เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1772

“ไม่ได้แล้วล่ะ กระดูกฉันโดนผนึกไว้แล้ว ไอ้เลวนั่นใช้น้ำมนต์ผนึกพลังทั้งหมดในกระดูกฉัน ตอนนี้ฉันทำได้แค่พูดเท่านั้น”

ลู่ฝานเอามือลูบคาง อีกมือเคาะหัวโครงกระดูกแล้วพูดว่า “งั้นหมายความว่าถึงตอนนี้นายหาผลไม้แห่งวิถีอะไรนั่นเจอ ก็ไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิมได้อยู่ดี”

โครงกระดูกพูดว่า “ใช่ วิธีเขาโหดเหี้ยมมาก”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ได้โหดเท่าไรหรอก สภาพของนายตอนนี้ นักบู๊ช่วยไม่ได้ ผู้ฝึกชั่วร้ายทั่วไปก็ช่วยไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันช่วยไม่ได้”

เมื่อพูดเช่นนี้ ลู่ฝานเอาหม้อสือฟางของตัวเองออกมา แล้วยัดโครงกระดูกเข้าไปในหม้อ

โครงกระดูกตะโกนโวยวายว่า “สหายลู่ฝาน นายจะทำอะไร”

ลู่ฝานพูดว่า “ก็กลั่นน้ำมนต์ออกมาจากกระดูกนายไง วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันมีความพอดี!”

โครงกระดูกพูดอย่างตกใจว่า “สหายลู่ฝาน นายเป็นนักบู๊ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลั่นยาได้ล่ะ ให้ตายเถอะ ฉันลืมไปเลย นายคือคนที่มีหมายจับคำสั่งสูงสุด คือคนที่ฝึกทั้งบู๊และชี่! นายระวังหน่อยนะ จิตวิญญาณของฉันอยู่บนกระดูก ถ้าฉันไม่มีกระดูก ฉันจะตาย!”

ลู่ฝานฉีกยิ้ม ใส่ปราณชี่เข้าไปในหม้อสือฟางทันที

มือบีบวิชาอย่างต่อเนื่อง ลู่ฝานเริ่มกลั่นกระดูกของโครงกระดูก

ตอนนี้ไอ้เก้าโผล่ออกมา เมื่อเห็นภาพนี้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายจะกลั่นเขาเป็นยาเหรอ”

ลู่ฝานยิ้มไม่พูดอะไร เร่งไฟต่อ

ดวงตาหลายคู่บนท้องฟ้า จ้องการกระทำของลู่ฝานจากไกลๆ

ในเวลาเดียวกัน หนานกงฉวน หนานกงชางและหนานกงอี๋ว์ที่อยู่ในโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

มีม่านแสงอยู่ด้านหน้าพวกเขา ด้านในคือภาพลู่ฝานกำลังกลั่นโครงกระดูก

หนานกงฉวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนเทวทูตเงามืด ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยแล้ว เขาจะกลั่นหนานกงสิง พี่ใหญ่สุดที่รักของฉันเป็นยาเหรอ”

หนานกงชางพยักหน้าพูดว่า “ดูไม่ออกเลยว่าเขาเป็นนักกลั่นยาปีศาจ ไอ้สี่ นายต้องทำความรู้จักไอ้หมอนี่นะ ไม่แน่อาจต้องขอความช่วยเหลือจากเขาในอนาคต”

หนานกงฉวนพูดว่า “เข้าใจแล้ว ฉันจะให้ลูกน้องดูแลเขาเป็นแขกพิเศษเลย เหอะๆ ฉันอยากเห็นจริงๆ ว่าเขาจะกลั่นหนานกงสิงออกมาเป็นยาแบบไหน”

หนานกงอี๋ว์พูดว่า “รอเขากลั่นเสร็จ ฉันจะขอซื้อจากเขา ดูท่าทางชำนาญของเขา ต้องเป็นนักกลั่นยาปีศาจที่ไม่เลวแน่ๆ”

ทั้งสามคนพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข

ทางด้านนี้ ลู่ฝานที่กำลังทำการกลั่น ปรายตามองเบาๆ หางตามองไปบนฟ้าไม่ไกล

เขาสัมผัสได้ว่าตรงนั้นมีสัตว์อสูรสองสามตัวกำลังจ้องเขาอยู่ ถ้าไม่เหนือจากการคาดเดาของเขา ต้องเป็นสัตว์อสูรที่ใช้เฝ้าสังเกตการณ์แน่นอน

ลู่ฝานพูดเสียงเบาในใจ “ดูไปเถอะ ดูไปเรื่อยๆ เห็นการกระทำของฉัน พวกนายจะได้ไม่สงสัยฉันอีก ฉันจะได้สืบได้สะดวกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แผนการใหญ่ของผู้ฝึกชั่วร้ายคืออะไรกันแน่ ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ในเมื่อการแข่งนานาประเทศจะเริ่มขึ้นที่นี่ เพื่อนและคนที่ฉันรู้จักอาจมาที่นี่กันหมด ฉันไม่อยากให้พวกเขาตายไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่ที่นี่ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าพวกผู้ฝึกชั่วร้ายจะทำเรื่องใหญ่ในการแข่งนานาประเทศ”