“ขอรับ บ่าวจะติดต่อไปเดี๋ยวนี้” โกวเยว่พยักหน้าซ้ำๆ เขย่าระฆังดาราติดต่อเฉิงไท่เจ๋ออีก
เห็นได้ชัดว่าผลที่ได้จากการติดต่อครั้งนี้ไม่เลวเลย หลังจากเก็บระฆังดารา โกวเยว่ก็ตอบด้วยใบหน้ายิ้มว่า “ท่านอ๋อง เฉิงไท่เจ๋อบอกแล้ว ตอนนี้บนอาณาเขตของเขาไม่มีการป้องกัน ถ้าเกิดเรื่องอไรขึ้นแล้วดูแลไม่ทั่วถึงก็เป็นเรื่องปกติมาก เกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เบื้องล่างจะไม่มีใครรบกวน”
“หึ!” ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม แล้วหันไปจ้องโกวเยว่ “พวกลูกน้องของหนิวโหย่วเต๋อ ส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปก่อเรื่องนี้ตลาดสวรรค์ดาวอื่นแล้ว ต่อให้กำลังรวมตัวกันแต่ก็มาไม่ทันอยู่ดี ดังนั้นตอนนี้ในมือแทบจะไม่มีใครเลย อย่างมากก็มียอดฝีมือไม่กี่คนกับกำลังพลส่วนน้อยคอยคุ้มกัน เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ! ให้คนทางนั้นจับตาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของหนิวโหย่วเต๋อให้ดี ระดมทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนไปเดี๋ยวนี้ หักไม้กวนอุจจาระด้ามนี้ซะ!”
“รับทราบ!” โกวเยว่เอ่ยรับคำสั่ง ตอนที่เพิ่งจะหยิบระฆังดาราออกมา
“ช้าก่อน!” ใครจะคิดว่าจู่ๆ ก่วงลิ่งกงจะยกมือขึ้นห้ามเขาอีก
โกวเยว่มองเขาอย่างงงงวย จะกลับคำพูดเหรอ?
ก่วงลิ่งกงที่วางมือลงช้าๆ แล้วกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิด “แม้อ๋องผู้นี้จะเหม็นขี้หน้าเจ้าเด็กนั่น แต่ก็ต้องยอมรับ ก็เขาเป็นคนที่ชำนาญการทำศึกจริงๆ ศึกที่น่านฟ้าระกาติง ศึกที่สระน้ำมังกรดำ ไม่มีศึกไหนที่ไม่อาศัยกำลังน้อยโจมตีกำลังมากเลย ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูถูกไม่ได้ อิ๋งจิ่วกวงเป็นแบบนั้นก็เพราะดูถูกเขา ไม่มีจุดจบน่าเศร้าอย่างนี้ ข้าไม่เดินรอยตามอิ๋งจิ่วกวงหรอก กำลังพลหนึ่งแสนไม่พอ ระดมกำลังพลหนึ่งล้านแล้วกัน แล้วก็เอายอดฝีมือไปเยอะๆ จะได้ไม่ผิดพลาด กำจัดปัญหาคาราคาซังให้สิ้นซาก!”
“รับทราบ” โกวเยว่เอ่ยรับอีกครั้ง แล้วก็เขย่าระฆังดาราในมือ
“เดี๋ยวก่อน!” ก่วงลิ่งกงยกมือห้ามอีกครั้ง
โกวเยว่ตะลึงงัน กำลังสงสัยว่าวันนี้ท่านอ๋องเป็นอะไรไปแล้ว เหมือนจะไม่มีความเด็ดขาดเหมือนยามปกติ เอาแต่เป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียส่วนตัว
ก่วงลิ่งกงยกมือขยี้เครา ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วบอกว่า “เจ้าหนุ่มนั่นมีฝีมือที่น่าฝึกเลี้ยงจริงๆ ถ้าข้าเก็บไว้ให้ตัวเองใช้งาน จะต้องเป็นดาบคมในมือข้าแน่ ถ้าทำลายไปแบบนี้ก็อาจจะน่าเสียดายไปหน่อย! เอาอย่างนี้ เรื่องนี้จะต้องรักษาความลับให้ดีที่สุด ตอนลงมือถ้าจะเป็นได้ก็พยายามจะเป็นมา ทางที่ดีจับเขามาอย่างเป็นความลับ คิดหาทางทำให้เขายอมจำนนให้ได้ ให้เขาแอบมาพึ่งพาอ๋องผู้นี้ แบบนี้เรื่องจะสวยงามกว่าไหม?”
โกวเยว่ไตร่ตรองเล็กน้อย แล้วพยักหน้าบอกว่า “ตอนนี้กำลังพลที่อยู่ข้างกายเขาคงจะมีไม่เยอะ ความเคลื่อนไหวคงจะไม่คึกโครมมาก บ่าวคิดว่าทำได้ขอรับ!”
“จัดการตามนี้เถอะ!” ก่วงลิ่งกงโบกมือ ตัดสินใจครั้งสุดท้ายแล้ว อารมณ์ผ่อนคลายขึ้นแล้วไม่น้อย
โกวเยว่สังเกตการณ์ หลังจากแน่ใจแล้วว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจอีก ถึงได้แจกจ่ายงานนี้ลงไป…
ปี้เยว่มาแล้ว นางคุ้นเคยกับตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวนที่สุด โดยเฉพาะที่ตำหนักคุ้มเมือง
นางปลอมตัวมา เดินขึ้นไปบนตึกศาลาในสวนด้านหลัง เหมียวอี้มาพบนางด้วยตัวเอง
ปี้เยว่ถอดหน้ากากออก ดวงตาค่อนข้างแดง อารมณ์กังวลที่แสดงออกตรงหว่างคิ้วยากที่จะหายไป
เมื่อเห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของนาง เหมียวอี้ก็รู้แล้วว่านางยังกังวลเรื่องเทียนหยวน เขาเองก็เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับไห่ยวนเค่อเป็นอย่างไร เพราะไห่ผิงซินลูกสาวคนนั้นของนางได้พันธนาการนางไว้แล้ว แต่นางก็เป็นภรรยาของเทียนหยวน ไม่ว่าในอดีตเทียนหยวนจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร แต่ท่ามกลางสถานการณ์ในตอนนี้ เทียนหยวนยังใส่ใจความปลอดภัยของนางได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าปี้เยว่รู้สึกอย่างไร
เหมียวอี้รู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ พวกที่อยู่แดนอเวจีทำเรื่องอะไรลงไป ทำร้ายให้ผู้หญิงคนนี้ถูกบีบอยู่ระหว่างผู้ชายสองคน จะตัดก็ตัดไม่ขาด
เขายื่นมือเชิญให้ปี้เยว่นั่งลง แล้วรินน้ำชาวางตรงหน้านางด้วยตัวเอง เเขานั่งลงข้างๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้สถานการณ์ของเทียนหยวนเป็นยังไงบ้าง?”
ปี้เยว่จะมีอารมณ์มาดื่มน้ำชาได้อย่างไร นางส่ายหน้าตอบอย่างกลุ้มใจ “ตัดขาดการติดต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงกันแน่ ก่อนหน้านี้ตอนเที่ยงติดต่อกันได้ เขากำลังถูกไล่สังหาร ตอนนี้อาจจะ…” นางไม่ได้พูดคำอัปมงคลออกมา น้ำตาร้อนๆ สองสายไหลอาบใบหน้างามแล้ว
เหมียวอี้รีบบอกว่า “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้องไห้ ข้าถามเจ้าหน่อย นิสัยของเทียนหยวนเป็นยังไง เจ้าก็น่าจะรู้แล้ว ตามที่เจ้ารู้ม จะคิดว่าเทียนหยวนจะถวายชีวิตรับใช้อิ๋งจิ่วกวงจนตายเหรอ?”
ปี้เยว่สะอื้นพลางปาดน้ำตา พอจะเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ นางลองไตร่ตรองแล้วบอกว่า “คงจะไม่หรอก เขาฉลาดเรื่องเอาตัวรอด มิหนำซ้ำอิ๋งจิ่วกวงก็ตายไปแล้ว”
เหมียวอี้ปลอบใจนางอย่างเสแสร้งทันที “งั้นก็สิ้นเรื่องแล้ว ขอแค่ไม่ยอมสู้ตายจนถึงที่สุด เขาก็อาจจะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงแต่ว่าปลอดภัย ถ้าไม่ไหวจริงๆ เขาจะต้องยอมแพ้แน่ อย่างมากก็ลำบากนิดหน่อยเพราะกลายเป็นเชลยศึก ตราบใดที่รักษาชีวิตไว้ได้ ตอนหลังค่อยคิดหาทางอีกก็ยังไม่สาย”
เขากำลังหลอกลวงปี้เยว่ไม่เคยเห็นจริงๆ ว่าศึกใหญ่หน้าตาเป็นอย่างไร การตะลุมบอนขนาดใหญ่แบบนั้น การพลาดสังหารคนฝ่ายตัวเองเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าจะยอมแพ้ก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ไม่อย่างนั้นถ้ากำลังฆ่ากันจนตาแดงก็พูดยากแล้ว
ปี้เยว่พยักหน้า รู้สึกเบาใจแล้วไม่น้อย แต่ก็ถามเหมียวอี้อย่างเฝ้าคอยอีกว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วรับปากว่าจะช่วยหรือยัง?”
เหมียวอี้ถอนหายใจเบาๆ “ข้าเคยไปหาตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว แต่ฝั่งที่ลงมือคือกองทัพองครักษ์ ฝั่งกองทัพองครักษ์นั่น ตระกูลเซี่ยโห้วก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้เหมือนกัน ต่อให้แทรกแซงได้ก็ไม่ให้เขารู้หรอก เขาไม่รับปาก!” เหมียวอี้ส่ายหน้าอย่างจนใจ
เหตุผลนี้ทำให้ปี้เยว่เข้าใจได้ กองทัพองครักษ์คือเนื้อต้องห้ามของประมุขชิง การที่ตระกูลเซี่ยโห้วให้คำตอบแบบนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพียงแต่สีหน้านางก็ดูหดหู่ลงอีกหลายส่วน
เหมียวอี้วกกลับมาประเด็นหลัก “ปี้เยว่ บางอย่างที่เทียนหยวนพูดไว้ก็ไม่ผิด สายฉลูนี้กำลังจะกลายเป็นอาณาเขตของเฉิงไท่เจ๋อโดยสมบูรณ์แล้ว เฉิงไท่เจ๋อจะต้องกำจัดพรรคพวกที่เหลือของอิ๋งจิ่วกวงแน่นอน ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเทียนหยวนก็เห็นๆ กันอยู่ เป็นไปได้ยากที่เฉิงไท่เจ๋อจะปล่อยเจ้าไป ต่อให้ไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้มีชีวิตที่ดี ไปกับข้าเถอะ ข้าจะขอคำสั่งย้ายจากราชินีสวรรค์ให้ ย้ายเจ้าไปที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลของข้า ยศของเจ้าตอนอยู่ที่นี่ ที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลของข้าก็มีคนยศสูงไม่เยอะ ต่อให้เห็นแก่หน้าไห่ยวนเค่อ พอเจ้าไปแล้วข้าก็จะไม่ปฏิบัติต่อเจ้ายังขาดความยุติธรรม”
ปี้เยว่กลับลังเลตัดสินใจไม่ได้ “เจ้ากับตระกูลอิ๋งวุ่นวายจนกลายเป็นอย่างนั้นแล้ว ที่อิ๋งจิ่วกวงโดนโค่นล้มนั้นเจ้าก็มีส่วน การที่เทียนหยวนตกต่ำจะมีจุดจบแบบนี้ เจ้าก็เป็นสาเหตุหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเทียนหยวนโชคดีพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ แต่ข้ากลับไปอยู่กับเจ้าแล้ว ถ้าเขามารู้ทีหลัง ถ้าจะอธิบายยังไงล่ะ?”
เหมียวอี้ยักไหล่สองข้าง “นี่คือคำอธิบายที่ดีมาก! สี่ทัพสมคบกัน มีเพียงจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลที่ไม่ถูกรบกวน ในเวลานี้จะไม่มีทางไปแล้วถึงได้มาหาข้า อาศัยไมตรีในอดีตมาโน้มน้าว ข้าถึงได้ยอมรับไว้ ข้ารับประกันความปลอดภัยให้เจ้า เทียนหยวนควรจะขอบคุณข้าสิถึงจะถูก จนป่านนี้แล้ว ถ้าเทียนหยวนยังเอาแต่คิดถึงอิ๋งจิ่วกวง แบบนั้นต่างหากเรียกว่าสมองมีปัญหา”
ปี้เยว่พยักหน้าเงียบๆ
“เอาล่ะ! เจ้าพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย ข้ายังมีธุระอีกนิดหน่อย รอข้าจัดการงานที่นี่เสร็จก่อน เจ้าก็ตามข้ากลับไปที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลด้วยกัน ตกลงตามนี้” เหมียวอี้ลุกขึ้นยืนแล้วตัดสินใจให้ตรงนั้นเลย แล้วก็เรียกฝูชิงเข้ามา ให้พาปี้เยว่ไปพักผ่อน พร้อมสั่งไว้ด้วยว่าให้ดูแลให้ดี อย่าเมินเฉยเย็นชา
เมินเฉยเย็นชาไม่ได้จริงๆ เก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ในมือเขายังมีประโยชน์ ที่ลัทธิอู๋เลี่ยงไห่ยวนเค่อกุมอำนาจทางทหารเอาไว้พอสมควร
ตรงนี้เพิ่งจะส่งปี้เยว่ไป หยางเจาชิงก็วิ่งเข้ามารายงานว่า “นายท่าน ข่าวที่อิ๋งจิ่วกวงโดนโค่นล้มเริ่มแพร่ออกไปแล้ว ทางตลาดสวรรค์มีความเคลื่ิอนไหวไม่น้อย”
เหมียวอี้หัวเราะ “มันต้องแพร่ออกไปอยู่แล้ว สถานการณ์ภาพรวมถูกกำหนดแล้ว เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อต้องปลอบขวัญทหาร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ” ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ เขาก็ชะงักเล็กน้อย หยิบระฆังดาราอันหนึ่งอกมา รู้สึกพูดไม่ออกนิดหน่อย เมื่อครู่นี้ยังพูดเรื่องไห่ยวนเค่ออยู่เลย ตอนนี้ไห่ยวนเค่อส่งข่าวมาแล้ว สงสัยจะได้ยินข่าวมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนที่เงียบขรึมพูดน้อยคนนี้ต้องการจะพูดอะไร
เหมียวอี้ถามว่า : ขุนพลใหญ่มีเรื่องอะไรเหรอ?
ไห่ยวนเค่อถาม : ได้ยินว่าอิ๋งจิ่วกวงรบแพ้โดนประหาร เป็นเรื่องจริงหรอ?
เหมียวอี้ : ไม่ผิดหรอก
ไห่ยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงได้ถามว่า : ปี้เยว่จะติดร่างแหไปด้วยหรือเปล่า?
เหมียวอี้ : จะไม่ต้องห่วง นี่หรือที่ข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องของเจ้า พอเกิดเรื่องขึ้น ข้าก็รีบเรียกปี้เยว่ไม่อยู่ข้างกายแล้ว จะขอคำสั่งย้ายเดี๋ยวนี้ จะพานางไปแดนรัตติกาลด้วยกัน พอไปถึงอาณาเขตของพวกเราแล้ว จะวางใจได้เลย ไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างไร้ความยุติธรรมแน่
ไห่ยวนเค่อเงียบไปอีก ถามอีกว่า : สถานการณ์ของเทียนหยวนเป็นยังไงบ้าง?
เหมียวอี้อึ้งกับคำถามของเขา เจ้าหมอนี่ยังเป็นห่วงเทียนหยวนอีก ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? เขารู้สึกขำนิดหน่อย ตอบกลับไปว่า : ตอนนี้เป็นตายยังไงยังไม่รู้ชัดเจน! มีความเป็นไปได้สามอย่าง หนีไปแล้ว ตายไปแล้ว ถูกจับไปแล้ว
เขาไม่ได้บอกเรื่องที่ปี้เยว่ห่วงใยเทียนหยวน เขาอยากไม่เข้าไปยุ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของคนอื่น
แต่ใครจะคิดว่าไห่ยวนเค่อจะพูดประโยคง่ายๆ ได้ใจความกระจ่าง : เรื่องบางเรื่องสักวันหนึ่งก็ต้องจบลงอยู่ดี ปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ถ้าเทียนหยวนโดนจับเป็น ราชาปราชญ์ก็คิดหาทางช่วยข้ากำจัดเขาทิ้งเถอะ!
“…” เหมียวอี้พูดไม่ออก เมื่อครู่นี้ยังคิดอยู่เลยว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวคนอื่น ตอนนี้เรื่องมาถึงตัวแล้ว โหดมากทีเดียว ถ้าเทียนหยวนยังไม่ตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ลงดาบซ้ำ
เหมียวอี้พิจารณาเล็กน้อย แล้วตอบว่า : เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะพยายามช่วยจัดการให้เจ้าให้เรียบร้อย!
ไห่ยวนเค่อ : ขอบคุณ!
พูดจบก็หยุดติดต่อกัน
เหมียวอี้เองก็ไม่รู้ ว่าเขากำลังขอบคุณที่ตนช่วยปกป้องปี้เยว่ หรือกำลังขอบคุณที่ตนช่วยเขาสังหารศัตรูหัวใจ หรือไม่ก็ขอบคุณทั้งสองอย่าง
พอเก็บระฆังดาราแล้ว ก็เดินไปตรงหน้าต่างของสวนด้านหลัง มองฝูชิงนำปี้เยว่เดินออกไปด้วยตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ “เรื่องราวในโลกแปรผันไม่หยุดนิ่ง มีคนมากมายทำตามใจตัวเองไม่ได้ มีความเป็นความตายของคนเท่าไหร่รวมอยู่ในนั้น!”
หยางเจาชิงที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง
ตรงจุดที่อยู่ห่างไกลจากตลาดสวรรค์ คนกลุ่มหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า ผู้ที่นำหน้ามาก็คือลิ่งหูโต้วจ้งที่ปลอมตัวแล้ว แม่ทัพที่ติดตามมาล้วนเปลี่ยนใบหน้าแล้วทั้งหมด
ลิ่งหูโต้วจ้งเอียงหน้าบอกใบ้ มีคนหลายคนกระจายกันเข้าไปล้อมลาดสวรรค์ไว้ทันที ต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดรอบนอกตลาดสวรรค์
ส่วนลิ่งหูโต้วจ้งก็รีบนำคนไปที่นอกประตูเมืองของตลาดสวรรค์ เข้าไปทางประตูตะวันออก หลังจากเข้าเมืองมาแล้ว ท่ามกลางผู้ติดตามก็มีบางคนแฝงตัวเดินอยู่ตามถนนเงียบๆ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้รับผิดชอบรับมืออยู่ในเมือง
หลังจากยืนยันแล้วว่าวางกำลังไว้ข้างนอกและข้างในอย่างเหมาะสม ลิ่งหูโต้วจ้งถึงได้ติดต่อเส้าเซียงหัวฮูหยินของตัวเอง ให้นางติดต่ออวิ๋นจือชิวให้บอกข่าวเหมียวอี้ ว่าเขามาถึงแล้ว!
ไม่ได้บอกเหมียวอี้ล่วงหน้าว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บอกเช่นกันว่าตัวเองถึงไหนแล้ว
ในตำหนักคุ้มเมืองมีคนออกมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว แล้วนำพวกลิ่งหูโต้วจ้งเข้าไปข้างใน ไม่มีใครตรวจสอบพวกเขา
สำหรับเรื่องนี้ ลิ่งหูโต้วจ้งรู้สึกผิดคาด ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ยอมให้จับกุมแต่โดยดี จะต้องมีกำลังทหารมากมายตามมาด้วยแน่นอน แต่นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกล้ามาเจอเขาโดยไม่ค้นตัวเขา ไม่รู้ว่าใจกล้าจริงๆ หรือว่ามีอุบาย ที่จริงแล้วตัวคนไม่ได้อยู่ที่นี่เลย อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาบอกใบ้ให้คนทางซ้ายและขวาระวังตัว เตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลา
………………