บทที่ 1921 ลิ่งหูมาขอพึ่งพา

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“เพราะอะไรคะ?” ชิงจวี๋ตกใจ

หยางชิ่งไม่อยากบอก ว่าตัวเองได้กลิ่นอายอันตรายจากตัวเหมียวอี้ผ่านเรื่องของจูเก๋อชิงแล้ว เขาถอนหายใจแล้วบอกว่า “เหมียวอี้ไม่ใช่เหมียวอี้ในปีนั้นอีกแล้ว เริ่มเผยลักษณะของสิงห์ร้ายที่ทะเยอะทะยาน ยิ่งข้าทำผลงานมาก ในอนาคตเขาก็ยิ่งเก็บข้าไว้ไม่ได้”

ชิงจวี๋ไม่อยากเห็นสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น “ถ้านายท่านต้องการจะพูดอย่างนี้จริงๆ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทำไมไม่ยืนด้วยตัวเองล่ะ อาศัยความเฉลียวฉลาดของนายท่าน ในอนาคตประสบความสำเร็จไม่แพ้เหมียวอี้แน่นอน”

“เหอะๆ!” หยางชิ่งส่ายหน้าหัวเราะ “ที่จริงพอลองคิดดูให้ละเอียด ที่จินม่านตำหนิข้าไว้ก็ถือว่าไม่ผิด เรื่องบางเรื่องเหมียวอี้สามารถทำให้สำเร็จได้ แต่ข้ากลับทำให้สำเร็จไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความเฉลียวฉลาด ข้ากับเหมียวอี้ต่างกันตรงไหนรู้มั้ย? ขอใช้คำพูดถ่อมตัวของเหมียวอี้ในปีก่อนๆ ก็แล้วกัน เพราะสิ่งนี้คือกุญแจสำคัญ เขาเรียนหนังสือมาน้อย!”

“…” คำอธิบายนี้ทำให้ชิงจวี๋พูดไม่ออก

บนดาวเคราะห์ที่รกร้าง ท่ามกลางปาหินระเกะระกะ ขณะมองดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า อวิ๋นจือชิวก็เก็บระฆังดาราอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าคลุมเครือยากอธิบาย

ในฐานะนายหญิง การตายของจูเก๋อชิง ฉินเวยเวยรายงานมาแล้ว อวิ๋นจือชิวตกใจมาก นางไม่ค่อยเชื่อด้วยว่าเหมียวอี้จะลงโทษตายกับจูเก๋อชิง นางถามว่าทำไมจึงลงโทษถึงตาย ฉินเวยเวยตอบว่าไม่รู้สาเหตุ นางจึงติดต่อเหมียวอี้เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เอง เหมียวอี้เหมือนจะยอมรับเพราะทนรำคาญไม่ไหว ในมือยังมีงานต้องทำ ไม่อยากฟังนางบ่นไม่จบไม่สิ้น

นางรู้จักเหมียวอี้ดี เขาสามารถส่งเหยียนซิวกับหยางเจาชิงไปจับตาดูตำหนักประมุขดาวกลางได้ ก็เพราะต้องการปกป้องจูเก๋อชิง อยู่ดีๆ ทำไมถึงลงโทษตายต่อกับจูเก๋อชิงได้ล่ะ?

อวิ๋นจือชิวหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหยางเจาชิงอีก ถามว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่

หยางเจาชิงเพียงเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นให้ฟัง บอกว่ารู้สึกแปลกใจเช่นกันที่จู่ๆ นายท่านต้องการจะลงโทษตายกับจูเก๋อชิง เขาอยากจะแจ้งให้นางรู้ ให้นางจัดการเรื่องนี้ แต่ว่านายท่านห้ามไว้

“ปีนขึ้นหลังคาไปร้องเพลงเหรอ?” อวิ๋นจือชิวที่กำลังถือระฆังดาราขมวดคิ้วมุ่น หลังจากเงียบไปนาน จู่ๆ นางเอียงหน้าเรียก “เหยียนซิว!”

เหยียนซิวที่ทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนผีมาปรากฏตัวข้างกายนางเงียบๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเยงแหบพร่าเยียบเย็น “ฮูหยิน!”

อวิ๋นจือชิวเล่าเรื่องที่จูเก๋อชิงโดนเหมียวอี้ประทานความตายให้ฟังคร่าวๆ “เจ้าไปที่พิภพเล็กสักรอบ ใช้พลังอภินิหารของเจ้า สืบเรื่องนี้มาจากทหารยามของตำหนักประมุขดาวกลาง โดยเฉพาะคนที่รายงานข่าวขึ้นมา ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล!”

“ฮูหยิน นายท่านให้ข้ารักษาความปลอดภัยให้ท่าน หรือจะรอให้งานของนายท่านเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันขอรับ?” เหยียนซิวลังเล

อวิ๋นจือชิวบอกว่า “เจ้าไม่ต้องรักษาความปลอดภัยให้ข้าหรอก ไปตอนนี้เลย เดี๋ยวนี้!” นางกังวลวว่าถ้ามีใครวางแผนจริงๆ ถ้าสายไปแล้วจะมีคนทำลายหลักฐาน

“จะบอกให้นายท่านรู้ก่อนหรือไม่ขอรับ?” เหยียนซิวลังเล

อวิ๋นจือชิวพลันหันตัวมา แล้วถลึงตาบอกว่า “เหยียนซิว ข้าควบคุมเจ้าไม่ได้แล้วใช่มั้ย? เรื่องในบ้านใครเป็นคนมีคำนาจตัดสินใจ? เจ้าต้องทำความเข้าใจเอาไว้หน่อยนะ ฐานะของเจ้าไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องของนายท่าน แต่เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนี้ ที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว คนคร่ำครึอย่างเจ้าเข้าใจหรือเปล่า?”

เหยียนซิวรู้ว่านางจะอ้างหลังการผู้ชายเป็นนายข้างนอก ผู้หญิงเป็นนายในบ้าน เวลาผู้หญิงคนนี้อารมณ์ร้ายขึ้นมาแม้แต่เหมียวอี้ก็ยังกลัว นับประสาอะไรกับเขา เขาโค้งตัวอย่างค่อนข้างจนใจ “ขอรับ!” พูดจบก็ถลันตัวเหาะขึ้นฟ้าไปทันที

อวิ๋นจือชิวมองตาม ใบหน้าเริ่มฉายแววกังวล ถ้าพูดจากบางมุม นางเองก็หวังว่าจะมีคนวางแผน ไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากอารมณ์รุนแรงของเหมียวอี้ นางนึกถึงปีนั้นที่เหมียวอี้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าถึงขั้นจะลงโทษตายจีเหม่ยลี่และบรรดาอนุภรรยา นางกังวลมาก กังวลว่าเหมียวอี้จะกลายเป็นคนไม่เอาญาติมิตร ถ้ากลายเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทั้งสองเดินเส้นทางนี้ต่อไปโดยไม่เชื่อกัน แล้วยังจะมีความหมายอะไรอีก?

ส่วนเหยียนซิวพอมาถึงดาราจักรก็ติดต่อหาเหมียวอี้ทันที รายงานเรื่องที่อวิ๋นจือชิวสั่งให้เขาไปทำ

ไปเถอะ! ไปเถอะ! นี่ก็คือคำตอบของเหมียวอี้

เหมียวอี้รู้สึกกระสับกระส่ายใจนิดหน่อย เริ่มมีอาการตั้งแต่หลังจากจูเก๋อชิงตายแล้ว ใช่ว่าในใจจะไม่นึกเสียใจทีหลังเลย ก็เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่จบไม่สิ้นเสียที เดี๋ยวก็ฉินเวยเวยติดต่อเขา เดี๋ยวก็อวิ๋นจือชิวติดต่อเขา แม้แต่เหยียนซิวก็ยังประสมโรงด้วย แต่ละคนน้ำเข้าสมองหมดแล้วหรือไง? ไม่รู้เหรอว่าในมือเขามีงานสำคัญต้องทำ?

เรื่องในบ้านยังพัวพัน แต่เรื่องตรงหน้ากลับมีข่าวดี หยางเจาชิงเก็บระฆังดารา แล้วรายงานว่า  “นายท่าน กำลังพลที่ล้อมตามตลาดสวรรค์ถอนกำลังไปแล้วขอรับ!”

“อ้อ!” เหมียวอี้รีบโยนความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง แล้วเอามือลูบคางพลางพึมพำว่า “หรือว่าศึกนี้จะมีบทสรุปแล้ว?”

ช่องทางข่าวสารของเขายังไม่ถึงขั้นรู้สถานการณ์ของอิ๋งจิ่วกวงได้ในทันที แล้วเซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่บอกสถานการณ์จริงให้เขารู้อีก ไม่รู้ว่ากลัวจะเปิดโปงให้สายลับฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วรู้หรือเปล่า เมื่อครู่ก็เพิ่งล่วงเกินเซี่ยโห้วลิ่งไปด้วย

ฝั่งหวงฝู่จวินโหรวก็ยังไม่ได้ส่งข่าวมา เขาทำได้เพียงติดต่อไปหาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทันที ทว่าฝั่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ยังไม่รู้สถานการณ์เช่นกัน

ขณะกำลังจะติดต่อผังก้วน แต่ใครจะคิดว่าปี้เยว่จะเป็นฝ่ายส่งข่าวมาก่อน บอกว่าอิ๋งจิ่วกวงรบแพ้ อิ๋งจิ่วกวงตายคาสนามรบ ถูกกองทัพองครักษ์ตัดหัว ส่วนกำลังพลของอิ๋งจิ่วกวงก็ถูกตีพ่ายเหมือนภูเขาพังทลาย เทียนหยวนติดตามสงฉีสังหารฝ่าวงล้อมออกไป ตอนนี้ยังถูกตามฆ่าอยู่ เขาส่งข่าวมาบอกให้นางรีบหนีไป!

ขนาดอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เทียนหยวนก็ยังไม่ลืมนึกถึงความปลอดภัยของนาง ปี้เยว่แทบจะร้องไห้ ตอนนี้เริ่มกลัวแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางไร้ความสามารถจริงๆ ถามเหมียวอี้ว่ามีวิธีการไหนที่จะช่วยเทียนหยวนได้บ้าง หวังว่าเหมียวอี้จะขอให้ตระกูลเซี่ยโห้วช่วยเหลือได้

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องแบบนี้เหมียวอี้ไม่สามารถช่วยเทียนหยวนได้ ต่อให้มีทางช่วย เหมียวอี้ก็ไม่ช่วยอยู่ดี ยังไม่ต้องพูดถึงว่าช่วยมาแล้วจะชี้แจ้งกับไห่ยวนเค่ออย่างไร สำหรับเทียนหยวนเอง ถ้าในอนาคตเรื่องระหว่างปี้เยว่กับไห่ยวนเค่อถูกเปิดโปง ต่อให้เหมียวอี้จะช่วยเทียนหยวนไว้ แต่ก็กลายเป็นผู้มีพระคุณของเทียนหยวนไม่ได้ กลับจะกลายเป็นศัตรูของเทียนหยวนด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่เขาจะช่วย

แต่จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ เหมียวอี้รับปากไปแล้วว่าจะไปขอให้ตระกูลเซี่ยโห้วช่วย พร้อมทั้งโน้มน้าวนางว่าไม่ต้องกลัว ให้นางมาที่ดาวเทียนหยวนเดี่ยวนี้ เขาจะรักษาความปลอดภัยให้นางเอง

ยังไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปี้เยว่ ต่อให้เห็นแก่หน้าไห่ยวนเค่ออย่างเดียว เขาก็จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับปี้เยว่ท่ามกลางภาวะสงครามแบบนี้ไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เพื่อให้คำชี้แจงกับไห่ยวนเค่อด้วย

หลังจากปลอบใจปี้เยว่แล้วแล้ว เหมียวอี้ก็รู้สึกฮึกเหิมสดชื่น ในที่สุดความแค้นระหว่างเขากับตระกูลอิ๋งก็จบลงแล้ว แก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้แล้ว

ยังไม่สนใจจะแสดงความดีใจ เขาติดต่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อีกครั้ง รายงานข่าวดีให้รู้ ให้นางฉวยโอกาสตอนสี่ทัพอ่อนแอก่อกบฏลำบาก ให้รีบไปขอคำสั่งจากประมุขชิงเดี๋ยวนี้ ให้อ้างว่าสี่ทัพเคลื่อนไหวผิดปกติ คนที่กุมอำนาจผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์ มีไม่น้อยที่เป็นคนของตระกูลอิ๋ง ขอให้ย้ายกองทัพองครักษ์มารับตำแหน่งที่ตลาดสวรรค์ชั่วคราวเพื่อคุมสถานการณ์ให้สงบ แล้วให้คนในสังกัดของทูตลาดตระเวนตลาดสวรรค์มารับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แทนชั่วคราว ควบคุมตลาดสวรรค์เอาไว้ทุกด้าน

สิ่งที่ให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ระวังเอาไว้ก็คือ อย่าให้ตระกูลเซี่ยโห้วรู้ ให้ใช้ข้ออ้างเรื่องตระกูลอิ๋ง บอกแค่ว่าเป็นประสงค์ของประมุขชิง

“อิ๋งจิ่วกวงตายแล้ว…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่อยู่ในตำหนักนารีสวรรค์แอบจะหัวเราะออกมา ยังคิดจะแย่งตำแหน่งในวังหลังของนางอีกเหรอ ทั้ยังกล้าวางแผนใส่ร้ายลูกชายนางอีก ตอนนี้รุ้หรือยังว่าจุดจบเป็นอย่างไร ตอนนี้พวกนางแพศยาในวังหลังเห็นถึงความร้ายกาจของนางแล้วสินะ?

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่นอกห้อง ก็รู้ว่าเอ๋อเหมยมาถึงแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รีบเก็บสำรวมรอยยิ้ม ทำหน้าตึง พอเอ๋อเหมยเข้ามาใกล้ตรงหน้า นางก็ตบโต๊ะน้ำชาพร้อมตะคอกว่า “ฝ่าบาทยังจะกักบริเวณข้าไปถึงเมื่อไร?”

เอ๋อเหมยถอนหายใจแล้วเกลี้ยกล่อมว่า “เหนียงเหนียงอย่ารีบร้อน น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้วเพคะ”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เหล่ตามองนางแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียน นางไม่เชื่อหรอกว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่รู้ข่าวเรื่องตระกูลอิ๋งรบแพ้ แต่ตอนนี้กลับไม่บอกนางสักคำ นางพ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกว่า “ไม่ได้ ข้าจะไปถามฝ่าบาทให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้!” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินก้าวยาวออกไปเลย

“เหนียงเหนียง เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้เพคะ!” เอ๋อเหมยรีบเดินตามไปขอร้องอยู่ข้างหลัง

เรื่องแบบนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่สนใจนาง แต่พอมาถึงประตูตำหนักนารีสวรรค์ กลับโดนทหารยามขวางไว้ ไม่ยอมให้นางออกไป เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ระเบิดอารมณ์ หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อซ่างกวนชิง ผ่านไปครู่เดียวทหารยามก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ว่าให้ปล่อยเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ขณะเดียวกันก็คลายผนึกตำหนักนารีสวรรค์ด้วย

ส่วนเหมียวอี้ที่อยู่บนหอประตูเมือง ยังไม่ทันได้ข่าวจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ก็ได้รับข่าวอีกข่าวที่เหนือความคาดหมายแล้ว

อวิ๋นจือชิวส่งข่าวมา ตอนแรกเหมียวอี้ยังนึกว่าอวิ๋นจือชิวจะมารบกวนเขาเพราะเรื่องจูเก๋อชิง แต่ใครจะคิดว่านางจะแจ้งข่าวที่ทำให้เขารู้สึกผิดคาดมาก

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เส้าเซียงหัว ฮูหยินของลิ่งหูโต้วจ้งขอให้อวิ๋นจือชิวช่วยบอกข่าวให้ ลิ่งหูโต้วจ้งต้องการจะนำทัพใหญ่ห้าสิบล้านมาขอพึ่งพาเหมียวอี้

เหมียวอี้ถามอวิ๋นจือชิว : เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?

อวิ๋นจือชิว : หนิวเอ้อร์ ข้าจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกับเจ้าเหรอ? ตอนที่ลิ่งหูโต้วจ้งยังเป็นเทพประจำดาว ตอนข้ากับเส้าเซียงหัวเจอกัน ก็ทิ้งช่องทางการติดต่อของกันและกันไว้ นึกไม่ถึงว่าเส้าเซียงหัวจะติดต่อข้ามาเพราะเรื่องนี้

เหมียวอี้ : ลิ่งหูโต้วจ้งมาขอพึ่งพาข้า? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่แรงเกินไปเหรอ? ข้าจะไปขอพึ่งพาเขามากกว่ามั้ง

อวิ๋นจือชิว : ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่ติดต่อข้ามาคือเส้าเซียงหัวจริงๆ นางย้ำว่าท่านจอมพลลิ่งหูจริงจังมาก ทั้งยังมาขอพึ่งพาอย่างจริงใจด้วย ไม่ได้โกหกแน่นอน เจ้าจะให้ข้าพูดยังไงดีล่ะ?

เหมียวอี้ : เหลวไหล! เขาเป็นใครกันล่ะ ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังหน่อย เขาคือขุนนางที่มีความผิดฐานช่วยเหลืออิ๋งจิ่วกวงก่อกบฏ ต่อให้ข้ารับไว้ได้ แต่ข้าจะกล้ารับไว้เหรอ? แล้วอีกอย่าง กำลังพลที่สามารถติดตามเขามาในเวลานี้ได้ แสดงว่าเป็นกำลังพลสายตรง ทัพใหญ่ห้าสิบล้านถ่อมาถึงแดนรัตติกาล เขาเป่าลมหายใจทีเดียวก็กำจัดข้าได้แล้ว ตอนหลังเวลาจะทำอะไร ข้าไม่ต้องคอยดูสีหน้าเขาก่อนหรอกเหรอ แบบนั้นแปลว่าข้าสมองมีปัญหาแล้ว บอกเขาไป ว่าข้ารับไว้ไม่ไหว ให้เขาไปหาที่ดีๆ เอาใหม่!

อวิ๋นจือชิว : ก็ได้

พอเก็บระฆังดาราแล้ว เหมียวอี้ก็มองเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขำ คิดแค่ว่าลิ่งหูโต้วจ้งกำลังป่วยเข้าขั้นวิกฤตก็เลยไปหาหมอมั่วๆ คาดว่าคงหาที่ไปไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงได้มาหาเขา เขาไม่ลงไปย่ำน้ำโคลนนี้หรอก เฝ้ารอข่าวของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ต่อไป

ใครจะคิดว่าผ่านไปไม่ทันไร อวิ๋นจือชิวก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว เหมียวอี้ถามว่า : ทำไมเหรอ? หรือว่าทางนั้นยังเกาะแกะไม่เลิก?

อวิ๋นจือชิว : เส้าเซียงหัวช่วยส่งข่าวแทนลิ่งหูโต้วจ้งอีก ลิ่งหูโต้วจ้งบอกว่านี่คือประสงค์ของประมุขชิง ประมุขชิงบอกว่า ขอเพียงเจ้ายอมรับไว้ เขาก็จะปล่อยลิ่งหูโต้วจ้งไปสักครั้ง

ประสงค์ของประมุขชิงเหรอ? เหมียวอี้งุนงง ประมุขชิงมีเจตนาอะไรกันแน่?

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นประสงค์ของประมุขชิง แต่เขาก็จะหลับหูหลับตาทำตามไม่ได้ เพราะเขาให้ประมุขชิงรู้ถึงท่าทีของเขาผ่านชิงหยวนจุนมาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเขาไม่มีทางถวายชีวิตรับใช้ประมุขชิง ถ้าประมุขชิงจะฝืนยัดคนเข้ามาที่แดนรัตติกาลจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ไม่ถือสาที่จะให้ทัพฝ่ายอื่นหาข้ออ้างดึงให้กำลังพลสายอื่นมากำจัดลิ่งหูโต้วจ้งเสีย เขาเดาว่ากำลังพลฝ่ายอื่นคงไม่ยินดีที่จะให้ความร่วมมือเช่นกัน

………………