ตอนที่ 1230 คุณย่าไปแล้ว + ตอนที่ 1231 การกระทำที่ไม่มีเหตุผลของเหอปี้อวิ๋น โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1230 คุณย่าไปแล้ว
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่จ้าวอิงหัวกลับมา ในที่สุดตอนตีสามคุณย่าก็จบชีวิตอันรุ่งโรจน์และเลอะเลือนของเธอ เนื่องจากเสมหะปิดกั้นหลอดลมจนไม่สามารถหายใจได้
แพทย์และพยาบาลที่ดูแลคุณย่าต่างก็ตำหนิตัวเอง แต่ทุกคนในครอบครัวตระกูลจ้าวกลับรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดก็จบสิ้นลงเสียที
ถ้ายังยื้อกันต่อไป คนที่ยังมีชีวิตอยู่จะโดนดึงให้ตายไปด้วยแน่ ๆ!
ทั้งยังสภาพตอนนี้ของคุณย่ากล่าวได้ว่ามีชีวิตยังไม่สู้ตายไปเสียยังดีกว่า บางทีความตายสำหรับเธออาจจะเป็นการหลุดพ้นก็เป็นได้!
เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตายของคุณย่ามากนัก ไม่สุขไม่เศร้า มีแค่เพียงความรู้สึกเหี่ยวแห้งเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง
คนตายก็เหมือนไฟตะเกียงที่มอดดับ บุญคุณความแค้นในอดีตได้กลายเป็นหมอกควันไป แม้ว่าจะแค้นเคืองไม่พอใจคุณย่าแต่เธอก็ยังพูดว่าขอให้ไปสู่สุขคติ!
ถึงอย่างไรก็เป็นคุณย่าแท้ ๆสายเลือดเดียวกันของเธอ!
แม้ว่าคุณย่าจะไม่มีหน้าที่การงานแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นนักปฏิวัติที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าการตายของเธอไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้แต่นายใหญ่ก็ยังมาเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยเป็นการส่วนตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หลักผู้ใหญ่คนอื่น ๆ
หลังจากงานศพคุณปู่ก็เรียกประชุมครอบครัว เขาประกาศการตัดสินใจที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตในบั่นปลายที่นั่น จ้าวอิงหย่งคัดค้านเป็นอย่างมาก
”ไม่ได้ ที่ภูเขาไกลโพ้นนู่นไม่มีแม้กระทั่งคลีนิคด้วยซ้ำ รถก็ขับเข้าไปไม่ได้ พ่อไปที่นั่นพวกเราอยากจะเจอพ่อก็ยังต้องเสียเวลาหลายวัน จะทรมานไปทำไม!”
ครั้งนี้จ้าวอิงหย่งไม่ได้เห็นแก่ตัวอะไรทั้งนั้นแต่มาจากการพิจารณาทางกายภาพของคุณปู่ล้วนๆ ชนบทที่ไกลและห่างความเจริญแบบนั้น หากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆคงทำได้แค่เพียงส่งเฮลิคอปเตอร์ไปแล้วล่ะ ไม่สะดวกเลยสักนิด
จ้าวอิงหัวและจ้าวอิงหนานต่างก็ให้การสนับสนุนจ้าวอิงหย่งคัดค้านเรื่องที่คุณปู่จะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด
“พ่อถ้าพ่อชอบบ้านนอก พวกเรามาหาที่อยู่แถวชานเมืองกันเถอะ ทั้งเงียบสงบทั้งสะดวก ดีกว่ากลับบ้านเกิดตั้งเยอะ” จ้าวอิงหัวแนะนำ
“แบบนี้ก็ดี” จ้าวอิงหย่งและจ้าวอิงหนานยกมือเห็นด้วย
คุณปู่คิด ๆแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เมื่อก่อนเขาคิดพิจารณาไม่รอบคอบเกินไป และเมื่อเขาเสนอที่จะกลับไปบ้านเกิดเพื่อใช้ชีวิตบั้นปลายก็แค่แผนการที่จงใจถอยมาตั้งหลักก็เท่านั้น จ้าวอิงหย่งพูดแบบนี้ก็ตรงใจเขาพอดี
ดังนั้นในวันที่สามหลังจากที่คุณย่าเสียชีวิต ตระกูลจ้าวก็ย้ายออกจากบริเวณนั้นไปอาศัยอยู่ในบ้านแถบชานเมือง ซึ่งอันที่จริงคือบ้านของเหมยเหมยที่เธอซื้อเมื่อสามปีก่อน
แต่เธอไม่ได้บอกใคร แม้แต่คู่สามีภรรยาจ้าวอิงหัวเธอก็ไม่ได้บอก บอกเพียงว่าเป็นบ้านที่เธอขอให้เหยียนหมิงซุ่นหาให้ เธอจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเวลาสามปีให้คุณปู่อยู่ดูแลไปแค่นั้น
จากนี้ไปตระกูลจ้าวก็ได้ออกจากวงการนั้นแล้วกลายเป็นคนไม่มีอะไรอีกต่อไป
หลังจากที่คุณย่าจากไปอารมณ์จิตใจของคุณปู่ก็ไม่ค่อยดีนัก ดูแล้วแก่ขึ้นเยอะ พวกพี่น้องจ้าวอิงหัวยังนึกไปว่าเป็นเพราะเศร้าและเหงาหลังจากที่สูญเสียภรรยาจึงปรึกษากันอย่างลับ ๆว่าหลังจากวันครบรอบที่คุณย่าจากไป พวกเขาจะหาคู่หูสุขภาพแข็งแรงและสามารถดูแลคุณปู่ได้มาให้คุณปู่สักคน แถมยังช่วยแก้เหงาได้ด้วย
แต่มีแต่เพียงตัวคุณปู่เองที่รู้
เขาตรอมใจเพราะออกห่างจากแวดวงนั้นแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเขาน่าจะปรับตัวกับการตกต่ำแบบนี้ได้ แต่กระทั่งย้ายออกจากที่นั้นเขาถึงได้ตระหนักว่าเขาไม่สงบอย่างที่แสดงออกมา
เขายังคิดอยากจะกลับไป
ความคิดของคุณปู่มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้ แม้กระทั่งจ้าวอิงหย่งก็ไม่ได้บอก เก็บซ่อนเอาไว้ก้นบึ้งหัวใจ
เหตุการณ์ที่เมืองหลวงสิ้นสุดลง เหมยเหมยเตรียมพร้อมที่จะกลับเมืองจินแล้ว คราวนี้เธอขาดเรียนไปครึ่งเดือนแล้ว หลังจากกลับไปเจียงซินเหมยและอู่เชาจะต้องติวเข้มทีเดียว ไม่อย่างนั้นการสอบปลายภาคจบเห่แน่นอน
ก่อนไปหนึ่งวันจ้าวอิงหัวและจ้าวอิงหนานไปที่เรือนจำพิเศษเพื่อเยี่ยมจ้าวอิงสยง ที่นั่นนอกจากเรื่องที่ไม่มีอิสระแล้ว ชีวิตก็แสนสุขสบายมาก แม้ว่าจ้าวอิงสยงจะผอมลงไปหน่อยแต่ดูมีชีวิตชีวาดี มีชีวิตที่ไม่แย่เท่าไรนัก
“พี่รอง พี่นึกเสียใจขึ้นมาบ้างหรือยัง?” จ้าวอิงหัวถาม ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
จ้าวอิงสยงนิ่งตะลึงไป ก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงสะอึกสะอื้น “อิงหัว พี่เสียใจ แม้กระทั่งเจอหน้าแม่ครั้งสุดท้ายพี่ก็ยังไม่ได้เจอ พี่เสียใจมาก…”
จ้าวอิงหัวและจ้าวอิงหนานถอนหายใจ ในใจกลับรู้สึกไม่ดี ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ ไหนเลยจะทำใจแข็งได้จริง ๆกันเล่า?
แต่พวกเขากลับไม่ทันได้สังเกต จ้าวอิงสยงซ่อนใบหน้าที่ร้องไห้อย่างขมขื่นเอาไว้แล้วฉายความแค้นในดวงตาของเขา
……………………………………………
ตอนที่ 1231 การกระทำที่ไม่มีเหตุผลของเหอปี้อวิ๋น
เหมยเหมยได้รู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหานซู่ฉินจากจ้าวเสวียหลิน เพราะเมื่อก่อนหานซู่ฉินเคยพึ่งพาอำนาจของตระกูลจ้าว วางอำนาจบาตรใหญ่ที่บ้านตัวเองไว้ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับพี่สะใภ้ทั้งสองคน
ตอนนี้หานซู่ฉินโดนตระกูลจ้าวตัดขาดและยังเป็นเหตุผลที่ดูไม่ดีแบบนั้นอีกจึงต้องกลับไปที่บ้านเกิดอย่างหมดอะไรตายอยาก งานก็ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจ้าว สถานการณ์ของเธอก็พอจินตนาการได้ว่าคงไม่สวยงามอย่างแน่นอน
โชคดีที่เธอมีลูกชายสามคนและต่างก็โตกันหมดแล้ว ถึงแม้ว่าพวกพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงจะรู้สึกแย่กับแม่ตัวเองอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็คือแม่แท้ ๆ พวกเขาไม่สามารถละเลยได้
จ้าวเสวียเฟิงมีผู้หญิงที่หมายปองเรียบร้อยเป็นหญิงสาวมาจากครอบครัวธรรมดา เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลทหาร ทั้งสองกำลังจะแต่งงานกันหลังปีใหม่
ดังนั้นจ้าวเสวียเฟิงจึงวางแผนที่จะพาหานซู่ฉินไปอยู่กับเขา แต่หานซู่ฉินปฏิเสธ
พิธีไว้อาลัยของคุณย่าหานซู่ฉินก็มาด้วย ร่างกายผอมซูบในเวลาเพียงไม่กี่วัน ผิวเหลืองเหี่ยวย่นดูแก่ไปมาก
หลังจากนั้นไม่นานหานซู่ฉินก็ลาออกจากงานหายไปจากเมืองหลวง สามพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหน หานซู่ฉินทิ้งจดหมายที่เขียนด้วยลายมือเอาไว้บอกว่าเธอจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอก บอกให้สามพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงไม่ต้องคิดถึงหล่อน
เพราะว่าการหายสาบสูญไปของหานซู่ฉิน พวกพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงสามคนจึงรู้สึกไม่ค่อยดี ช่องว่างระหว่างพวกเขากับเหมยเหมยก็ยิ่งมากขึ้นจนมองหน้ากันอย่างไม่สนิทใจกว่าเดิม
ชีวิตนี้แล้วเธอและสามพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงคงไม่มีทางที่จะกลับไปสนิทสนมกันเหมือนก่อนได้อีกแล้ว
แต่เธอกลับไม่รู้สึกเสียใจ ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เธอก็ยังเลือกที่จะทำแบบนั้น
ส่วนหานป๋อหย่วนก็เสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตระกูลหานมีแค่เขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว เมื่อก่อนเป็นเพราะเขาโดดเด่นในเรื่องเรียนและมีหน้าตาที่หล่อเหลากว่าพี่น้องคนอื่น ดังนั้นถึงได้รับความสำคัญจากวงศ์ตระกูล
แต่ตอนนี้ร่างกายเหลือแค่ครึ่งชีวิตแถมยังมีลูกหลานไม่ได้อีก ที่สำคัญก็คือยังล่วงเกินเหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อทั้งสองคนอีกด้วย
ตระกูลหานของพวกเขาเป็นตระกูลเล็ก ๆ ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินปีศาจดาวร้ายสองคนนั้นได้ล่ะ!
เพราะเหตุนี้หานป๋อหย่วนจึงกลายเป็นของไร้ค่าที่ถูกทอดทิ้ง อีกทั้งยังเป็นของไร้ค่าที่กองไว้บนพื้นก็ยังไม่มีใครเก็บขึ้นมาเลย
ใช้ชีวิตเช่นไรใช้เท้าหลังคิดก็ยังคิดออก
อากาศค่อย ๆเย็นขึ้น ทั้งครอบครัวเหมยเหมยก็กลับมาถึงเมืองจิน ถึงแม้ว่าจะไปแค่ครึ่งเดือน แต่เหมยเหมยกลับรู้สึกเหมือนนานมากเสมือนอยู่อีกโลกหนึ่งไปเลย
มีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสามปีที่ผ่านมาเสียอีก!
เมืองหลวงมีพายุซัดกระหน่ำ เมืองจินเองก็วุ่นวายไม่แพ้กัน
หลังจากที่กลับมาบ้านเหมยเหมยถึงมีความคิดที่จะถามเรื่องของเหอปี้อวิ๋น
“เหอปี้อวิ๋นเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ท่าทางในตอนนั้นที่ถือมีดเดินเข้ามามันช่างน่ากลัวมากจริง ๆ โชคดีที่เซ่อเซ่อช่วยแม่ไว้ เหมยเหมยลูกต้องขอบคุณเซ่อเซ่อให้มาก ๆนะ”
เพียงแค่เหยียนซินหย่านึกถึงดวงตาแดงก่ำของเหอปี้อวิ๋นในวันนั้น ท่าทางบ้าคลั่งถือมีดเปื้อนเลือด แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่
ถือว่าโชคดีแล้ว!
โชคดีที่เธอได้รับการช่วยเหลือ กลับเป็นหร่วนเป่าฮุ่ยที่ได้รับบาดเจ็บแทน อันที่จริงผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้รับความเห็นใจอยู่แล้ว
“ทำไมจู่ ๆ เหอปี้อวิ๋นถึงได้เป็นบ้าอาละวาดขึ้นมาล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจมาก
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่าเหอปี้อวิ๋นไม่ได้เป็นบ้า เหยียนซินหย่าและคนอื่น ๆนั้นเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา ถึงขั้นนึกไปว่าเพราะอาการบ้ากำเริบเหอปี้อวิ๋นถึงได้อาละวาดทำร้ายคนอื่น
แต่เธอกลับรู้เพราะอาการบ้าของเหอปี้อวิ๋นทั้งหมดคือเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมา ชาติก่อนเหอปี้อวิ๋นเป็นปกติดีตลอด จิตปกติดีจะตายไป
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้วแน่นลังเลว่าจะบอกลูกสาวเรื่องสกปรกพวกนั้นดีไหม แต่ก็คิดแล้วว่าลูกสาวหมั้นแล้ว บางเรื่องก็ถึงเวลาที่ควรรู้แล้ว
“สามีและลูกเลี้ยงปัจจุบันของเหอปี้อวิ๋นรังแกอู่เยวี่ย โดนเหอปี้อวิ๋นพบเข้าจนได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างใหญ่หลวงจนฆ่าผู้ชายสองคนนั้น”
เรื่องนี้เหมยเหมยได้ยินเซียวเซ่อพูดนานแล้ว เธอก็รู้สึกแปลกใจ เรื่องที่เหอปี้อวิ๋นฆ่าผู้ชายสองคนนั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ ถึงอย่างไรอู่เยวี่ยก็คือแก้วตาดวงใจในชีวิตของเธอ
เหอปี้อวิ๋นฆ่าคนไปแล้วสองคน ทำไมถึงยังตั้งใจไปหอศิลป์เพื่อฆ่าแม่ของเธออีกล่ะ?
มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!
…………………………………………