เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1769

โครงกระดูกมองมงกุฎบนหัวหนานกงฉวน เขาระเบิดความโมโหออกมาแล้วตำหนิเสียงดัง “หนานกงฉวน นับวันนายยิ่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ!”

หนานกงฉวนมองโครงกระดูกอย่างดูหมิ่นแล้วพูดว่า “ฉันกล้ามานานแล้ว พี่เพิ่งดูออกหรือไง”

โครงกระดูกโมโหมาก เดินมาข้างหน้าหนานกงฉวน นัยน์ตากลวงโบ๋เริ่มมีเปลวไฟลุกโชน

“หนานกงฉวน ไอ้สี่! นายขายประเทศตัวเอง!”

พูดทีละคำ ความอาฆาตน่ากลัวมาก

หนานกงฉวนยื่นมือออกมา ก้มมองโครงกระดูกที่เตี้ยกว่าเขาแล้วพูดว่า “ขายเหรอ เหอะๆ พี่นี่อ่อนหัดใช้ได้เลยนะ”

เมื่อพูดจบ หนานกงฉวนสะบัดมือ ควันดำปรากฏออกมาจากทั่วทุกทิศ รวมตัวเป็นเงาคนชุดดำ

โครงกระดูกกำลังจะขยับ แต่โดนผู้ฝึกชั่วร้ายชุดดำคุมตัวไว้ อย่าว่าแต่ขยับเลย แม้แต่พูดยังทำไม่ได้เลย

เส้นไหมสีดำมากมายที่เห็นด้วยตาเปล่า พันบนตัวโครงกระดูกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

หนานกงฉวนค่อยๆ นั่งลง มองลู่ฝานที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “เอาหินศักดิ์สิทธิ์ของนายให้ฉันดูได้ไหม”

ลู่ฝานสะบัดมือโยนหินศักดิ์สิทธิ์ออกไป เหมือนเป็นขยะไร้ค่าอย่างไรอย่างนั้น

หนานกงฉวนดูอย่างละเอียดอยู่สองสามครั้ง เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้เป็นของจริง นายเป็นใครกันแน่”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันคือเงามืด เทวทูตหน่วยย่อยที่ 33 แห่งเขตโลหิต นายอยู่หน่วยไหนไม่ทราบ”

หนานกงฉวนสะบัดมือโยนหินศักดิ์สิทธิ์คืนให้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องรู้เรื่องพวกนี้หรอก นายไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องพวกนี้ด้วย ในเมื่อนายเป็นพวกเดียวกับเรา ฉันก็ไม่ทำให้นายลำบากใจละ ทิ้งโครงกระดูกนี่ไว้ นายไปได้แล้ว ถ้านายมีภารกิจต้องทำ ฉันช่วยนายสอบถามข้อมูลได้ ถ้าไม่มี นายก็เดินเล่นในประเทศฉิงเทียนได้ตามใจชอบ”

ลู่ฝานเล่นหินศักดิ์สิทธิ์ในมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่มั้ง ฉันจำได้ว่าแถบประเทศฉิงเทียน หน่วยย่อยที่ 33 ของเราเป็นคนดูแลใช่ไหม”

แววตาลู่ฝานเป็นประกายลุกโชน ดูกดดันคนอื่นเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เขากำลังหลอกหนานกงฉวน ดูสิว่าหนานกงฉวนจะพูดอะไรออกมาบ้าง

เมื่อคนเจอการยั่วโมโห จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้เสมอ และเมื่อควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มักจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาง่ายๆ

คำพูดและท่าทางของลู่ฝานแค่เย่อหยิ่งนิดหน่อยเท่านั้น หนานกงฉวนขมวดคิ้วทันที “ไอ้หนุ่ม นายเป็นแค่เทวทูตธรรมดาๆ กล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ หัวหน้าสำนักของพวกนายไม่ได้บอกแผนการใหญ่ของสำนักเหรอ”

ลู่ฝานรีบใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว

แผนการใหญ่เหรอ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินคำว่าแผนการใหญ่ของผู้ฝึกชั่วร้าย อย่าบอกนะว่าการเปลี่ยนแปลงในประเทศฉิงเทียนเกี่ยวข้องกับแผนการใหญ่ของผู้ฝึกชั่วร้าย

แต่ถ้ามันเป็นแผนใหญ่ที่เป็นเรื่องของความเป็นความตายของผู้ฝึกชั่วร้าย งั้นเทวทูตตัวเล็กๆ อย่างพวกเขามีสิทธิ์รู้ด้วยเหรอ

ความคิดมากมายวนเวียนในหัวลู่ฝาน เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “รู้นิดหน่อย แต่ฉันรู้แค่ภารกิจของฉันเท่านั้น ส่วนของพวกนายฉันไม่รู้!”

หนานกงฉวนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ก็ถูกแล้วนิ ทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ไม่ต้องถามสิ่งที่ไม่ควรถาม สิ่งที่นายไม่ควรรู้ ทางที่ดีนายอย่าเข้ามายุ่งเลย”

ลู่ฝานยกยิ้มมุมปาก เป็นแบบนี้จริงด้วย

เมื่อกี้หนานกงฉวนกำลังหลอกให้เขาพูด เมื่อเป็นเช่นนี้ อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้รู้แผนการใหญ่อะไรนั่นทั้งหมด

ลู่ฝานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “งั้นก็โอเค ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันไม่ถามแล้วว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันแน่ ฉันถามแค่คำถามเดียว ในเมืองฉิงเทียนเป็นของ……พวกเราหมดแล้วเหรอ”