะให้ใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว
หลิงฮันปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามที่เคลือบเอาไว้ด้วยเพลิงเก้าสวรรค์ แต่ไม่ว่าพลังทำลายของทักษะจะรุนแรงเพียงใด หมีขาวมหึมาก็เป็นถึงตัวตนระดับโลกียนิพพาน ยิ่งมันมีร่างของสัตว์อสูรที่เกิดมาพร้อมกับกายหยาบที่แข็งแกร่งด้วยแล้ว คลื่นดาบจากทักษะของหลิงฮันจึงทำให้หมีขาวมหึมาสูญเสียเส้นขนตามร่างไปเพียงไม่กี่เส้น
‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันถูกซัดลอยกระเด็น ความเจ็บปวดจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้หลิงฮันถึงกับกัดฟัน
หมีขาวมหึมาตนนี้ไม่ได้มีพลังเพียงหนึ่งนิพพานแต่เป็นสองนิพพาน การโจมตีของมันรุนแรงถึงขนาดที่แทบจะทำให้กระดูกทุกส่วนภายในร่างของเขาแตกหัก
หลิงฮันทะยานร่างกลับมาหาจักรพรรดินีพร้อมกับพานางเข้าสู่หอคอยทมิฬ และด้วยการที่เขาไม่ต้องการให้ศพของหมีขาวตัวเล็กสูญเปล่าเขาจึงนำศพของมันเข้าสู่หอคอยทมิฬไปพร้อมกันด้วย
หมีขาวมหึมาเกรี้ยวกราด มนุษย์ผู้นี้สังหารบุตรของมันไม่พอ แต่ขนาดศพก็ยังไม่คิดจะเหลือไว้ให้มันด้วย?
หมีขาวมหึมากระหน่ำโจมตีอย่างเกรี้ยวกราด หลิงฮันเองก็ทำการตอบโต้ซึ่งๆหน้าอย่างดุเดือด อีกไม่นานเขาจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้ว การได้ต่อสู้กับศัตรูระดับนี้ย่อมทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ในดินแดนแห่งเซียนอันกว้างใหญ่นี้ สำหรับจอมยุทธที่อยู่ในขุมอำนาจต่ำกว่าระดับราชานิรันดร์ คงมีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่สามารถต่อกับนิรันดร์สองนิพพานได้ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่ง
เพียงแต่ว่าสภาพของหลิงฮันก็ไม่ได้สู้ดีเท่าไหร่ กายหยาบของเขายังไม่ทรงพลังพอที่จะต้านทานการโจมตีของนิรันดร์สองนิพพาน ทุกครั้งที่รับการโจมตี กระดูกภายในร่างของเขาจะปรากฏรอบแตกร้าวมากมายจนแม้แต่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ฟื้นฟูไม่ทัน
หลิงฮันโคจรหยดวารีนิรันดร์เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ในพริบตา แต่หลังจากสู้ต่ออีกไม่นานกระดูกของเขาก็กลับมาแตกหักเช่นเดิม
ครั้งนี้แทนที่เขาจะโคจรหยดวารีนิรันดร์เขาได้เลือกที่จะหลบเข้าสู่หอคอยทมิฬแทน
เขาต้องการย่อยประสบการณ์ที่ได้รับจากการปะทะกับหมีขาวมหึมา
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ หลิงฮันซึมซับทุกรายละเอียดของการปะทะเมื่อครู่พร้อมกับฟื้นฟูร่างกายไปด้วย ถึงแม้เขาจะเคยปะทะกับติงหู่มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่พลังต่อสู้ของติงหู่นั้นอ่อนแอเกินไปที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขา ในขณะที่ติงเหยาหลงเองก็แข็งแกร่งเกินไปที่จะใช้อีกฝ่ายช่วยขัดเกลา
“หากจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีตัดความรู้ ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะทะลวงผ่านได้สำเร็จ แต่หากใช้วิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีข้าไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” หลิงฮันคาดเดา
ทั้งสามคนออกจากหอคอยทมิฬ หมีขาวมหึมาที่เคยอยู่ได้จากไปแล้ว มันทิ้งหลุมขนาดใหญ่เอาไว้ด้วย เนื่องจากต้องการระบายอารมณ์ที่หาหลิงฮันไม่เจอ
ทั้งสามคนออกเดินทางต่อในทันที ระหว่างทางพวกเขาถูกสัตว์อสูรมากมายบุกโจมตี นอกจากหมีขาวแล้วที่นี่ยังมีอินทรีย์เหมันต์ หมาป่าเหมันต์และเสือดาวเหมันต์อยู่อีก พวกมันมีทั้งตัวที่มีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งและโลกียนิพพาน
หากพบเจอกับสัตว์อสูรระดับสร้างสรรพสิ่ง พวกเขาจะสังหารพวกมันและนำร่างเก็บเข้าสู่หอคอยทมิฬเพื่อนำไปใช้เป็นยาเสริมบำรุง แต่หากเจอศัตรูระดับโลกียนิพพาน หลิงฮันกับจักรพรรดินีจะเข้าปะทะกับพวกมันเพื่อสะสมประสบการณ์
จักรพรรดิเองก็สามารถรับมือกับนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานได้เนื่องจากนางมีแก่นกำเนิดนิรันดร์และร่างแยกทั้งเก้าที่ช่วยแบ่งภาระจากการโจมตีของศัตรู แต่ด้วยการที่พลังป้องกันของนางเทียบไม่ได้กับหลิงฮัน นางจึงสามารถรับมือได้แค่การโจมตีของนิรันดร์หนึ่งนิพพานเท่านั้น
คู่สามีภรรยาเข้าปะทะกับสัตว์อสูรทุกตัวที่พบเห็นระหว่างทาง จนสตรีนกอมตะต้องรู้สึกอิจฉา พลังต่อสู้ของนางเมื่อเทียบกับทั้งสองแล้วนับว่าอ่อนแอกว่ามากนัก