ตอนที่ 1737 ตัวตนระดับราชานิรันดร์

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ฮ่าๆๆ” หอคอยน้อยหัวเราะ

หลิงฮันนั้นแม้จะโมโหแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้

“ลองไปดูร่างของราชานิรันดร์ผู้นั้น” หอคอยน้อยกล่าวยุยง “หากจะให้พูดแล้ว ต่อให้ราชานิรันดร์ครอบครองวารีบรรพบุรุษไม่สำเร็จ เขาก็ไม่สมควรเสียชีวิตอยู่ที่นี่”

หลิงฮันก็รู้สึกสงสัยไม่แพ้กัน เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้า เนื่องจากมีเพลิงเก้าสวรรค์ห่อหุ้มร่างเอาไว้เขาจึงสามารถต้านทานออร่าของราชานิรันดร์ได้

ร่างของราชานิรันดร์ผู้นี้คือบุรุษที่สวมใส่ชุดสีม่วงและผ้าคลุมสีทอง วัสดุที่ใช้ทักทอเสื้อผ้าของอีกฝ่ายสมควรเป็นวัสดุที่ล้ำค่ามาก เพียงแต่ภายใต้อำนาจกัดกร่อนของออร่าราชานิรันดร์เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่เอาไว้จึงชำรุดไม่อาจใช้ประโยชน์อันใดได้อีก

รูปลักษณ์ของเขาแต่งต่างจากมนุษย์ทั่วไปเล็กน้อย บริเวณศีรษะของเขามีดวงตาที่สามประดับเอาไว้ในแนวตั้ง เพียงแต่ว่าดวงตาดวงนี้ได้ถูกพลังบางอย่างเจาะทะลวงเป็นรู บางทีเหตุผลที่เขาตายก็อาจจะเพราะสาเหตุนี้

หลิงฮันอดนึกคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชานิรันดร์แท้ๆ แต่กลับยังมีศัตรูที่สามารถสังหารเขาได้โดยที่ไม่อาจหลบหนีพ้น

“มีอักขระสลักเอาไว้บนพื้นด้วย”

ที่ตำแหน่งมือขวาของศพราชานิรันดร์ อักขระบางอย่างถูกวาดเขียนเอาไว้ เมื่อหลิงฮันจดจ้องไปยังอักขระที่ว่า ความทรงจำจากอักขระก็ไหลเข้าสู่ห้วงจิตวิญญาณของเขาทันที

หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพียงแค่อักขระไม่กี่ตัวอักษรกลับบันทึกความทรงจำไว้ได้มากมายเพียงนี้ ช่างน่าอัศจรรย์สมกับที่เป็นราชานิรันดร์

ในสมัยที่ยังมีชีวิต บุรุษผู้นี้ถูกเรียกว่าราชานิรันดร์ว่านโซ่ว (หมื่นอสูร)

ราชานิรันดร์ว่านโซ่วผู้นี้ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารี ซึ่งเขาเป็นผู้คิดค้นทักษะระดับราชานิรันดร์ขึ้นมาด้วยตัวเอง ทักษะของเขาสามารถสร้างสัตว์อสูรขึ้นมาจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารีได้ ซึ่งสัตว์อสูรแต่ละตัวที่ถูกสร้างขึ้นมาจะมีพลังต่อสู้แทบจะทัดเทียมกับเขา

ด้วยทักษะระดับราชานิรันดร์ทักษะนี้ เขาจึงไร้เทียมทานในหมู่ราชานิรันดร์ระดับสองด้วยกัน

แต่น่าเสียดายที่เขาดันไปพบเจอกับศัตรูทรงพลังที่ถูกเรียกว่าราชานิรันดร์อวี้ซวี (จักรพรรดิแห่งการดับสูญ) และถูกอีกฝ่ายจู่โจมจนดวงวิญญาณแหลกสลาย ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นราชานิรันดร์ ต่อให้ร่างกายจะเหลือเพียงกายหยาบ เขาก็ยังหลบหนีมาถึงที่นี่ได้และหวังจะครอบครองวารีบรรพบุรุษเพื่อสร้างดวงวิญญาณขึ้นใหม่

ราชานิรันดร์ว่านโซ่วเป็นจอมยุทธที่ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารีได้อย่างเชี่ยวชาญ เพราะงั้นตามหลักการแล้วจึงเป็นไปได้ที่จะสร้างดวงวิญญาณขึ้นใหม่ด้วยวารีบรรพบุรุษ

เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดเขาก็ล้มเหลวและสิ้นชีพลงที่นี่

“เหล่าคนที่บรรลุระดับราชานิรันดร์ได้ล้วนแต่เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นแห่งทุกยุคสมัย” หลิงฮันถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่ยินยอมรับความตาย”

“ว่าแต่ว่า… ราชานิรันดร์ว่านโซ่วงั้นรึ?”

หลิงฮันนึกถึงเรื่องราวของเฉิงหู่ เหตุผลที่ทำไมประมุขตระกูลเฉินที่เป็นถึงราชานิรันดร์ต้องหลบหนีหายตัวไปก็เป็นเพราะอีกฝ่ายได้ทำสงครามกับราชานิรันดร์อวี้ซวี!

*ใครลืมกลับไปอ่านได้ในตอนที่ 1568ครับ*

หลิงฮันไม่เชื่อว่าในดินแดนแห่งเซียนจะมีตัวตนที่ถูกเรียกว่าราชานิรันดร์อวี้ซวีถึงสองคน

จะต้องเป็นคนคนเดียวกันไม่ผิดแน่!

“ราชานิรันดร์ผู้นี้ช่างบ้าบิ่นดีแท้ นี่เขาสังหารราชานิรันดร์ไปแล้วมากมายเท่าใดกัน?” หลิงฮันพึมพำคนเดียวและตรวจสอบความทรงจำจากอักขระต่อ ความทรงจำที่ราชานิรันดร์ว่านโซ่วทิ้งเอาไว้ในอักขระนั้นมีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นความทรงจำที่ขาดช่วงไม่สมบูรณ์

“ราชานิรันดร์อวี้ซวี… วิหารประทับภวังคจิต… มหาปราชญ์สวรรค์เฟิงฉิ่ง…”

หลิงฮันลูบคางครุ่นคิด ข้อมูลของราชานิรันดร์อวี้ซวีมีน้อยเกินไป แต่เท่าที่รู้อีกฝ่ายคงจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับวิหารประทับภวังคจิตเนื่องจากความทรงจำส่วนนี้ค่อนข้างเชื่อมต่อกัน

“หรือเขาจะมาจากขุมอำนาจที่เรียกว่าวิหารประทับภวังคจิต? ถ้างั้นมหาปราชญ์สวรรค์เฟิงฉิ่งคือใครกัน?”

“อย่าได้เอ่ยนามของคนผู้นั้น!” หอคอยน้อยอุทานออกมาอย่างลนลาน

“ทำไมกัน?” หลิงฮันสับสน

“อย่าได้เอ่ยถึงนามของมหาปราชญ์เป็นอันขาด ไม่ใช่เช่นนั้นการกระทำของเจ้าจะไปกระตุ้นการรับรู้ของสัมผัสสวรรค์ของเขา แม้ดินแดนแห่งเซียนจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ระยะสัมผัสสวรรค์ของเขาก็สามารถปกคลุมได้ทุกพื้นที่ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไหน!” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลิงฮันเดาะลิ้นและกล่าว “ข้าก็แค่พูดฉายาเท่านั้น ข้าไม่รู้ชื่อจริงๆของเขาเสียหน่อย”

หอคอยน้อยยังคงกระวนกระวายอยู่ดีและเตือนย้ำไปย้ำมาว่าแม้แต่ฉายาก็ห้ามเอ่ยถึง

“อืม… เขาคือใครกันแน่? ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามีท่าทีหวั่นเกรงเช่นนี้มาก่อน” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ฝึกฝนตัวเองให้หนักแล้วลืมเรื่องนี้ไปซะจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง” หอคอยน้อยกล่าวเตือน

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนขี้สงสัย ยิ่งเจ้าพูดแบบนั้นข้ายิ่งอยากรู้ขึ้นไปอีก”

“หลิงฮัน!” หอคอยน้อยขึ้นเสียง “อย่าได้ทำตัวเอาแต่ใจ ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ต่อให้สู้จนวิญญาณสูญสลายก็ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้!”

ขนาดนั้นเชียวรึ?

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ก็ได้ ตอนนี้ข้าจะเลิกถามไปก่อน แต่อย่างน้อยเจ้าช่วยบอกข้าหน่อยว่าข้าต้องมีระดับเท่าใดถึงจะมีคุณสมบัติรับรู้เรื่องนี้”

หอคอยน้อยกล่าว “ราชานิรันดร์”

ต้องเป็นถึงระดับราชานิรันดร์เชียว?

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “อืม เอาไว้พูดกันอีกครั้งเมื่อข้าบรรลุเป็นราชานิรันดร์”

เขาบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงอย่างเดียวที่เขาจะได้เป็นราชานิรันดร์

“เอาล่ะ ทีนี้ข้าจะครอบครองวารีบรรพบุรุษได้อย่างไร?” หลิงฮันเอ่ยถาม

หอคอยน้อยกล่าว “วารีบรรพบุรุษตรงหน้าคือหนึ่งในเก้าวารีบรรพบุรุษที่ถูกเรียกว่าวารีพลังหยินเร้นลับที่มีพลังอันเย็นยะเยือก สิ่งที่เจ้าต้องทำคือใช้เพลิงเก้าสวรรค์ปกคลุมร่างกายเพื่อต้านทานความเย็นและโคจรคัมภีร์สวรรค์เพื่อแสดงพลังของเจ้าให้มันเห็น”

“ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้าแล้ว”

“หากวารีพลังหยินเร้นลับยอมรับเจ้า มันจะเป็นฝ่ายเข้ามาในร่างกายของเจ้าเองและกลายเป็นแก่นพลังให้แก่เจ้า แต่หากมันไม่ยอมรับเจ้า มันจะหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้และตามหาที่ซ่อนตัวแห่งใหม่”

หลิงฮันพยักหน้า เขาโคจรพลังเพลิงเก้าสวรรค์เต็มพลังและก้าวเข้าหาแอ่งน้ำเบื้องหน้า

ยิ่งเข้าใกล้หลิงฮันก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิรอบข้างลดลงอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าจนในที่สุดก็มาถึงมุมหนึ่งของแอ่งน้ำ

แอ่งน้ำที่ดูเหมือนแมงกะพรุนตรงหน้านี้ราวกับมีชีวิต มันทำท่าทางเหมือนกับกำลังจะหลบหนี

หลิงฮันรีบโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้หากต้องการครอบครองพลังต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีมีเพียงต้องใช้วิธีประนีประนอมเท่านั้น

เมื่อคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ปลดปล่อยอำนาจออกมา ทั่วร่างของหลิงฮันก็ส่องสว่างไปด้วยคลื่นแสงสีทอง เพียงแต่ว่าอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ในครั้งนี้แตกต่างกับที่ผ่านๆมา ด้านหลังของหลิงฮันปรากฏเงาของวิหคเพลิงอมตะ มังกรสวรรค์ เต่าทมิฬและมดยักษ์ทองคำ

สัตว์อสูรเหล่านี้คือสัตว์อสูรระดับราชานิรันดร์!

คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์คือทักษะที่ร่วมความสามารถของสัตว์อสูรระดับราชานิรันดร์เหล่านี้เอาไว้

วารีพลังหยินเร้นลับหยุดชะงักแน่นิ่งทันที แม้มันจะไม่มีดวงตาแต่หลิงฮันก็สัมผัสได้ว่ามันกำลังจ้องมองมายังเงาของเต่าทมิฬ

เต่าทมิฬคือสัตว์อสูรธาตุวารีที่ทรงพลัง

‘พรึบ’ วารีพลังหยินเร้นลับพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือของหลิงฮันและผสานรวมเข้าไปยังภายในร่างกาย มันเคลื่อนที่ผ่านช่วงไหลมายังหัวใจและไปหยุดอยู่ที่ตันเถียน

ในระหว่างที่วารีพลังหยินเร้นลับเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย ร่างของหลิงฮันได้ถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์