บทที่ 1167 ร่างที่แท้จริง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,167 ร่างที่แท้จริง

หลินเป่ยเฉินเองก็เกิดความสนใจเช่นกัน

อาจารย์กำลังจะตื่นแล้วหรือ?

หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว เขาจะยังคงเป็นอาจารย์ติงคนเดิมหรือไม่?

สายโซ่ขนาดใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม คล้ายกับพวกมันกำลังส่งผ่านพลังที่รุนแรงสายหนึ่ง

และผนังหินที่อยู่รอบบ่อลาวาในขณะนี้ พวกมันก็กลับกลายเป็นสีแดงเข้มเช่นกัน

บ่อลาวาด้านล่างเกิดความปั่นป่วน

สภาพไม่ต่างไปจากหม้อต้มโจ๊กที่กำลังเดือดปุด

หากเซียวปิงมาอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงน้ำลายไหลแล้ว

หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่าความคิดเหล่านั้นปรากฏขึ้นในใจเขาได้อย่างไร

นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่กระแสพลังจำนวนมากไหลรินเข้าไปอยู่ในกระบี่ยักษ์กลางบ่อลาวา

หรือจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือกระแสพลังเหล่านั้นกำลังไหลเวียนเข้าไปสู่ร่างกายของติงซานฉือ

ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!

ได้ยินเหมือนเสียงอะไรบางอย่างกำลังไหม้ไฟในอากาศ

“อาจารย์ติงกำลังชาร์จพลังใช่ไหมเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินลอบอุทานอยู่ในใจ

ทันใดนั้น…

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ได้ยินเสียงทองคำและโลหะระเบิดตัวดังกังวานไปทั่วบริเวณ

แล้วลมหายใจต่อมา สายโซ่ขนาดใหญ่ก็ระเบิดกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยร่วงกราวลงสู่บ่อลาวาด้านล่าง

ปลายสายโซ่ที่ร้อยรัดลงไปใต้ผิวหนังของติงซานฉือเมื่อถูกกระชากขาดออกไป โลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากรูโบ๋จากสายโซ่เหล่านั้น ผิวหนังถลกเปิด สามารถมองเห็นได้ถึงกระดูกที่อยู่ด้านใน…

“ย๊ากกก…”

ติงซานฉือพลันลืมตาขึ้นมาระเบิดเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นปิดหน้าตนเอง

นึกสงสารและเวทนาอาจารย์อยู่ในใจ

อาจารย์ติงคงเจ็บปวดมาก

ไม่งั้นคงไม่ร้องโหยหวนเหมือนสุนัขข้างถนนเช่นนี้หรอก

ทันใดนั้น ติงซานฉือลุกขึ้นยืน

ร่างกายปกคลุมด้วยม่านพลังเปลวไฟสีแดงเข้ม ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่ปรากฏบนโซ่หินและผนังหินรอบบ่อลาวา มิหนำซ้ำ บนผิวหนังของอาจารย์ติงยังปรากฏอักขระโบราณจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณต้นคอ หัวไหล่หรือพื้นที่อื่นๆ บนผิวหนังราวกับเป็นรอยสักแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง

เมื่อจินตนาการภาพของติงซานฉือมีรอยสักเต็มตัว หลินเป่ยเฉินก็นึกตลกขบขันขึ้นมาทันที

เพราะหากรอยสักเหล่านี้ปรากฏขึ้นเต็มใบหน้าของอาจารย์ติง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าคิดเลยว่าอาจารย์ของตนเองจะมีหน้าตาอัปลักษณ์มากกว่าเดิมขนาดไหน

แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินตั้งสติได้ เขาก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ปัญหา

เพราะในเมื่ออาจารย์ติงอัปลักษณ์อยู่แล้ว ต่อให้บนใบหน้าเพิ่มรอยสักเป็นปื้น ๆ เข้าไป อาจารย์ของเขาก็คงไม่สามารถอัปลักษณ์มากไปกว่าเดิมได้อีก

มิหนำซ้ำ มันอาจจะสร้างเอกลักษณ์ทำให้อาจารย์ติงโดดเด่นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

ครืน!

บ่อลาวาเกิดการสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง

อาการบาดเจ็บจากการที่ถูกกระชากสายโซ่ออกไปจากร่างกายฟื้นฟูขึ้นมารวดเร็วจนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างกายของติงซานฉือก็ไม่มีบาดแผลให้เห็นอีก

และกระบี่ยักษ์ที่อยู่ใต้เท้าเขาก็เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน

ส่วนตัวของติงซานฉือกำลังลอยอยู่ในอากาศ

เส้นผมสีดำยาวสลวยปลิวไสวในอากาศไม่ต่างจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชน

ติงซานฉือส่งเสียงร้องอันแปลกประหลาดออกมาจากลำคอ ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสไปที่ด้ามจับกระบี่ใจกลางบ่อลาวา

ครืน!

การสั่นสะเทือนของบ่อลาวายิ่งรุนแรงมากขึ้น

ราวกับว่าสุสานใต้ดินแห่งนี้พร้อมพังถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

แต่ในขณะที่เกิดการสั่นสะเทือนนี้ กระบี่ที่ถูกปักอยู่ใจกลางบ่อลาวาก็ค่อย ๆ ถูกดึงขึ้นมา

ติงซานฉือสามารถชักกระบี่ขึ้นมาได้สำเร็จ

เขานำกระบี่เล่มนั้นขึ้นมาจากบ่อลาวาได้สำเร็จแล้ว

“เชี่ยไรเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินตกตะลึงจนอุทานคำหยาบออกมา

เพราะปรากฏว่ากระบี่ยักษ์ที่แต่เดิมเขาเข้าใจว่ามันคงเป็นก้อนหินแกะสลักขนาดใหญ่ แท้จริงแล้วมันคือกระบี่เล่มหนึ่งจริง ๆ

ไม่ใช่ก้อนหินที่ถูกแกะสลักเพื่อความสวยงาม

และในโลกนี้ ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถแกะสลักก้อนหินใหญ่ให้ออกมาเป็นกระบี่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

ร่างของติงซานฉือเมื่อเทียบกับกระบี่ยักษ์เล่มนี้ แทบไม่ต่างจากแมลงวันปลายตะเกียบตัวหนึ่ง

ถือเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันมากเกินไป

และพลังของจอมมารที่ถูกเปิดผนึกก็เข้าสู่ร่างกายของติงซานฉือ และทำให้อาจารย์ของหลินเป่ยเฉินสามารถดึงกระบี่ยักษ์ขึ้นมาจากบ่อลาวาได้สำเร็จ

ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจของหลินเป่ยเฉินจึงได้นึกถึงภาพซุนหงอคงกำลังดึงเสาค้ำสมุทรขึ้นมาเป็นกระบองวิเศษของตนเอง

เพียงพริบตาเดียว กระบี่ยักษ์ที่มีความสูงเท่ากับตึกหลายสิบชั้นก็ถูกดึงขึ้นมาด้วยฝีมือของติงซานฉือ

กระบี่เล่มนี้มีพื้นผิวขรุขระคล้ายกับปะการัง หยดลาวากำลังไหลรินลงไปจากตัวกระบี่ไม่ต่างจากโลหิต

นับเป็นภาพที่มหัศจรรย์เหลือเกิน

“จงเล็กลง จงเล็กลง จงเล็กลง…”

ติงซานฉือร้องคำรามออกมาขณะที่เส้นผมปลิวไสวไปด้านหลัง

แล้วกระบี่ในมือของเขาก็เริ่มหดเล็กลง

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าแปลกประหลาด

สุดยอด

นี่อาจารย์เขามีพลังย่อขนาดสิ่งของได้ด้วยหรือนี่?

หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง เด็กหนุ่มคงนึกว่านี่เป็นเนื้อหาในนิยายออนไลน์สักเรื่องแน่ๆ และดีไม่ดีคนที่เขียนเรื่องนี้อาจจะถูกคนอ่านด่าว่าก๊อบปี้ฉากในไซอิ๋วมาทั้งดุ้นด้วยซ้ำ

หลังจากส่งเสียงคำรามว่า ‘จงเล็กลง’ อยู่หลายรอบ ในที่สุด กระบี่ยักษ์ก็กลับกลายเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่งในมือของติงซานฉือ

เศษหินปูนที่เกาะอยู่บนตัวกระบี่ตลอดระยะเวลาหลายปีหลุดล่อนออกไป

ตัวกระบี่มีสีขาวสะอาดตาแตกต่างจากกระบี่ทั่วไป ใบกระบี่มีลักษณะมน ไม่แหลมคม ส่วนจุดที่แหลมคมของกระบี่เล่มนี้อยู่ที่ปลายกระบี่เท่านั้น

ชัดเจนว่ากระบี่เล่มนี้สามารถใช้แทงได้อย่างเดียว

หากไม่บอกว่าเป็นกระบี่ หลินเป่ยเฉินคงเข้าใจว่ามันเป็นไม้เท้าด้ามหนึ่ง

ให้ตายสิ

ไม้เท้าที่ขยายขนาดยืดได้หดได้

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น

ขณะนี้ ติงซานฉือสามารถสะกดกระบี่เล่มนี้ได้อยู่หมัดแล้ว

ตัวกระบี่สาดประกายแวววาว

หลังจากนั้น มวลลาวาที่อยู่ในบ่อด้านล่างก็ถูกดูดซับเข้ามาในกระบี่เล่มนี้

เพียงพริบตาเดียว ระดับน้ำในบ่อลาวาก็ลดลงอย่างน่าตกใจ

เพียงชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วยเท่านั้น หากเทียบกับระดับความสูงในโลกมนุษย์ยุคปัจจุบัน ระดับของลาวาในบ่อก็ลดลงไปกว่าสองร้อยเมตร

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

กระบี่เล่มเล็ก ๆ ในมือของติงซานฉือสามารถดูดซับลาวาได้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?

เพียงไม่นาน ตัวกระบี่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ลายอักขระโบราณสีแดงบนตัวติงซานฉือยิ่งเด่นชัดมากขึ้น คล้ายกับว่าอาจารย์ของหลินเป่ยเฉินกำลังใช้วิชาอะไรบางอย่างดูดซับพลังจากมวลลาวาเข้าสู่ตัวกระบี่ และมวลพลังจากตัวกระบี่ก็ถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของเขาอีกทีหนึ่ง

เมื่อตัวกระบี่กลับมามีสภาพเป็นหินหยกขาวดังเดิม ร่างของติงซานฉือก็ขยายขนาดสูงใหญ่มากกว่าเดิมถึงสองเท่า

ไม่เพียงแต่จะยืดหดกระบี่ได้ แม้แต่ร่างกายตัวเอง อาจารย์ติงก็สามารถยืดหดได้เช่นกัน?

ถ้าอย่างนั้น…

ความคิดสัปดนปรากฏขึ้นในหัวสมองของหลินเป่ยเฉิน

ลู่กวนไห่ผู้ยืนอยู่ด้านข้างกำลังจ้องมองไปที่ติงซานฉือด้วยแววตาเคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่าการปลุกวิญญาณจอมมารในครั้งนี้ดำเนินมาถึงช่วงสำคัญแล้ว

อักขระโบราณบนร่างกายของติงซานฉือส่องแสงระยิบระยับ ตัวคนลุกเป็นไฟ แทบจะกลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดย่อมดวงหนึ่ง

แสงสว่างที่เจิดจ้าทำให้หลินเป่ยเฉินต้องยกมือขึ้นป้องตา

ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป แสงสว่างเหล่านั้นก็จางหายไป

เมื่อหลินเป่ยเฉินเงยหน้ามอง เขาก็ต้องตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาด

อาจารย์ติงอยู่ที่ไหน?

อาจารย์ติงหายไปไหนแล้ว?

เพราะสูงขึ้นไปในอากาศขณะนี้ ปรากฏบุรุษหนุ่มร่างกายกำยำผู้หนึ่งลอยตัวอยู่ด้วยท่วงท่าสง่างาม เส้นผมยาวประบ่าของเขามีสีแดงเพลิงปลิวไสวในอากาศ ผิวขาวเนียนปราศจากราคี ร่างกายสวมใส่ชุดเกราะสีแดง ดูองอาจผ่าเผยไม่ต่างไปจากเทพเจ้าแห่งสงคราม…

ไอ้หมอนี่เป็นใครกันอีกละเนี่ย?

ซ้ำใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นยังหล่อเหลามากอีกด้วย

หลายคำถามปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉิน

“สำเร็จแล้ว”

ลู่กวนไห่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ

หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ หันไปมองหน้านาง “อย่าบอกนะว่า… พ่อหนุ่มหน้ามนคนหล่อผู้นี้… คืออาจารย์ติงของข้า?”

“ใช่แล้ว นี่คือร่างที่แท้จริงของท่านจอมมาร”

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะนางดื่มไวน์แดงมากเกินไปหรือไม่ หรือมันจะเป็นเพราะความตื่นเต้นมากเกินไป ความเย็นชาบนใบหน้าของลู่กวนไห่จึงสลายหายไปหมดสิ้น ใบหน้าของนางในยามนี้ประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุขและกระตือรือร้นไม่ต่างจากสาวน้อยผู้หนึ่ง

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

ขณะนี้ เขาเข้าใจเรื่องราวสำคัญบางประการแล้ว!!