ตอนที่ 1200 - ตอบแทนกลับมามากมาย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1200 – ตอบแทนกลับมามากมาย

นี่เป็นเพราะแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็สามารถถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายโดยค่ายกลดั้งเดิม มันมีพลังมากเกินไป แต่ตระกูลเจียงหยาง ล้มเหลวในการป้องกันเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ให้ออกไปหลังจากใช้ค่ายกล เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก

ในขณะนี้ทุกคนที่แสดงความไม่เห็นด้วยต่างพากันปิดปากเงียบ พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา ตระกูลเจียงหยางเพียงพอที่จะได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมด ในอีกทางหนึ่ง สำนักธูปสวรรค์มีเซียนราชาเพียง 6 คนเท่านั้นและไม่มีสักคนที่อยู่ในขั้นสูงสุด แม้ว่าพวกเขาจะใช้ทักษะพิษ ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเจียงหยาง ดังนั้นพวกเขาจะเป็นศัตรูกับคนที่แม้แต่ตระกูลเจียงหยางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ได้อย่างไร ?

“ท่านเจ้าสำนัก ถ้าพวกเขาพูดความจริง เราอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ในเวลาเดียวกันมีหญ้าพิษหลายชนิดที่ปลูกในโลกใบเล็กของพวกเรา ถ้าเราเกิดการต่อสู้ที่นี่ หญ้าทั้งหมดจะถูกทำลาย หญ้าเหล่านั้นเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเรา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสูญเสียมันไปได้ พิษทลายสวรรค์อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขา แต่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ได้ใช้พลังออกไปอย่างมากจากการร่ายทักษะนั้นในรังมรณะ พวกเขายังคงกักตนอยู่และพักฟื้นในตอนนี้ เราไม่มีพลังมากพอที่จะร่ายทักษะพิษในครั้งที่สอง” ชายชรากล่าวกับเจ้าสำนักผ่านทักษะการสื่อสาร เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์รวมถึงเป็นเซียนราชาเพียงคนเดียวเท่านั้นนอกเหนือจากเจ้าสำนัก

ลาจุนกลายเป็นคนเคร่งขรึมอย่างยิ่ง ถ้าเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ เข้ามาในโลกใบเล็ก พวกเขาจะได้รับความสูญเสียที่หนักกว่าตระกูลเจียงหยาง นี่คือสิ่งที่เขาต้องการเห็นน้อยที่สุด

นี่เป็นเพราะทักษะพิษของตระกูลผู้พิทักษ์สามารถฝึกฝนได้เฉพาะกับหญ้าพิษที่เกี่ยวข้อง พวกเขาปลูกพืชเป็นจำนวนมากในโลกใบเล็กของพวกเขา ดังนั้นถ้าพวกมันถูกทำลาย มันจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของสำนัก มันอาจนำไปสู่การตกต่ำของสำนักเป็นระยะเวลานาน

“ตกลง ข้าเห็นด้วยกับคำขอของเจ้า” ลาจุนไม่มีทางเลือกและได้แต่จำใจตอบตกลง แม้จะมีมรดกของพวกเขา สำนักก็จะต้องรัดเข็มขัดจากการสูญเสียแกนอสูรระดับสูงมากมาย ลาจุนเหงื่อแตกเมื่อเขาคิดถึงแกนอสูรระดับเก้า 5 อัน

เจี้ยนเฉินได้รับแกนอสูรจำนวนมาก ทักษะการบ่มเพาะระดับเซียนและทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ในเวลาเดียวกันเขาก็เคารพข้อตกลงและไม่ทำเรื่องยากลำบากให้กับสำนักธูปสวรรค์อีกต่อไป

กลุ่มของเจี้ยนเฉินกลับไปที่เมืองลอร์พร้อมกับยาแก้พิษและให้เฮยยู่นำไปบริโภคโดยเร็วที่สุด

แม้ว่าพิษของเฮยยู่จะไม่ได้ถูกกำจัดทันทีหลังจากกินยาแก้พิษ แต่สีผิวของเขาก็เปลี่ยนไป

เฮยยู่ไม่ต้องใช้พลังของตัวเองอีกต่อไปในการสะกดพิษ เขายิ้มแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดำคล้ำจากพิษและพูดว่า ในที่สุดก็จัดการกับพิษสวรรค์สิ้นสุด ชีวิตของข้าเกือบจะถูกดึงเอาไป พิษนี้แน่นอนว่าแข็งแกร่ง”

“มันดีที่เจ้าสบายดี เจ้าเกือบเสียชีวิตจากพิษแล้ว มันร้ายแรงเกินไปสำหรับเซียนราชาขั้นสูงสุดและได้รับการปกป้องจากเกราะพลังงานดั้งเดิม” หงเหลียนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยราวกับว่านางกำลังสนุกกับเขา

เฮยยู่รู้สึกอึดอัดใจที่เขาไร้คำพูด

” ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปัญหาของผู้อาวุโสเฮยยู่ก็เกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าข้าต้องการผลไม้เซียน ผู้อาวุโสเฮยยู่จะไม่ถูกวางยาพิษเช่นกัน ผู้อาวุโส ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านในไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าจะจดจำไว้ในใจและไม่มีวันลืมเลย” เจี้ยนเฉินคำนับคนทั้งสามคนด้วยความจริงใจ เขาพูดจากใจของเขา หากไม่ใช่ด้วยความช่วยเหลือ เขาจะไม่สามารถได้รับผลไม้เซียนและจะไม่สามารถผนึกตระกูลเจียงหยางได้ และยังใช้พวกเขาข่มขู่ต่อสำนักธูปสวรรค์เพื่อปล้นแกนอสูรจำนวนมากจากพวกเขา

หงเหลียนมองดูเจี้ยนเฉิน มีสีแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้นในรูม่านตาของนางราวกับว่าลูกไฟลุกขึ้น นางกล่าวว่า”เจี้ยนเฉิน เพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ มันจะเป็นหนทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เจ้าจะตอบแทนเรา”

เจี้ยนเฉินอย่างเห็นได้ชัดเรื่องทั้งหมดนี้ก็เพื่อพยัคฆ์ปีกเทวะ เพราะจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้คิดว่าทำไมพวกเขาทั้งสามจะติดตามเขาไปทุกที่ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะ ในเวลาเดียวกันนั้น พยัคฆ์ปีกเทวะก็เป็นสัตว์เทวะ ในขณะที่ทั้งสามคนนั้นก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน บวกกับความจริงที่ว่าผู้ปกครองของทวีปสัตว์เทวะต้องการที่จะวางแผนต่อต้านพยัคฆ์ปีกเทวะ มันค่อนข้างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาทั้งสามจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องเสือขาว

แม้ว่าเฮยยู่จะได้รับยาแก้พิษ แต่ก็ยังมีพิษตกค้างอยู่ในตัวเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการเวลาอีกสองสามวัน เจี้ยนเฉิน, หงเหลียน และ รุยจินต่างก็พูดคุยกันเล็กน้อย พวกเขาทั้งสองใช้พลังงานไปค่อนข้างมากในการต่อสู้กับตระกูลเจียงหยาง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงออกไปฟื้นฟู

เจี้ยนเฉินและโหยวเยว่เดินผ่านตระกูลใหญ่เคียงกัน ยามที่ลาดตระเวนทั้งหมดที่พวกเขาเจอจะคุกเข่าบนเข่าข้างหนึ่งและทักทายพวกเขาโดยมีแววตาชื่นชมอยู่ในดวงตาของพวกเขา

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจยาม สิ่งที่เขาคิดก็คือทำอย่างไรจึงจะแบ่งแกนอสูรที่เขาเพิ่งได้รับมา เขาไม่ได้วางแผนที่จะใช้พวกมันเองทั้งหมด แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนปริมาณพลังงานที่น่าประหลาดใจ แต่พลังที่เขาต้องการในการทะลวงเข้าถึงขั้นที่สี่ของร่างบรรพกาลของเขานั้นมากเกินไป แม้หลังจากที่ดูดซับแกนอสูรเข้าไปแล้ว เขาก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการที่จะทะลวงผ่านด่าน ถ้าเขามอบแกนอสูรแก่ตระกูลเจียงหยางและกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขามองไปในระยะไกลและเห็นจุดเล็ก ๆ 4 จุดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขาพุ่งตรงมาที่ตระกูลเจียงหยางด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้าเข้าสู่เมืองลอร์ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและหยุดอยู่นอกประตูทางเข้าหลักของตระกูล

พวกเขาเป็นชายวัยกลางคนสี่คนในเสื้อคลุมสีแดงเลือด แต่ละคนสีหน้าไร้อารมณ์และมีดวงตาที่เยือกเย็น พวกเขาไร้อารมณ์อย่างสมบูรณ์และชั้นพลังหยินที่ชั่วร้ายดูเหมือนจะหมุนรอบตัวพวกเขา มันทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลง เช่นที่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้

ชายชรา 2 คนปรากฏตัวที่ทางเข้าเหมือนผี พวกเขาจ้องมองอย่างไร้อารมณ์ไปที่ชายวัยกลางคนสี่คนและหนึ่งในนั้นถามอย่างเย็นชาว่า “คนของนิกายดาบโลหิต เจ้ามาทำไม ? ”

” พวกเขามาหาข้า”

เสียงที่ชัดเจนดังขึ้นจากด้านหลัง เจี้ยนเฉินเดินออกไปและโหยวเยว่เดินตามเขาไป

ชายชรา 2 คนยิ้มกันเองเมื่อเห็นว่าเป็นเจี้ยนเฉิน พวกเขาพยักหน้าให้เขาก่อนจะหายไป

เจี้ยนเฉินไม่รู้ชื่อของชายชราทั้งสองคน เขารู้เพียงว่าพวกเขาเป็นเซียนผู้คุมกฏของสาขาซู ดังนั้นเขาควรเรียกพวกเขาว่าปู่ทวดในแง่ของความอาวุโส

“ผู้พิทักษ์ทั้งสี่คำนับท่านหัวหน้านิกาย”

ชายวัยกลางคนทั้งสี่คุกเข่าลงบนเข่าข้างหนึ่งแล้วตะโกนโดยพร้อมเพรียงกัน

เจี้ยนเฉินรีบให้พวกเขาลุกขึ้น ตระกูลเจียงหยางเป็นหนี้บุญคุณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ตั้งแต่พวกเขาเคยช่วยปกป้องทางเข้าตระกูลเมื่อครั้งก่อน เขาไม่เคยลืมเรื่องนี้

เจี้ยนเฉินนำผู้พิทักษ์ทั้งสี่มาที่ห้องโถงของเขา เขาถามว่า” ท่านผู้พิทักษ์มีเหตุผลใดที่ทำให้ท่านพลันมาหาข้าในทันที ? ”

“ท่านหัวหน้านิกาย อดีตหัวหน้านิกายได้สละตำแหน่งมานานแล้ว พวกเรา 4 คนอยู่ภายใต้คำสั่งของรองหัวหน้านิกายเพื่อเชิญท่านหัวหน้านิกายกลับไปที่นิกาย เพื่อที่เราจะได้จัดพิธีสืบทอดตำแหน่งรวมทั้งวางแผนอนาคตของนิกาย ผู้พิทักษ์ตอบ

“ท่านผู้พิทักษ์ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามีใครบ้างที่ต่อต้านการสืบทอดตำแหน่งนี้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินเคาะโต๊ะเป็นจังหวะด้วยนิ้วของเขา ขณะที่จ้องมองที่ผู้พิทักษ์ด้วยความสนใจ

“ท่านหัวหน้านิกาย ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของท่าน รวมถึงรองหัวหน้านิกายทุกคนสนับสนุนท่านเป็นอย่างมากในการรับตำแหน่งเป็นหัวหน้านิกาย ไม่มีใครมีข้อขัดแย้งใด ๆ ” ผู้พิทักษ์คนเดียวกันกล่าว

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า” เอาล่ะ แต่ก่อนที่ข้าจะไปที่นิกายกระบี่โลหิต มีบางเรื่องที่้ข้าต้องจัดการ ทำไมท่านทั้งสี่ไม่อยู่ที่ตระกูลสักสองสามวันก่อน แล้วข้าจะกลับไปที่นิกายหลังจากที่้ข้าจัดการกับเรื่องเหล่านี้”

“ตามที่ท่านหัวหน้านิกายปรารถนา ! ”

ต่อจากนั้นเจี้ยนเฉินไปพบเจียงหยางป้าและมอบ 500 แกนอสูรระดับ 5, 100 แกนอสูรระดับ 6, และ 10 แกนอสูรระดับ 7 ที่เขาได้รับจากสำนักธูปสวรรค์ เจี้ยนเฉินไม่สนใจว่าเจียงหยางป้าจะแบ่งแกนอสูรกันอย่างไร

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินเข้าสู่วัตถุวิญญาณ ในใจกลางของมิติตั้งไว้ด้วยโถงอันงดงาม เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ใจกลางห้องโถงอย่างห้าวหาญ ข้างหลังเขา มีชายผิวขาววัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบ ๆ เขาเป็นเหมือนคนรับใช้

ชายวัยกลางคนเป็นจิตวิญญาณของวัตถุจิตวิญญาณ เป็นผู้ปกครองวัตถุจิตวิญญาณ

ในขณะนี้กลุ่มคนหลายสิบคนเข้ามาในห้องโถงอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาเดินอย่างแผ่วเบา ๆ และไม่ส่งเสียงใด ๆ เลย พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ชายที่มีหน้าอกหนาและแข็งแรงที่เปล่งประกายด้วยความห้าวหาญ พวกเขามีพลังอย่างผิดปกติ

หลังจากที่กินเนื้อและเลือดของมังกร ร่างกายของพวกเขาก็ใหญ่โตขึ้นอย่างชัดเจน

“เราคำนับหัวหน้า” ชายทั้งหกสิบหกคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งและตะโกนเสียงดังอย่างฟ้าร้อง ความโกลาหลนั้นยิ่งใหญ่จนมีพลังที่ต่อต้านไม่ได้

เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไร แสงพิเศษส่องประกายแวววับในดวงตาที่สดใสของเขาในขณะที่เขาจ้องมองอย่างช้าๆ เขามีความพึงพอใจและมีความสุขมากยิ่งขึ้นก่อนที่เขาเผยรอยยิ้มโดยไม่สมัครใจ

ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ยืนขึ้นจากบัลลังก์แล้วเดินลงไป เขาพูดว่า” ดี ดี ดี ดี ประทับใจ น่าประทับใจจริง ๆ พวกเจ้าก้าวหน้ากันรวดเร็วมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ จากทั้งหมด 66 คน พวกเจ้า 43 คนมาถึงขั้นที่ 6 ในขณะที่ 23 คนที่เหลืออยู่ในขั้นที่ 4 เป็นอย่างน้อยที่สุด ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนจะสามารถเข้าถึงขั้นที่ 6 ได้โดยไม่เสียเวลามากนัก พวกเจ้ามีชีวิตตามความปรารถนาของข้าจริง ๆ ”

ไคเอ้อกล่าวว่า “หัวหน้า ความสำเร็จในปัจจุบันของเรานั้นเกิดจากการอุ้มชูของหัวหน้า หากเราไม่ได้รับการอุ้มชูจากท่าน ด้วยความสามารถของพวกเราจะสามารถเข้าถึงเซียนปฐพีได้เป็นอย่างมาก การไปถึงระดับเซียนสวรรค์ดูจะเป็นเพียงความปรารถนาที่มากเกินไปเท่านั้น”

ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่หัวหน้า เราอาจจะยังคงตามล่าสัตว์อสูรในป่าเพื่อกิน เราอาจยังไม่สามารถมีชีวิตอยู่จนกระทั่งวันนี้ อาจจะตายในปากสัตว์อสูร ความสำเร็จในปัจจุบันของเรานั้นเป็นเพราะหัวหน้า โม่เทียนพูดอย่างตื่นเต้น สำหรับพวกเขาทุกคน การได้เป็นเซียนสวรรค์นั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นความปรารถนาที่เกินจริง