เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1776

ใบหน้าคุณชายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สะบัดมือโยนเหรียญหัวสัตว์ออกมา อสูรวิเศษพวกนี้หอบเหรียญทองแล้วทำความเคารพอย่างนอบน้อม

เพิ่งนั่งลง ข้างๆ มีอสูรวิเศษที่เป็นกระต่ายสีขาวหูใหญ่ มองลู่ฝานอย่างน่ารักน่าชัง เหมือนกำลังถามคุณลูกค้าว่าต้องการอะไร

ลู่ฝานคิดแล้วพูดว่า “เอาของกินมาให้ฉันหน่อย”

กระต่ายหูใหญ่วิ่งหูกระพือออกไปทันที ไม่นานก็เอาของกินมาให้ลู่ฝานเป็นกองเหมือนภูเขา

ลู่ฝานเลียนแบบคนอื่น โยนยาถูกๆ ให้กระต่ายพวกนี้

อสูรวิเศษหูใหญ่รับยาไว้ ส่งเสียงตื่นเต้นออกมาทันที จากนั้นลู่ฝานเห็นกระต่ายข้างๆ พากันกรูเข้ามาเป็นกอง

แววตาแต่ละตัวแดงก่ำ มองเขาด้วยใบหน้าคาดหวัง

แต่ตอนนี้เจ้าดำไม่พอใจเล็กน้อย มันคำรามออกมาเบาๆ ทำให้กระต่ายพวกนั้นตกใจจนหนีไป

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “อสูรวิเศษพวกนี้น่าสนใจจริงๆ”

ลู่ฝานมองรอบๆ แล้วพูดว่า “สหายหนานกง ปกติห้องนายอยู่ไหนเหรอ”

หนานกงสิงพูดว่า “ด้านซ้ายบน เก้าอี้มังกรสีม่วงทองนั้นคือที่ของฉัน”

ลู่ฝานมองไปด้านซ้ายบน แวบเดียวก็เห็นเก้าอี้มังกรสีม่วงทองที่หนานกงสิงพูดถึง

ช่วยไม่ได้ เก้าอี้ตัวนี้สะดุดตามาก

นั่นมันมังกรสีม่วงทองของจริงเลยนะ!

ขดตัวเหมือนเก้าอี้ สยายปีกสองข้าง ครองตำแหน่งที่ดีที่สุดเอาไว้

เก้าอี้ตัวอื่นที่อยู่ข้างๆ ห่างจากเก้าอี้ตัวนี้มาก

รอบๆ ยังมีพลังมังกรเหมือนหมอกปกคลุมเก้าอี้ไว้ เหมือนสร้างพื้นที่ของตัวเองไว้

ในเวลานี้ องค์ชายใหญ่รูปงามคนนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรสีม่วงทอง

มีเสียงหัวเราะบ้าคลั่งบนใบหน้า ถูมือไปมาพลางพูดว่า “ชิ้นต่อไปๆ มีของดีอะไรเอาออกมาให้หมด ฉันรวย รวยมากๆ กังวลอย่างเดียวคือจะใช้เงินยังไง โบราณว่าไว้ทองนับพันตำลึงหากใช้หมดแล้วก็ยังหาได้ใหม่ ใครใช้ให้ฉันเป็นลูกคนรวยล่ะ”

ลู่ฝานมองการกระทำของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “สหายหนานกง นี่คือท่าทางปกติของนายเหรอ องค์ชายใหญ่แห่งประเทศฉิงเทียน บอกว่าตัวเองเป็นลูกคนรวย ไม่เหมาะเท่าไรมั้ง!”

หนานกงสิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นตอบว่า “ฉันอยากบอกนายจริงๆ ว่าปกติฉันไม่ใช่แบบนี้ ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนี่เลียนแบบเหมือนฉันจริงๆ เลียนแบบคำคมฉันได้ครบถ้วนทุกคำ ที่แท้ในสายตาคนอื่นฉันเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันอยากเข้าไปบีบคอเขาจริงๆ!”

ลู่ฝานพูดว่า “อืม อยากบีบคอตัวเองที่น่าอับอายเมื่อก่อน เป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่ สหายหนานกง อีกเดี๋ยวฉันจะให้โอกาสนายบีบคอเขา”

หนานกงสิงพูดว่า “สหายลู่ฝาน นายจะทำอะไรกันแน่ บอกฉันได้ไหม อย่าทำให้มันเดายากขนาดนี้ได้ไหม ฉันกลัวว่านายจะหลอกฉันอีก”

ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “ได้ บอกนายก็ได้ ฉันกลั่นนายให้อยู่ในสภาพนี้ เพราะต้องการตบตาองค์ชายสี่ ตอนฉันทำการกลั่นนาย เขาต้องส่งคนมาแอบดูแน่ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายและกลั่นนายจริงๆ แต่ความจริงฉันกลั่นกระดูกนายแค่ครึ่งเดียว เพราะหลังจากนายโดนให้กินน้ำมนต์ ร่างโครงกระดูกนั่นก็ใช้งานไม่ได้แล้ว”

หนานกงสิงพูดว่า “เรื่องนี้ฉันพอเข้าใจ แล้วทำไมต้องกลั่นฉันให้อยู่ในสภาพนี้ นายจะทำอะไรกับไอ้ตัวปลอม”

ลู่ฝานพูดว่า “จะทำให้ไอ้ตัวปลอมกลายเป็นตัวจริงไง สหายหนานกงเคยได้ยินคำว่าสิงร่างไหม”

หนานกงสิงพูดอย่างตกใจ “สหายลู่ฝาน นายจะจัดการไอ้ตัวปลอมเหรอ”

ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ นายอยากมีฐานะเหมือนเดิม วิธีนี้ไม่เลวเลยนะ ฉันจับไอ้ตัวปลอมแล้วทำลายจิตญาณของเขา ทำลายวิญญาณของเขา แล้วนายค่อยสิงร่างเขา เมื่อได้ร่างเขาแล้วทุกอย่างก็จบ นายก็เป็นองค์ชายใหญ่ต่อไป”

หนานกงสิงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “แบบนี้นี่เอง นายเลยกลั่นฉันให้เหมือนยา จะให้เขากินฉันเข้าไปใช่ไหม”

ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ ตามนั้นแหละ แต่ไม่รู้จะสิงร่างสำเร็จหรือเปล่า ถ้าไม่สำเร็จ ฉันค่อยหาผลไม้แห่งวิถีอะไรนั่นให้นาย แค่วิญญาณไม่ดับสลาย นายก็ไม่น่าตาย วิชาของนายพิเศษมากจริงๆ!”

หนานกงสิงพูดอย่างได้ใจ “แน่นอนอยู่แล้ว วิชาปราณทรงพลังของตระกูลหนานกงเป็นหนึ่งในวิชาสุดยอดในใต้หล้า สหายลู่ฝาน บุญคุณยิ่งใหญ่ ขอบคุณยังไงก็ไม่เพียงพอ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ประเทศฉิงเทียนติดหนี้นายใหญ่หลวง!”

ลู่ฝานพูดว่า “ฉันแค่ช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น นายได้ฐานะองค์ชายใหญ่คืน ช่วยฉันสืบว่าผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้จะทำอะไรกันแน่ ฉันรู้สึกไม่สบายใจตลอด เหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แม้ฉันไม่ใช่คนที่ทำเพื่อใต้หล้า แต่ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้หนีไม่พ้น”

หนานกงสิงพูดว่า “สัญชาตญาณของผู้แข็งแกร่งเหรอ สหายลู่ฝาน วิทยายุทธนายเพิ่งระดับไหนเอง แต่เริ่มมีสัญชาตญาณของผู้แข็งแกร่งแล้วเหรอ อย่าบอกนะว่านายทำความเข้าใจเต๋าอันยิ่งใหญ่สูงสุดแล้ว”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบ

หนานกงสิงรู้สึกว่าตัวเองถามละลาบละล้วงเกินไปหน่อย เขารีบพูดเปลี่ยนเรื่องว่า “งั้นตอนนี้เราจะจับไอ้ตัวปลอมยังไง มีองครักษ์ข้างกายเขาไม่น้อยแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์วังหลวง หรือองครักษ์ผู้ฝึกชั่วร้าย ต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน เราจะเข้าใกล้ยากมากนะ!”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ดังนั้นเราห้ามไปหาเขา แต่ให้เขามาหาเราเอง”