บทที่ 960 ไม่สามารถรับประกันได้

The king of War

เจียงสยงที่มีชีวิตชีวาเมื่อครู่ ตอนนี้หน้าซีดเผือด ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่นิดเดียว

อย่าว่าแต่แดนราชาขั้นปลายเลย ขนาดพลานุภาพแดนราชาขั้นต้น ยังไม่มีเลย

เฝิงเสียวหว่านหูตารวดเร็ว รีบเอายาเม็ดสีดำออกมา “รีบกินยานี่เร็ว!”

เจียงสยงไม่ลังเลใดๆ กลืนยาเม็ดนั้นลงไปทันที

เจียงหลงเฟยกับเจียงลี่ต่างมีสีหน้าตึงเครียด มองเจียงสยงด้วยดวงตาแดงก่ำ

“พ่อ พ่ออย่าเป็นอะไรนะ!”

เจียงหลงเฟยพูดสะอื้น

เจียงลี่ก็ดวงตาแดงก่ำ “ปู่ ผมขอร้องล่ะ ปู่อย่าเป็นอะไรนะ ต้องมีชีวิตอยู่นะ!”

เจียงสยงยังคงไม่พูดอะไร หลังกลืนยาลงไป หลับตาลง ลมหายใจค่อยๆ สม่ำเสมอ

เฝิงเสียวหว่านไม่รีรอ เอากระเป๋าเข็มออกมา เข็มเงินหลายอัน ปลิวออกจากมือเธอ ทันใดนั้น ปักลงไปที่ตำแหน่งฝังเข็มตรงหัวใจ สองสามตำแหน่ง

หยางเฉินประคองเจียงสยง สีหน้าเคร่งขรึมมาก

เจียงสยงเป็นนักรบอาวุโสชายแดนเหนือ และเป็นวีรบุรุษของจิ่วโจว หยางเฉินไม่อยากให้เจียงสยงเป็นอะไร

เฝิงเสียวหว่านก็ไม่พูดอะไร มือทั้งสองข้างขยับไปมาตลอดเวลา

“เฮ้อ”

ผ่านไปห้านาทีเต็มๆ ลมหายใจของเจียงสยง จึงกลับมาสม่ำเสมอ เขาปล่อยลมหายใจเป็นพิษออกมา สีหน้ากลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง

เขาลืมตาทั้งสองข้างช้าๆ แววตามีความซาบซึ้ง

“ขอบคุณหมอเทวดาน้อยเฝิง!”

เจียงสยงรีบพูดอย่างซาบซึ้ง เขาพูดอย่างตื้นตันว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นทายาทรุ่นหลัง ของหมอเทวดาเฝิง สืบทอดความรู้ของหมอเทวดาเฝิงมาตามคาด อายุยังน้อยขนาดนี้ แต่มีฝีมือทางการแพทย์ขนาดนี้ ผมมีความรู้สึกว่า ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ อาการป่วยของผมจะคงที่ และฟื้นฟูสู่สภาวะสูงสุดได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง”

เฝิงเสียวหว่านพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสเจียง คุณอย่าเรียกฉันว่าหมอเทวดาน้อยเฝิงเลยค่ะ เรียกฉันว่าเสียวหว่านก็พอค่ะ”

“ฮ่าๆ ได้ งั้นฉันเรียกเธอว่าเสียวหว่านละกัน”

เจียงสยงอารมณ์ดีมาก

อาการป่วยของเขา เป็นมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ อาการป่วยหนักขึ้น ตอนอาการกำเริบ มันเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

และไม่กี่วันมานี้ อาการป่วยกลับแย่ลงมาก

เขาหาหมอเทวดามามากมาย แต่กลับไม่ได้ผล มีเพียงการรักษาของเฝิงเสียวหว่าน ที่ทำให้เขารู้สึกว่าได้ผลอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อกี้เขากลั้นความโมโหไว้ ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา เพราะต้องการสยบหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม

ตอนเข้ามาในโถงงานเลี้ยง เขากระอักเลือดออกมา ตอนนั้นรู้สึกวิงเวียนศีรษะไปหมด ถึงขนาดที่คิดว่าตัวเองกำลังจะตาย

แต่คิดไม่ถึง เฝิงเสียวหว่านใช้เวลาเพียงห้านาที ก็ทำให้อาการของเขาคงที่

เขาจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร

หยางเฉินก็ตกใจมากเช่นกัน เมื่อกี้สภาพของเจียงสยงอันตรายแค่ไหน เขารู้ดี

ถึงเฝิงเสียวหว่านประกาศว่าเจียงสยงเสียชีวิต เขาก็ไม่แปลกใจเลย

แต่ทว่าเฝิงเสียวหว่านทำให้เจียงสยงฟื้นขึ้นอีกครั้ง

“คิดไม่ถึงว่า ฝีมือทางการแพทย์ของเสียวหว่าน จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”

หยางเฉินยิ้ม มองเฝิงเสียวหว่านแล้วเอ่ยขึ้น

“ความสามารถแค่นี้ของฉัน ถ้าเทียบกับปู่ ยังห่างชั้นกันเยอะ”

เฝิงเสียวหว่านพูดถ่อมตัว หรือเพราะคิดถึงหมอเทวดาเฝิง สีหน้าของเธอเศร้าเล็กน้อย

เจียงสยงรีบเปลี่ยนเรื่อง เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหยาง เสียวหว่าน รีบมานั่งสิ!”

“เชิญผู้อาวุโสเจียง!”

หยางเฉินยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

ทั้งสามคนนั่งลง ไม่นาน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส เป็นอาหารฝีมือของปรมาจารย์ ด้านงานจัดเลี้ยงของประเทศ

เจียงสยงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหยาง เสียวหว่าน รีบชิมอาหารสิ รสชาติเป็นยังไงบ้าง”

สีหน้าเขามีความคาดหวัง เหมือนการทำให้หยางเฉินกับเฝิงเสียวหว่านพอใจได้ คือสิ่งที่เขาคาดหวังที่สุด

“นี่คงเป็นพระกระโดดกำแพงสินะ”

หยางเฉินใช้ตะเกียบคีบปลิงทะเลชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยิ้มแล้วถามขึ้น

เจียงสยงพยักหน้า “พระกระโดดกำแพง หรือเรียกว่าอายุมั่นโชคมั่งมี เป็นอาหารฮกเกี้ยน ว่ากันว่าอาหารจานนี้ อยู่ในช่วงราชวงศ์ชิง เถ้าแก่ของเหลาจี้ว์ชุนหยวน เมืองฝูโจว เป็นคนคิดค้นขึ้นมา”

“แต่ยังมีอีกตำนานหนึ่ง จากบันทึกของคุณเฟ่ยเซี่ยวทง ผู้คิดค้นอาหารจานนี้ เป็นพวกขอทาน”

หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น

“ฮ่าๆๆๆ มีตำนานแบบนี้จริงๆ นะ”

เจียงสยงหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น

หยางเฉินเอาปลิงทะเลใส่ปาก เคี้ยวเบาๆ ทันใดนั้นความฉ่ำน้ำกระจายเต็มปาก กลิ่นหอมเข้มข้น ระเบิดอยู่ในโพรงปาก

“นุ่มนวล กลิ่นหอมฟุ้ง หอมแต่ไม่เลี่ยน มีรสชาติ!”

หยางเฉินพูดคำชมของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ รสชาติของพระกระโดดกำแพงเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก

“ผู้อาวุโสเจียง คุณคงไม่ได้เอาปรมาจารย์ ด้านงานจัดเลี้ยงของประเทศมาใช่ไหม ไม่งั้นจะทำอาหารรสชาติแบบนี้ ออกมาได้ยังไง”

หยางเฉินชิมอาหารต่ออีกหลายจาน หลังวางตะเกียบลง เขายิ้ม และถามขึ้น

เขาแค่พูดไปอย่างนั้น แต่คิดไม่ถึงว่า เจียงสยงจะพยักหน้าจริงๆ เขาหัวเราะ แล้วพูดว่า “เป็นฝีมือของปรมาจารย์ ด้านงานจัดเลี้ยงของประเทศจริงๆ ครับ คุณหยางเก่งจริงๆ แค่แป๊บเดียวก็เดาได้”

“จริงเหรอ”

หยางเฉินพูดอย่างตกใจ “งั้นผมต้องกินให้เยอะสักหน่อย ไม่งั้นถ้าพลาดโอกาสนี้ อยากทานอาหารรสชาติแบบนี้อีก ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไร”

“ฮ่าๆ ทานเยอะๆ ครับ ให้ดีทานให้เกลี้ยงเลยครับ!”

เจียงสยงหัวเราะ แล้วเอ่ยขึ้น

บรรยากาศดูกลมเกลียว หยางเฉินทานเยอะมาก สุดท้ายอาหารหลายจาน เหลือเพียงก้นจานเท่านั้น

เมื่อทานเสร็จ หยางเฉินถามว่า “เสียวหว่าน อาการป่วยของผู้อาวุโสเจียง เธอรักษาหายไหม”

เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดถึงอาการป่วยของตัวเอง เจียงสยงมองเฝิงเสียวหว่าน ด้วยสีหน้าคาดหวัง

เห็นเฝิงเสียวหว่านพยักหน้าเบาๆ แต่สีหน้ายังเคร่งขรึม พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันมั่นใจว่าจะรักษาผู้อาวุโสเจียงหาย แต่ผู้อาวุโสเจียงต้องฟังฉัน ไม่งั้นความพยายามทั้งหมดจะเสียเปล่า”

“ขอแค่รักษาฉันหาย ให้ฉันทำอะไรก็ยอม เสียวหว่าน เธออยากให้ฉันทำอะไร พูดมาได้เลย ฉันจะทำตามที่เธอบอก”

เจียงสยงรีบพูดรับปาก

อาการบาดเจ็บทรมานเขามาหลายสิบปี มีอยู่หลายช่วง ที่เขาตายเสียยังจะดีกว่าอยู่

เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว แต่ตอนนี้มารู้ว่า อาการป่วยของตัวเอง สามารถรักษาหายได้ เขาจะพลาดโอกาสดีขนาดนี้ได้ยังไง

“แค่ภายในหนึ่งเดือนนี้ คุณสามารถรับรองได้ว่าจะไม่แตะต้องบู๊ และให้ความร่วมมือ กับการรักษาแบบฝังเข็มของฉัน และทานยาที่ฉันให้ตามเวลา ภายในหนึ่งเดือน อาการเจ็บป่วยของคุณ จะหายแน่นอน”

เฝิงเสียวหว่านพูดจบ ก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แต่ภายในหนึ่งเดือน ถ้าคุณแตะต้องบู๊ อาการบาดเจ็บของคุณ จะรุนแรงขึ้น อยู่ได้อย่างมากแค่หนึ่งสัปดาห์!”

เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนหน้าเจียงสยงชะงักไป

ตอนนี้หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามกระเหี้ยนกระหือรือ จะช่วงชิงตำแหน่งผู้นำทุกเมื่อ

ถ้าไม่แตะต้องบู๊หนึ่งเดือน น่าจะเป็นเรื่องยาก

ทันใดนั้น ทุกคนหันไปมองเจียงสยง

เป็นผู้นำตระกูลเจียง เขาต้องเตรียมใช้บู๊ตลอดเวลา

หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม มองเขาด้วยแววตาดุร้าย ไม่ใช้บู๊ในระยะเวลาหนึ่งเดือน น่าจะไม่มีทางเป็นไปได้

“ผู้อาวุโสเจียง คุณทำได้ไหม”

เฝิงเสียวหว่านถามอย่างเคร่งขรึม

ถึงเธอไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านสังคมขนาดนั้น แต่กลับฉลาดเป็นกรด ตอนมาที่ตระกูลเจียงกับหยางเฉิน ก็เห็นว่าหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม กำเริบเสิบสานขนาดไหน

ในสถานการณ์แบบนี้ จะให้เจียงสยงไม่ใช้บู๊ เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน เป็นเรื่องยากมาก

“ฉันไม่สามารถรับรองได้!”

เจียงสยงพูดอย่างเคร่งขรึม

รักษาอาการป่วยให้หาย เขาดีใจมาก แต่ไม่สามารถรับประกันได้ ว่าจะไม่แตะต้องบู๊

“ถ้าคุณไม่สามารถรับประกันได้ ขออภัยที่ฉันไม่สามารถรักษาให้คุณได้”

เฝิงเสียวหว่านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เสียวหว่าน!”

หยางเฉินมองเฝิงเสียวหว่านอย่างไม่เข้าใจ ถึงเจียงสยงรับประกันไม่ได้ ว่าจะไม่แตะต้องบู๊ภายในหนึ่งเดือน เฝิงเสียวหว่านก็ไม่ควรปฏิเสธ

“พี่หยาง ปู่สอนฉันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าฉันมั่นใจในการรักษา ฉันจะรักษาได้ ก็ต่อเมื่อรับประกันได้ว่า ผู้ป่วยจะทำตามคำขอของฉัน”