บทที่ 791
ให้ฝันยังไงหม่าหลันก็คิดไม่ถึง เวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาจู่ๆเป็นเพราะเรื่องของหานเหม่ยฉิงในปีนั้น ถูกตีจนตัวบวมเป่งอย่างนี้
เดิมทีเธอมองไปที่ตัวเอง ก็จะพูดโน้มน้าวจางกุ้ยเฟินได้แล้ว กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่นายหญิงใหญ่เชียวหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ล้มล้างความพยายามทั้งหมดของตัวเองแล้ว กลับว่ายิ่งทำให้ตัวเองตกลงไปในเหวลึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผู้หญิงสามสี่คนเข้ามาโจมตีเธอ ต่างก็เคยสัมผัสกับเรื่องอดีตที่น่าสังเวชในการแทรกแซงของมือที่สาม ดังนั้นตอนที่เข้ามาตีเธอ ก็ยิ่งนำเอาความเกลียดแค้นที่ฝังลึกบวกกับแค้นใหม่เข้ามา ลงมืออย่างหนักอย่างไม่ออมมือให้เลย
หม่าหลันก็โดนตีจนเป็นแผลไปทั้งตัว คนทั้งคนแทบจะหายใจแขม่วๆแล้ว หลายๆครั้งที่หม่าหลันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองใกล้จะช็อกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันรอให้เธอช็อกไปจริงๆ ก็ถูกคนอื่นตีสองทีก็ตื่นแล้ว
หลังจากที่คนกลุ่มนี้กระหน่ำตีหม่าหลันเสร็จ นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดอยู่ข้างๆว่า : “ฉันคิดว่าพวกเราเอาไอ้คนร่านนี้ไปไว้ที่ห้องน้ำดีกว่านะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเราเห็นเธออยู่ตรงนี้แล้วอารมณ์เสีย!”
“ใช่!” ผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาลงไม้ลงมือเร็วสุด พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “นายหญิงพูดถูก จับเธอไปโยนไว้ในห้องน้ำ!”
พูดแล้ว เธอสั่งผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้างกายว่า : “เราสองคนยกคนละขา ลากเธอเข้าไปเลย”
“โอเค!” อีกฝ่ายรีบพยักหน้าตกปากรับคำ ดังนั้นทั้งสองคนลากขาของหม่าหลันคนละข้าง ลากหม่าหลันจากพื้นตรงไปยังห้องน้ำทันที
เซียวเวยเวยก็รีบเดินตามไป สายตามองไปที่สองคนที่เอาตัวหม่าหลันไปโยนไว้ในห้องน้ำ ตัวเองก็หยิบกะละมังไปรับน้ำ แล้วสาดลงไปที่ตัวของเธอ พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “หม่าหลัน แกฝันก็คงคิดไม่ถึงสินะว่าตัวเองจะมีวันนี้?คนอย่างแก ยังคิดจะสู้กับคุณย่า?”
ในเวลานี้หม่าหลันถูกน้ำเย็นในกะละมังสาดจนตื่นแล้ว หนาวสั่นสะท้านไปพลาง ในใจรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมากไปพลาง
ตัวเองไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้นต่อหน้าจางกุ้ยเฟิน พยายามทำให้จางกุ้ยเฟินเกิดความเห็นใจ
ถ้าหากเมื่อกี้ตัวเองไม่ร้องเรียนเรื่องนายหญิงใหญ่เซียว ตัวเองก็คงไม่ลงเอยแบบนี้
สิ่งที่เธอยิ่งจะเสียใจภายหลังก็คือ ไม่ควรขโมยบัตรเอทีเอ็มของลูกเขยเย่เฉินของตัวเอง ให้ฝันยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าจู่ๆเย่เฉินจะเป็นคนลวงโลกข้ามชาติ!
ถ้าหากว่าตัวเองไม่ขโมยบัตรเอทีเอ็มของเขา งั้นสักวันนึงคนที่ต้องเข้ามารับความทุกข์ทรมานนี้ต้องเป็นเขา แต่เป็นเพราะตัวเองไม่ควบคุมตัวเองให้ดี ดังนั้นตอนนี้ตัวเองอยู่ที่นี่ ต้องทนรับการทรมานที่ไม่ใช่คนเช่นนี้
เธอเสียใจอย่างมากที่สุด
ค่ำคืนนี้ หม่าหลันกอดขาทั้งสองข้างของตัวเอง นั่งอยู่ที่มุมในห้องน้ำ ยากที่จะผ่านพ้นไปถึงรุ่งสาง
ในคืนกลางดึกหม่าหลันก็มีไข้ที่สูงมาก ไข้ขึ้นสูงจนทำให้เธอสะลึมสะลือ
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เธอไม่ได้ทานอะไรเลยจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว!
ในตอนเช้าเมื่อคนอื่นเริ่มเข้าห้องน้ำมาล้างหน้าบ้วนปาก หม่าหลันคนทั้งคนก็อ่อนแอแม้แต่แรงจะเงยหน้าขึ้นมายังไม่มีเลย
ในห้องขังก็มีคนไปเอาอาหารเช้าของคนทั้งห้องขังมาให้แล้ว อาหารเช้าก็ยังคงเป็นข้าวต้มกับหมั่นโถวเช่นเดิม
จางกุ้ยเฟินรอจนคนอื่นกินข้าว พบว่าไม่เห็นหม่าหลันออกมา ดังนั้นเธอจึงพูดสั่งคนหนึ่งว่า : “เข้าไปดูนังร่านคนนั้นว่ามันตายแล้วหรือเปล่า ถ้ายังไม่ตายก็ลากมันออกมา”
เมื่อคนนั้นเดินมาถึงห้องน้ำ มองหม่าหลันแวบหนึ่ง พบว่าหม่าหลันขดตัวหนาวสั่นอยู่ที่มุมห้อง ก็เดินก้าวขึ้นไป ดึงผมของเธอ ลากเธอออกมาจากข้างในเลยทันที
เมื่อหม่าหลันออกมาแล้ว จางกุ้ยเฟินก็เริ่มกินข้าวกล่องนั้นของเธอแล้ว
เหมือนกับเมื่อวานตอนเช้าเลย จางกุ้ยเฟินกินหมั่นโถวหมดแล้ว ก็ตั้งใจเหลือหนึ่งในสามของข้าวต้ม ตามด้วยมองไปยังหม่าหลัน พูดด้วยใบหน้าที่เล่นหูเล่นตาว่า : “ไม่กินข้าวมาสองวันสองคืนแล้ว แกคงหิวแล้วสินะ?”