บทที่ 1918 จุดจบของอ๋องสวรรค์อิ๋ง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

แค่ลูกธนูหมื่นดอกยิงพร้อมกันเสียทีไหนล่ะ!

เสียงบึ้มๆ ดังสะเทือนเลือนลั่น สงฉีที่นำคนพุ่งสังหารเข้ามาแทบจะตาถลน ตกใจจนมือไม้อ่อน ในหัวมีเพียงคำว่า จบเห่!

อนุภรรยาของอิ๋งจิ่วกวงก็รู้เช่นกันว่าจะให้ค่ายกลลูกธนูของอีกฝ่ายแสดงอานุภาพไม่ได้ หลายคนดิ้นรนสู้ตายพุ่งออกไปแล้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เข่นฆ่าในทัพใหญ่มาก่อน อิ๋งจิ่วกวงที่ปล่อยเจดีย์วิเศษยักษ์หลังหนึ่งออกมาตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ “กลับมา!”

เสียงลำแสงนับไม่ถ้วนถล่มยิง เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นจนกลบเสียงตะโกนของเขาแล้ว กลบผู้หญิงพวกนั้นแล้วเช่นกัน

เจดีย์วิเศษเก็บอิ๋งจิ่วกวงและผู้หญิงที่เหลือร้อยกว่าคนเข้าไปแล้ว

เสียงชนกระแทกดังรวมอยู่ที่เจดีย์วิเศษ เกิดความเคลื่อนไหวราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินแยก ชั่วพริบตาเดียวก็โจมตีจนเจดีย์วิเศษอับแสงและเกิดหลุมบ่อขรุขระ

ลำแสงนับไม่ถ้วนถล่มเข้ามาระลอกที่สอง บึ้ม! ราวกับฟ้าจะแยกออกจากกัน เจดีย์วิเศษที่ทนทานแข็งแรงพังทลายในชั่วพริบตาเดียว ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผง แล้วไม่นานก็ถูกพลังอิทธิฤทธิ์พพัดกระเพื่อมออกไป กระจายไปยังกำลังพลที่ล้อมอยู่รอบข้าง ขยายไปยังกำลังพลที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่

ภายใต้อานุภาพการโจมตีขนาดใหญ่ที่รวมกัน ในใต้หล้านี้ไม่มีของวิเศษใดที่ต้านไหว ภายใต้การโจมตีจากกำลังพลมากมายขนาดนี้ ต่อให้ไม่มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ใช้ดาบฟันอย่างเดียวก็ทำให้มันขาดได้เหมือนกัน ท่ามกลางการรวมกลุ่มทำศึกใหญ่ขนาดนี้ ไม่เหมาะจะใช้งานของวิเศษเลย

แต่อิ๋งจิ่วกวงไม่มีทางเลือก ถ้าต้านไว้ได้สักหน่อยก็ยังดี หวังว่าจะทนได้อีกสักหน่อยจนกองหนุนมาช่วย แต่เห็นได้ชัดว่าความหวังของเขาถูกทำลายแล้ว

ท่ามกลางฝุ่นที่ตลบอบอวล ผู้หญิงร้อยกว่าคนนั่น เกราะรบบนตัวสะเทือนหายไปแล้ว ร่างกายที่มีเลือดเนื้อหายไปหมดแล้ว บ้างก็กลายเป็นเศษเนื้อ บ้างก็โดนแทงจนร่างพรุนเหมือนรังผึ้ง ไม่มีใครที่รอดชีวิตสักคน

อิ๋งจิ่วกวงยังคงยืนตระหง่านอยู่อย่างนั้น เกราะรบบนตัวพังทลายแล้วเช่นกัน หกแขนปกป้องหัว บนแขนทั้งหกและบนร่างกายมีลูกธนูเสียบอยู่ไม่น้อย ทั้งหมดยิงเข้ามาหลังจากโจมตีเจดีย์วิเศษพังแล้ว

ฉึกๆๆ! ลูกธนูดาวตกทยอยเด้งกลับไป บนร่างกายอิ๋งจิ่วกวงมีเลือดไหล แขนทั้งหกก็ห้อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเช่นกัน ใบหน้าที่เปื้อนเลือดเงยหน้ากล่าวอย่างคับแค้นว่า “ประมุขชิง! ในปีนั้นตาแก่คนนี้ทำศึกเล็กศึกใหญ่มานับร้อย เอาตัวกระโจนเข้าไปเสี่ยงตายเพื่อให้เจ้าขึ้นสู่ตำแหน่ง แต่เจ้าบังอาจทำกับข้าแบบนี้ ข้า…”

ยังไม่ทันพูดจบ โพ่จวินก็ช้อนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มายิงใส่อีกดอก ดอกนี้ทะลุหัวใจของอิ๋งจิ่วกวง ไม่ให้เขาได้พูดสิ่งที่ไม่น่าออกมา

อิ๋งจิ่วกวงกระอักเลือดออกจากปาก ในที่สุดพลังอิทธิฤทธิ์กลุ่มสุดท้ายที่ดันทุรังเก็บไว้ก็พังทลายแล้ว ผมขาวปลิวสยาย ดวงตาสองข้าเบิกกว้าง ร่างกายหมุนพลิกอยู่ในดาราจักร

ชื่อเสียงสะท้านใต้หล้ามาหลายปี สุดท้ายก็มีจุดจบอย่างนี้

จากนั้นก็มีคนพุ่งเข้าไปเร็วมาก ใช้ดาบฟันศีรษะเขาลงมา แล้วยกขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดัง “หัวของอิ๋งจิ่วกวงอยู่นี่แล้ว!”

“หัวของอิ๋งจิ่วกวงอยู่นี่!”

เสียงตะโกนดังครอบฟ้าคลุมดิน

ขณะชูหัวของอิ๋งจิ่วกวงตรงหน้ากระบวนทัพ ก็ตะโกนถามเสียงดังว่า “อิ๋งจิ่วกวงโดนตัดหัวแล้ว ถ้าไม่ยอมแพ้ตอนนี้แล้วจะรอถึงเมื่อไร?”

กำลังพลทัพตะวันออกสับสนอลหม่านทันที ยังจะสู้บ้าอะไรอีก! ขนาดอ๋องสวรรค์อิ๋งยังตายแล้ว สู้สุดชีวิตไปก็ไม่มีใครให้รางวัลเจ้าอยู่ดี

สงฉีที่น้ำตานองหน้ามองดูฉากนี้ สุดท้ายก็ตะโกนอย่างเศร้าโศก “หนี!”

เขารู้ว่าจบเห่แล้ว ทุกอย่างจบแล้ว หันตัวไปนำกำลังพลกลุ่มหนึ่งสู้ตายฝ่าวงล้อม เขารู้แจ่มแจ้ง ว่าบางคนยอมแพ้แล้วจะมีชีวิตรอด ส่วนบางคนก็ยอมตายที่กว่ายอมแพ้ เขาเป็นแบบหลัง ย่อมสู้ตายเพื่อฝ่าวงล้อมไป

องครักษ์เงาหายไปแล้ว ปรากฏตัวมาแสดงบทบาทเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากหยุดยั้งไม่ให้อิ๋งจิ่วกวงหนีไป พวกเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ต่อจากนั้น แค่ลองคิดดูก็รู้แล้ว พออิ๋งจิ่วกวงตาย ขวัญกำลังใจทหารก็แตกซ่านโดยสิ้นเชิง บ้างก็ตาย บ้างก็ยอมแพ้ คนที่หนีไปก็ถูกลูกธนูดาวตกยิงตาย สนามรบกระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง ไล่โจมตีไปทั่วทุกที่

โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ปรึกษากันเล็กน้อย จากนั้นก็เก็บศีรษะของอิ๋งจิ่วกวงไว้ในมือโพ่จวิน

ขณะมองศีรษะที่ตายตาไม่หลับ อู๋ฉวี่ก็ส่ายหน้าบอกว่า “ข้ากลัวจริงๆ ว่าเขาจะไม่โผล่หน้ามาใครจะคิดว่าเขาจะสวมเกราะรบลงสนามมาสู้ด้วยตัวเอง เหนือความคาดหมายข้าเกินไปแล้ว รนหาที่ตายแท้ๆ แต่ก็ลดความยุ่งยากให้พวกเราไม่น้อยเลย”

โพ่จวินแสยะยิ้ม “เขาก็แค่รู้สึกไม่ยอมที่ต้องถอยออกจากสนามไปแบบนี้ อยากจะเดิมพันสักตั้ง ถ้าอยากจะหนีจริงๆ มีทัพใหญ่ต้านไว้ให้ พวกเราก็จับเขาไม่ได้หรอก” พูดจบก็เอามือที่ถือหัวไขว้หลัง

ทั้งสองยืนเคียงบ่ากัน หันมองสนามรบที่ชุลมุนวุ่นวายรอบๆ พออิ๋งจิ่วกวงตายไป กำลังพลของเขาเองก็จิตใจหย่อนยานทันที สถานการณ์การรบกระจ่างชัดอย่างรวดเร็ว

เรื่องเหมางานตอนท้ายส่งต่อให้อู๋ฉวี่ โพ่จวินเป็นคนถือหัวของอิ๋งจิ่วกวง ระดมทัพใหญ่ห้าสิบล้านรีบตามไปที่สนามรบฝั่งตะวันออก

อู๋ฉวี่สั่งให้กำลังพลสายหนึ่งไล่สังหารพวงสงฉีที่หนีออกจากขบวนรบ สั่งให้กำลังพลอีกสายมุ่งตรงไปยังรังเดิมของอิ๋งจิ่วกวงเพื่อตรวจสอบและจับกุม ส่วนพวกทหารที่หนีไปก็ไม่สนใจแล้ว สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ย่อมมีคนที่เถิงเฟยและเฉิงไท่เจอวางกำลังไว้คอยจัดการ

“ดี!”

ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้น

พออิ๋งจิ่วกวงตาย ก็หมายความว่าสามารถจบเรื่องศึกสงครามได้แล้ว ใจที่กังวลมาตลอด สุดท้ายก็หายกังวลเสียที

ซ่างกวนชิงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ แต่ในใจกลับแอบทอดถอนใจ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพฮึกเหิมมีชีวิตชีวาของอิ๋งจิ่วกวงตอนเป็นขุนนางติดตามราชันในปีนั้น รอดชีวิตจากร้อยศึกจนได้มาเป็นอ๋องสวรรค์ สุดท้ายกลับตายด้วยน้ำมือขุนนางที่เข่นฆ่ากันเอง พอนึกถึงเรื่องในอดีตก็ทำให้คนรู้สึกปลงจริงๆ!

พอมองประมุขชิงที่เดินไปเดินมาไม่หยุดอีก ซ่างกวนชิงก็แอบขำในใจ ไม่รู้ว่าท่านนี้จะเผชิญหน้ากับสนมสวรรค์อย่างไร!

เกาก้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับรูปสลัก มีท่าทางไม่สะทกสะท้านอยู่อย่างนั้นเสมอ

“หยุด!”

ลิ่งหูโต้วจ้งที่เข้าใกล้ประตูดวงดาวฝั่งเหนือโบกมือตะโกนหยุด ในมือยังกำระฆังดารา ขณะมองดูประตูดวงดาวที่หมุนวนอยู่ไกลๆ เขากลับเหม่อค้างไป อิ๋งจิ่วกวงตายแล้ว อิ๋งจิ่วกวงตายไปแบบนี้แล้ว…

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางจับที่วางมือ ทอดสายตามองไปไกลอย่างเหม่อลอย

“เฮ้อ!” ซูอวิ้นที่ถือระฆังดาราอยู่ข้างๆ ถอนหายใจเสียงเบา

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่นั่งอยู่ในศาลาก้มหน้ามองเท้าอย่างเงียบงันนานมาก สีหน้าหดหู่สิ้นหวัง

“เฮ้อ!” ถังเฮ่อเหนียนที่ถือระฆังดาราก็ส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจเช่นกัน

“ข่าวผิดพลาดหรือเปล่า?” โค่วเจิงขยับลูกกระเดือกกลืนน้ำลาย

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่เดินช้าๆ มาถึงหลังโต๊ะหย่อนก้นนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้มีสีหน้าห่อเหี่ยวใจ

โหวเยว่ที่กำลังถือระฆังดาราหัวเราะอย่างขื่นขม เข้าใจความรู้สึกของท่านอ๋อง ขนาดเขาเองยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง อิ๋งจิ่วกวงจะตายแล้วได้อย่างไร?

แต่ทางฝั่งกำลังพลที่รบแพ้รายงานข่าวมาแล้ว การที่สี่ทัพแทรกสายลับไว้ระหว่างกันเพื่อป้องกันความผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมา

จวนท่านปู่สวรรค์ ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เว่ยซูเก็บระฆังดาราแล้ว เดินไปรายงานข้างหลังเซี่ยโห้วลิ่งที่กำลังเอามือไขว้หลังเงยหน้ามองฟ้า

เมื่อสังเกตสายตาของเซี่ยโห้วลิ่ง เว่ยซูก็รายงานอย่างใจเย็นว่า “นายท่าน ศีรษะของอิ๋งจิ่วกวงอยู่ในมือกองทัพองครักษ์แล้ว กำลังพลของสงฉีแพ้แล้ว ขาดคนที่เป็นแกนสำคัญแล้ว คาดว่าฝั่งเฉาหยินก็ใกล้แล้วเหมือนกัน ประคับประคองได้ไม่นานเท่าไร!”

“เป็นอย่างที่คาดไว้! ในเมื่อประมุขชิงลงมือแล้ว ก็คงไม่ยิงธนูโดยไร้เป้า ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตัวเองหาทางลงไม่ได้ ต่อให้อิ๋งจิ่วกวงไม่ตายก็จบเห่อยุ่ดี!” เซี่ยโห้วลิ่งมองดาวบนฟ้าพลางกล่าวเสียงเรียบ ท่าทางไม่สะทกสะท้าน แต่ในใจกลับดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มคน เขาจะต้องแสดงความสุขุมของหัวหน้าตระกูลก็เท่านั้นเอง เขาจินตนาการได้เลยว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว คนในตระกูลก็จะมองเขาด้วยสายตาอีกแบบ “ตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว แจ้งให้คนทางตลาดสวรรค์หยุดเถอะ จะได้ไม่ต้องปะทะกับอีกสามตระกูล ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจะก่อเรื่องก็ให้เขาทำต่อไป ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว!”

“นายท่าน ทางตลาดสวรรค์เกิดความผิดพลาดนิดหน่อย” เว่ยซูตอบ

“มีเรื่องอะไร?” เซี่ยโห้วลิ่งงุนงง

“เพิ่งได้ข่าวมา ว่าพวกเรามีร้านค้านับหมื่นโดนล้างเลือดแล้ว…” เว่ยซูเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

จะมีเรื่องอะไรได้ ก็ก่อนหน้านี้อิ๋งจิ่วกวงออกคำสั่งโจมตีเมืองแล้ว พอประตูเมืองพัง คนในร้านค้าของตระกูลเซี่ยโห้วก็หวังว่าคนของเหมียวอี้จะร่วมมือกันต่อต้าน คนของตัวเองวางแผนจะปลีกตัวออกไป แต่ใครจะคิดว่าคนของหนิวโหย่วเต๋อจะหนีไปก่อน มีการรวมกลุ่มต่อต้านเสียที่ไหนกัน เมื่อไม่มีการรวมกลุ่ม พอกำลังพลสังหารเข้ามาที่ตลาดสวรรค์ คนที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้ก็แตกกระจายทันที ใครจะไปสู้ตายล่ะ ระยะปลอดภัยที่เซี่ยโห้วลิ่งคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่เกิดขึ้น พอกำลังพลที่โจมตีเมืองควบคุมตลาดสวรรค์ได้ ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะรอดสักคน ฝ่ายแรกที่รับเคราะห์ก็คือร้ายค้าของตระกูลเซี่ยโห้ว โชคดีที่เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อกบฏไปแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้ากำลังพลของสองคนนั้นมาเข้าร่วมโจมตีเมืองด้วย ตระกูลเซี่ยโห้วก็จะบันเทิงแล้ว

“คนของหนิวโหย่วเต๋อล่ะ?” เซี่ยโห้วลิ่งถามด้วยใบหน้าพยับเมฆ

เว่ยซูส่ายหน้า “ตอนนี้สถานการณ์ที่ตลาดสวรรค์ชุลมุน ไม่รู้เหมือนกันว่าคนของเขาไปซ่อนตัวที่ไหน”

“สารเลว!” เซี่ยโห้วลิ่งกัดฟันด่า เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบมาก จู่ๆ ร้านค้านับหมื่นก็ถูกล้างเลือด ราวกับว่าโดนวางกับดัก เขาหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ทันที ถามไปว่า : ตลาดสวรรค์โดนโจมตี คนของเจ้าที่จะมารวมตัวกันต่อต้านไปไหนแล้ว?

เหมียวอี้เองก็ไม่เกรงใจ : ตามสัญญาที่ร่วมมือกัน ท่านปู่สวรรค์กลับไม่รายงานสถานการณ์ให้ข้ารู้ในทันที ข้าก็นึกว่าท่านปู่สวรรค์มีแผนการอีกอย่าง ข้ากลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ไหว ก็เลยให้คนไปซ่อนตัวก่อน

เซี่ยโห้วลิ่ง : เจ้าเล่นลูกไม้นี้กับข้า ข้าว่าเจ้าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วละมั้ง!

เหมียวอี้ : ถ้าท่านปู่สวรรค์คิดจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง หนิวก็ไม่กลัวการมีเรื่องหรอก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู!

พูดจบก็ตัดขาดการติดต่อไปเลย เอามือไขว้หลังเดินออกไปนอกเมือง ไม่เห็นเซี่ยโห้วลิ่งอยู่ในสายตาเลย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ตราบใดที่เซี่ยโห้วลิ่งยังปรับให้ทั้งตระกูลเซี่ยโห้วกลมเกลียวกันไม่ได้โดยสมบูรณ์ เมื่อมีการร่วมงานกันครั้งนี้แล้ว เซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่กล้าทำอะไรเขาหรอก ยังกล้ามาขู่เขาอีกเหรอ!

และเขาก็รับประกันได้เลย ว่าตราบใดที่หยวนกงยังอยู่ในมือเขา เซี่ยโห้วลิ่งก็แทบจะไม่มีโอกาสปรับกำลังของทั้งตระกูลเซี่ยโห้วให้รวมเป็นหนึ่งเดียวได้

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยโห้วลิ่งกำระฆังดาราเงียบๆ เก็บกลั้นไฟโกรธเอาไว้เต็มอก แต่กลับระบายออกมาไม่ได้

“อ๋องสวรรค์อิ๋งรบแพ้แล้ว สิ้นชีพอยู่ในมือกองทัพองครักษ์”

กำลังพลหยุดอยู่ในดาราจักร ลิ่งหูโต้วจ้งหลบเลี่ยงคนนอก เรียกรวมลูกน้องคนสนิทแค่ไม่กี่คน แล้วประกาศข่าวร้ายนี้ให้ฟัง

บรรดาแม่ทัพมองหน้ากันเลิกลั่ก มีคนถามว่า “ไม่ทราบว่านายท่านเตรียมจะทำยังไงต่อ?”

ลิ่งหูโต้วจ้งถอนหายใจ “ประตูดวงดาวอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่กลับบุกเข้าไปไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นนอกจากจะถูกกำลังพลฝ่ายอื่นล้อมโจมตี บางคนที่ใจคิดไม่ซื่อก็คงจะกบฏทันที พวกเราจะตกอยู่ในแดนแห่งความตาย!”

แม่ทัพคนหนึ่งยิ้มอย่างขื่นขม “ท่านจอมพล ด้วยสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีทางให้ไปแล้ว ถ้ากลับไปที่สายขาล มีหรือที่เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อจะยอมรับพวกเราไว้ พวกเขาคงจะเสี้ยมให้ลูกน้องพวกเรากบฏได้ไม่น้อย เดิมทีสายขาลของพวกเราก็รักษาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว อาณาเขตอื่นอาจไม่ใช่ทางไปที่ดี!”

ลิ่งหูโต้วจ้งหันมองรอบๆ “พวกเราก็มีทางไปอยู่ทางหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่น้องทุกคนยินดีจะไปหรือเปล่า!”

ทุกคนสบตากัน แล้วบอกว่า “ยินดีรับฟังความเห็นอันสูงส่งของท่านจอมพล!”

“พึ่งพาตำหนักนารีสวรรค์ ไปแดนรัตติกาล!” ลิ่งหูโต้วจ้งกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

……………