ตอนที่ 1172 ร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้อ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ทว่าขณะที่สถานการณ์ในสนามรบค่อยๆ เป็นไปในทางที่ดี มุ่งไปยังทิศทางที่เป็นประโยชน์กับเผ่ามนุษย์อย่างยิ่ง ด้านหลังของกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อพลันมีแสงแวววาวประหลาดสีฟ้าอ่อนจุดแล้วจุดเล่าปรากฏบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน

แสงแวววาวเหล่านี้เหมือนมีอยู่แต่ก็เหมือนไม่มีอยู่ เดี๋ยวหม่นแสงเดี๋ยวส่องสว่าง ราวกับดวงดาราอ่อนแสงดวงแล้วดวงเล่าที่ลอยอยู่บนผืนนภา

เนื่องจากพวกมันค่อนข้างกระจัดกระจาย อีกทั้งท่ามกลางสนามรบก็มีเสียงดังกึกก้องตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด เริ่มแรกจึงเผ่ามนุษย์จึงยังไม่ทันสนใจ

แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป แสงแวววาวเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทันใดนั้นแสงเรืองรองสีฟ้าอ่อนสายแล้วสายเล่าก็แผ่พุ่งออกมา

ต่อจากนั้นรอยแยกมิติขนาดไม่ใหญ่มากมายหลายเส้นก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงเรืองรองสีฟ้า พร้อมกับเสียงแสกสาก หนอนไหมสีฟ้าตัวแล้วตัวเล่าโผล่หัวอ้วนพีออกมาจากในรอยแยก ร่างกายบิดดิ้นดิ้นรนจะเบียดตัวออกมาด้านนอก

หนอนไหมสีฟ้าเหล่านี้ขนาดเพียงหนึ่งจั้ง ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนดูแวววาวยิ่งนัก หลังจากเบียดร่างออกมาได้เกือบครึ่งหนึ่ง พวกมันก็ไม่พยายามออกมาอีก แต่เริ่มกัดกินรอยแยกมิติรอบด้าน

เพียงครู่เดียวหนอนไหมสีฟ้านับหมื่นตัวก็กัดกินท้องนภาจนกินพื้นที่กว้างหลายสิบหมู่

ท่ามกลางเสียงแสกสากที่ชวนให้คนขนหัวลุก รอยแยกมิติเริ่มขยายกว้างอย่างรวดเร็วชนิดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า พริบตาเดียวครอบคลุมอาณาเขตหนึ่งในห้าของพื้นที่แถบนี้ อีกทั้งขนาดพื้นที่ยังขยายกว้างขึ้นไม่หยุด

ร่างกายของหนอนไหมสีฟ้าเหล่านี้เองก็พองโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามด้วย

เมื่อรอยแยกมิติขนาดใหญ่ปรากฏก็ชักนำให้ท้องฟ้าทั้งผืนบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง

เหล่ายอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่ต่อสู้อยู่กับร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อบนท้องฟ้าเห็นหนอนไหมประหลาดสีฟ้ายั้วเยี้ยกับรอยแยกมิติที่อยู่ไกลๆ ก็พากันหน้าถอดสี

“แมลงพวกนี้ถึงกับกัดกินพลังงานมิติได้ ชั้นจำกัดระหว่างมิติของที่แห่งนี้เกรงว่าคงต้านไว้ได้ไม่นานเท่าไร” ประมุขหอเป๋ยโต่วขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางส่งกระแสจิตเอ่ยกับยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่เหลือ

“หากชั้นจำกัดระหว่างมิติถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ที่แห่งนี้อาจเกิดพายุมิติได้” บุรุษวัยกลางคนชุดบัณฑิตจากสำนักเฮ่าหรานเอ่ยอย่างกังวล

“พายุมิติขนาดเท่านี้ก็ทำได้เพียงเป่าพื้นที่บริเวณนี้ให้เละเทะเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ…”

“เผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ทำเช่นนี้น่าจะมีแผนร้ายบางอย่าง! สหายทุกท่านรีบออกคำสั่งให้ส่งกำลังพลไปกำจัดหนอนไหมสีฟ้าเหล่านั้นเดี๋ยวนี้!” ปรมาจารย์มู่คงดวงตาทอประกายเจิดจ้าวูบหนึ่ง แล้วส่งกระแสจิตตอบ

เมื่อได้รับคำสั่งผ่านกระแสจิตจากเหล่ายอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ ประมุขและผู้อาวุโสจากแต่ละนิกายที่ค้นพบความปกติเช่นเดียวกันก็เริ่มส่งกระแสจิตเคลื่อนกำลังพลศิษย์เผ่ามนุษย์ในสังกัดของตน

มีผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้หลายคนเหาะออกมาจากการต่อสู้แต่ละกลุ่มอย่างฉับพลัน พวกเขาเหาะออกไปพร้อมกับบังคับอาวุธจิตวิญญาณกับอาวุธเวทในมือส่งการโจมตีอันรุนแรงขึ้นไปบนท้องฟ้า

ผู้ฝึกฝนคนอื่นเริ่มคุ้มครองผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เหล่านี้ด้วยการขัดขวางไม่ให้แมลงมาขวางทาง

ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เผ่ามนุษย์หลายร้อยคนก็เหาะไปยังขอบฟ้าไกลอย่างราบรื่นดุจผ่าปล้องไผ่ แสงจิตวิญญาณในมือส่องสว่างไปรอบด้าน

ชั่วขณะหนึ่งลำแสงหลากสีสันพุ่งออกไปพร้อมกันทั่วฟ้า เป้าหมายล้วนเป็นหนอนไหมเหล่านั้นที่อยู่บนท้องนภาไกลๆ ทั่วสนามรบเจิดจ้าแสบตาไปชั่วขณะ

หลิ่วหมิงที่อยู่ลึกเข้ามาในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อย่อมสังเกตเห็นปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าอยู่ก่อนแล้ว แต่เนื่องจากแมลงที่ล้อมอยู่รอบตัวเขามากเกินไปจริงๆ จึงได้แต่เงยหน้าเหลือบมองอย่างรีบร้อน แล้วสังหารแมลงหลากหลายชนิดที่ดาหน้าเข้ามาต่อ

ด้วยความพยายามของพวกหลิ่วหมิงกับฉิวหลงจื่อ จำนวนแมลงระดับล่างที่ถูกพิษสังหารจึงบรรลุหลักล้าน

“เปรี้ยง” เสียงระเบิดดังมาจากบนท้องฟ้าไม่ขาดสาย

แม้เวลานี้แมลงหน้าตาเหมือนหนอนไหมสีฟ้าเหล่านี้จะมีขนาดหลายสิบจั้งแล้ว แต่พวกมันก็ดูเหมือนอ่อนแออย่างยิ่ง เพียงถูกลำแสงยิงโดนก็ร่างระเบิดสิ้นใจ กลายเป็นแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งกระจายหายไปทันที

แต่ทุกสิ่งนี้เหมือนจะสายเกินไปแล้ว รอยแยกมิติที่ถูกหนอนไหมแวววาวเหล่านี้กัดกินได้แสงสีฟ้าเหล่านี้เชื่อมต่อกันเป็นรอยแยกขนาดใหญ่เส้นหนึ่ง แรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าตกตะลึงแผ่ออกมาจากด้านใน

“กี๊ซ” เสียงร้องประหลาดดังออกมาไม่หยุด แมลงยักษ์หน้าตาแตกต่างกันตัวแล้วตัวเล่าแห่แหนออกมาจากทางเชื่อม จำนวนมากมายถึงเจ็ดแปดร้อยตัว

แมลงเหล่านี้บางส่วนรูปร่างใหญ่โตเกือบร้อยจั้ง ส่วนพวกที่ตัวเล็กก็ขนาดเท่าตึก ทั่วทั้งร่างมีลวดลายหลากสีแผ่อยู่ทั่ว มีใบหน้ามนุษย์บิดเบี้ยวงอกติดอยู่ แลดูโหดเหี้ยมยิ่งนัก

“แย่แล้ว พวกมันล้วนเป็นเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงระดับแก่นแท้ไปจนถึงระดับดาราพยากรณ์!” หลิ่วหมิงกวาดสายตามอง ในใจตกตะลึง

ในตอนนี้เองแมลงยักษ์สีเหลืองระดับดาราพยากรณ์ตัวหนึ่งก็พ่นของเหลวสีเหลืองก้อนยักษ์ออกมาจากปาก

“ฟู่”

ของเหลวสีเหลืองแผ่เป็นผืนกลางท้องฟ้า จากนั้นใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อพุ่งหายไปกลางอากาศ ก่อนจะโถมเข้าใส่กระบวนทัพหนึ่งร้อยคนของนิกายปีศาจลี้ลับที่อยู่ใกล้ที่สุดด้านล่าง

ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับหนึ่งร้อยคนนี้ไม่ทันตั้งตัว จึงได้แต่เร่งเร้าไอปีศาจที่คุ้มกันร่างอย่างฉุกละหุก สร้างเกราะปราณสีดำชั้นหนึ่งพยายามต้านเอาไว้

ทว่าพลังกัดกร่อนของของเหลวเหล่านี้แข็งแกร่งเป็นที่สุด แสงสีเหลืองสว่างขึ้นวูบเดียว เกราะปราณสีดำก็ถูกของเหลวสีเหลืองกลบจนมิด

เสียงกรีดร้องดังระงม!

ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับร้อยคนฉับพลันละลายหายไปท่ามกลางของเหลวข้นสีเหลืองเกินกว่าครึ่ง มีเพียงส่วนน้อยไม่กี่คนที่ตาไวมือไวและพลังไม่อ่อนแอหนีออกมาได้ แต่ถึงกระนั้นลำแสงยามเหาะหนีก็หม่นแสงยิ่งนัก เห็นชัดว่าคงบาดเจ็บไม่เบา

เมื่อมีแมลงระดับแก่นแท้กับระดับดาราพยากรณ์หลายร้อยตัวเข้ามาเสริม สถานการณ์ในสนามรบก็เปลี่ยนไปอย่างมากอีกครั้ง ผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์กับระดับดาราพยากรณ์ของเผ่ามนุษย์ที่อยู่บนท้องฟ้าหน้าถอดสี

ขณะที่พวกเขาคิดหาวิธีเดินทางไปผนึกรอยแยกมิติด้วยตนเอง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!

เสียงระเบิดดังขึ้นกลางท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง!

หนอนไหมสีฟ้าทั้งหมดที่เหลือระเบิดตัวเองพร้อมกัน ปราณสีฟ้ากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าหมุนคว้างถ่างรอยแยกมิติที่อยู่ใกล้ให้ขยายออกอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตาท้องฟ้าฟากนั้นที่มีรอยแยกมิติขนาดหลายสิบหมู่อยู่ก็กลับกลายเป็นรอยแยกมิติไปทั้งผืน

มองจากไกลๆ ประหนึ่งมีโพรงสีดำขนาดมหึมาอย่างยิ่งโพรงหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนท้องนภาซึ่งเดิมทีสีฟ้า

หลังจากเสียงระเบิดประหนึ่งอสนีบาตฟาด ค่ายกลแสงขนาดยักษ์ที่เกือบจะแผ่เต็มรอยแยกมิติก็ปรากฏเลือนรางกลางรอยแยกมิติ

ค่ายกลแสงมียันต์สีดำมากมายถี่ยิบเคลื่อนไหวเต้นระริกอยู่เป็นระยะ

ต่อจากนั้นลมปราณมหาศาลสายหนึ่งก็แผ่ออกมาจากด้านใน!

แสงสีขาวสว่างวูบหนึ่ง จากนั้นก้อนเนื้อสีขาวดุจหยกขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งก็โผล่ให้เห็นเลือนรางในค่ายกลแสง มองจากไกลๆ เหมือนลำตัวของหนอนไหมยักษ์ตัวหนึ่ง

อากาศรอบทางเชื่อมค่อยๆ บีบอัดแน่น ท้องนภาบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เมื่อแสงจิตวิญญาณที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้จากนิกายต่างๆ ซึ่งใกล้เหาะมาถึงเหล่านั้นยิงออกมาร่วงลงบนลำตัวของหนอนไหมยักษ์สีขาวตัวนี้กลับสลายหายไปทันทีโดยไม่ทิ้งแม้แต่ร่องรอยสักนิดเอาไว้

เวลานี้หลิ่วหมิงรู้สึกว่าร่างกายฉับพลันหนักอึ้ง แรงกดดันอันแข็งแกร่งสายหนึ่งส่งผ่านมา

ความรู้สึกนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ลมปราณที่แผ่ออกมาจากทางเชื่อมเหนือศีรษะแข็งแกร่งยิ่งกว่าลมปราณใดที่ตนเคยพบไม่รู้กี่เท่า ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านั้นอย่างมู่คงหรือเสวียนอวี๋ เมื่อเทียบกันแล้วก็ราวกับแสงหิ่งห้อยขันแข่งกับพระจันทร์

“ราชินีหนอนผีเสื้อ!”

ปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์จากนิกายปีศาจลี้ลับคนหนึ่งเห็นภาพนี้ก็หลุดปากออกมาทันที

สิ่งที่อยู่ในรอยแยกมิตินั่นก็คือร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้อในตำนาน ตัวตนขั้นสุดยอดระดับอมตะ!

“แควก!” เสียงดังสนั่นประหนึ่งอสนีบาตฟาดดังขึ้นสองครั้ง

ขาขนาดยักษ์เหมือนพวกมดแต่สีขาวบริสุทธิ์ประหนึ่งหยกสองข้างยื่นออกมาจากขอบรอยแยกมิติแล้วเริ่มออกแรงถ่างรอยแยก ลำตัวอ้วนพีของมันเบียดออกมาไม่หยุดคล้ายต้องการจะเบียดผ่านรอยแยกมิติออกมา

ทุกครั้งที่มันขยับ แรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นพลันซัดสาดออกมาเป็นระลอก

ภาพนี้ทำให้เหล่าแมลงที่เดิมทีตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบเกิดกำลงใจฮึกเหิม แมลงระดับล่างเหล่านั้นเหมือนได้รับกำลังใจ พวกมันโจมตีใส่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์อย่างบ้าคลั่งประหนึ่งน้ำหลาก

ในเวลาเดียวกันบรรดาปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่อยู่บนท้องฟ้าต่างพากันสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนักจากการข่มขวัญของร่างต้นราชินีหนอนผีเสื้อ

ร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อก็ครอบครองพลังระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์แล้ว หากปล่อยให้ร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้อมาถึงแผ่นดินจงเทียนได้จริง ผลลัพธ์ที่ตามมาคิดดูก็รู้!

“จะปล่อยให้ร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้อตัวนี้ออกมาไม่ได้เด็ดขาด รอยแยกมิติไม่ได้มั่นคงนัก น่าจะเปิดอยู่ได้ไม่นานเท่าไร ต้องหาวิธีขวางมันไม่ให้ข้ามมา!” ปรมาจารย์มู่คงที่อยู่บนท้องฟ้ารีบส่งกระแสจิตหายอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์คนอื่นที่อยู่รอบด้าน

ทันใดนั้นนอกจากปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์สิบกว่าคนที่ถูกทิ้งเอาไว้หาวิธีถ่วงร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อ ผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่เหลือต่างพากันรามือแล้วเริ่มกระตุ้นอาวุธเวท

ปรมาจารย์เสวียนอวี๋แห่งนิกายยอดบริสุทธิ์พลิกมือข้างหนึ่ง แผ่นหยกแวววาวใสกระจ่างอย่างยิ่งแผ่นหนึ่งร่วงลงในมือ จากนั้นสองมือของเขาก็ส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าใส่แผ่นหยกอย่างต่อเนื่อง แผ่นหยกเปล่งแสงสีครามสว่างไสวกลายเป็นดอกบัวสีครามสะดุดตาดอกหนึ่ง

ดอกบัวสีครามหมุนติ้วอยู่กลางท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นแสงสีน้ำเงินดวงหนึ่งแล่นตรงไปยังทางเชื่อมมิติ

ปรมาจารย์มู่คงที่อยู่อีกด้านหนึ่งขยับสองแขน แสงแวววาวสีดำกับสีขาวพุ่งพรวดออกมากลายเป็นธงผืนน้อยสีขาวดำสองผืนปลิวสะบัดตามสายลม

มือของปรมาจารย์มู่คงใช้เคล็ดวิชาไม่ขาดสาย ธงค่ายกลสีขาวดำกลายเป็นมังกรยักษ์สีขาวดำสองตัว เลื้อยขดสวนกันกลางท้องฟ้า จากนั้นพุ่งชนขายักษ์สองข้างที่ยื่นออกมาของราชินีหนอนผีเสื้อ ตัวหนึ่งทางซ้าย ตัวหนึ่งทางขวา

“กี๊ซ” เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังออกมาจากในรอยแยกมิติ ขายักษ์สีขาวที่ยื่นออกมาด้านนอกคู่นั้นหดกลับไปอย่างฉับพลัน

หญิงสาวชุดเหลืองผู้นั้นที่เป็นผู้นำของนิกายเทียนกงเรียกหุ่นเทพอินทรีขนาดยักษ์ตัวหนึ่งออกมาทันที

อินทรียักษ์ตัวนี้ขนาดใหญ่โตร้อยกว่าจั้ง ตั้งแต่หัวจรดหางมีสามสี สีแดง สีเขียวกับสีเหลือง ดวงตาทั้งคู่สีดำขลับ ลมปราณที่แผ่ออกมาทั่วร่างไม่ด้อยกว่าผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์

ปีกคู่ของอินทรียักษ์โบกกระพือ เส้นขนสีแดงเส้นแล้วเส้นเล่ากลายเป็นลำแสงเส้นยาวอันคมกริบสายแล้วสายเล่าปักลงรอบทางเชื่อม แล้วสานกันเป็นตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่งตรงขอบทางเชื่อม หมายจะขัดขวางทางเชื่อมจากการขยายขนาด

ทว่าผ่านไปเพียงหนึ่งลมหายใจ ของเหลวข้นสีเหลืองก้อนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากในทางเชื่อม ละลายตาข่ายยักษ์สีแดงจนกลายเป็นธุลีทันที

สตรีอาภรณ์สีเหลืองจากนิกายเทียนกงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย แต่จากนั้นนางก็อ้าปากถ่มโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งใส่อินทรียักษ์ หลังจากอินทรียักษ์ดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์ก็ขยายขนาดขึ้นอีกหนึ่งเท่ากว่า จนสูงใหญ่ประหนึ่งเขาลูกน้อย

“แกว้ก!” เสียงดังกังวาน

อินทรียักษ์กรีดร้องเสียงแหลม คลื่นเสียงวงแล้ววงเล่าพุ่งออกมาจากปากของมัน

ท้องฟ้าจุดที่คลื่นเสียงเคลื่อนผ่านเกิดวงกระเพื่อมชั้นหนึ่ง ทางเชื่อมถูกคลื่นเสียงก่อกวนจนเริ่มสมานเข้าหากันอย่างเชื่องช้า

เวลานี้ปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หลายคนที่เหลือต่างพากันใช้อาวุธพิทักษ์สำนักของแต่ละคนอย่างไม่เสียดาย พยายามจะหาหนทางผนึกทางเชื่อมชั่วคราวเส้นนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อขวางไม่ให้ร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้อมาเยือน

ชั่วขณะหนึ่งแสงเรืองรองหลากสีบินว่อนเต็มท้องฟ้า โถมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งเข้าใส่ทางเชื่อมมิติที่ร่างต้นของราชินีหนอนผีเสื้ออยู่

ทว่าในตอนนี้เองท้องฟ้าทางทิศตะวันออกของสนามรบก็ปรากฏแสงสีโลหิตน่าหวาดหวั่นผืนหนึ่ง

ต่อจากนั้นทะเลเลือดอันไร้จุดสิ้นสุดก็ถาโถมเข้ามา

ทะเลเลือดเคลื่อนเข้ามารวดเร็วอย่างที่สุด ชั่วสะเก็ดไฟแลบก็อยู่ห่างจากฝั่งตะวันออกของกองทัพเผ่ามนุษย์ไม่ถึงพันจั้งแล้ว แรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าหวาดกลัวแผ่ออกมาจากกลางทะเลสีเลือดทำให้ผู้ฝึกฝนที่นั่นหน้าซีดเผือดกันเป็นทิวแถว

นี่มันผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์อีกคน!