ตอนที่ 2,496 : เปี่ยวเม่ย…
(*เปี่ยวเม่ย = ลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ที่เป็นผู้หญิงและมีอายุน้อยกว่าขอทัพศัพท์นะ)
ในบรรดาอิสตรีนั้น มีบางคนที่รู้สึกว่าตลอดชั่วชีวิตนี้…เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเองจะมีวันหวั่นไหวและต้องตาพึงใจบุรุษคนไหนได้…
อนิจจา…อิสตรีจำพวกนี้ เมื่อถึงวันหนึ่งที่พวกนางบังเกิดความต้องตาพึงใจและหวั่นไหวกับบุรุษคนใดขึ้นมาล่ะก็…
หัวใจของนาง จะถูกบุรุษคนนั้นบุกเข้ามาครอบครองไปอย่างยากจะถอนตัว…
กระทั่งตลอดชั่วชีวิต พวกนางมักปิดตายหัวใจและไม่เปิดรับบุรุษผู้ใดเข้ามาอีกเลย…
และพอดี หวงเหวินจิ้ง กลับเป็นสตรีประเภทที่ว่า…
ย้อนกลับไปตอนนั้น ที่ต้วนหลิงเทียนเผยพลังอันน่าเกรงขามในวังเซียนสัญจร และเข่นฆ่าอาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ เลี่ยวหนันเจียง ซึ่งเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์…หวงเหวินจิ้งก็รู้ตัวดีว่าระหว่างนางกับบุรุษผู้นี้ไม่มีวันเป็นไปได้…
แต่กระนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน ในใจนางไม่อาจลบเลือนบุรุษผู้นี้ได้เลย…
‘พลังฝีมือของมัน…ก้าวหน้าขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ?’
ตอนที่นางพึ่งขึ้นมาถึงภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่นาน และได้ยินข่าวลือเรื่องที่บุรุษคนนั้นกลับกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ไปแล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวาบหวามและเต็มไปด้วยความภาคภูมิ…
เพราะสุดท้ายนั่นก็คือบุรุษที่นาง หวงเหวินจิ้ง หลงรัก!
ยิ่งบุรุษคนนั้นทรงพลังแกร่งกล้ามากเท่าไหร่ ยิ่งบ่งบอกว่าสายตามองบุรุษของนางนั้นเลิศล้ำมากเท่านั้น!
‘ถูกเผ่ามังกรตามราวีเช่นนี้…มันเป็นอย่างไรบ้าง’
อนิจจาตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลังขึ้นมาอาศัยอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน นางกลับไม่ได้ยินข่าวเรื่องราวของบุรุษที่นางหลงรักอีกเลย ใจนางจึงหวั่นวิตกและมักเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกฝ่ายเสมอ กลัวว่าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วจะได้รับทราบข่าวร้ายเรื่องชายคนนั้นถูกเผ่ามังกรเข่นฆ่าตกตายไปแล้ว…
หลังจากผ่านไปไม่กี่ปีในที่สุดนางก็ได้รับทราบข่าวคราวของบุรุษคนนั้นอีกครั้ง และเนื้อข่าวยังทำให้นางอดไม่ได้ที่จะโล่งใจ กระทั่งยังบังเกิดความภาคภูมิใจมากกว่าเดิม
บุรุษผู้นั้นแม้พลังฝึกปรือจะยังอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนเดิม แต่พลังฝีมือกลับทัดเทียมขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว!
เรื่องนี้เผยให้เห็นว่า
นางหวงเหวินจิ้ง ตาถึงเพียงใด!
“ข้าเชื่อว่า…ข่าวลือเรื่องมันมิควรเป็นเรื่องแปลกปลอมแน่นอน”
หลังหวงฉี่หลิงกล่าวถามไปสักพัก ในที่สุดหวงเหวินจิ้งก็ปริปากกล่าวตอบคำ “ส่วนข่าวเรื่องภรรยาของมัน ก็มิควรแปลกปลอมเช่นกัน”
กล่าวถึงท้ายประโยค ลึกลงไปในแววตาของหวงเหวินจิ้งก็อดเผยความอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
นางไม่ได้อิจฉาพลังฝีมือของสตรีผู้นั้น…
แต่สิ่งที่นางอิจฉาคือ สตรีผู้นั้นกลับได้อยู่เคียงข้างมัน!
“ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
หวงฉี่หลิงพยักหน้าเห็นด้วย “ถึงแม้ตอนฟังครั้งแรกข้าเองก็รู้สึกว่าข่าวลือนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินจริงไปหน่อย…แต่พอข่าวลือนี้เป็นของน้องหลิงเทียน ข้ารู้สึกว่ามันสมควรเป็นแบบนั้นไม่ผิดแน่…”
…
“มีข่าว…ของนายท่านแล้วงั้นหรือ?”
จ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะออกจากวังเซียนสัญจร มันก็ได้กล่าวคำสาบานว่าจะยอมติดตามรับใช้ต้วนหลิงเทียนไปแล้ว เช่นนั้นพอได้ยินข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียน มันก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“แม้ไม่ทราบว่าข่าวของนายท่านที่แท้จริงหรือเท็จ…แต่นายท่านสมควรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้วเป็นแน่! ไม่รู้หากนายท่านมาติดตามหาความเรื่องราวที่ฝากฝังข้าวันนั้น แต่ข้ากลับมิอาจหาเบาะแสใดๆได้เลย…ไม่รู้จะไปอธิบายให้นายท่านฟังเช่นไร…”
ย้อนกลับไปตอนนั้น ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเดินทางออกจากวังเซียนสัญจร เขาก็ได้สั่งอวี่เหวินฮ่าวเฉินเอาไว้ ว่าให้ทุ่มกำลังตามหาเบาะแสของบิดามารดาเขา…
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้อวี่เหวินฮ่าวเฉินจะทุ่มกำลังและทรัพยากรออกไปไม่น้อย แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆเลย
“เป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!?”
“ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่น…ไฉนจะมีพลังฝีมือสูงส่งถึงขนาดนี้ได้! ปลอม! นี่ต้องเป็นข่าวลวงที่พวกมนุษย์จงใจปั้นแต่งขึ้นมาแน่!!”
ที่ไหนสักแห่งภายในภาคเหนือ อดีตประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ หยางเจิ้นซิง หลังจากได้ยินข่าวลือเรื่องต้วนหลิงเทียนกับภรรยาแล้วสีหน้ามันก็มืดลงพักหนึ่ง ค่อยส่ายหัวไปมาราวคนบ้า…ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าข่าวที่พึ่งได้ยินเป็นความจริง!
วันนั้นหลังจากที่อาจารย์ของมันถูกฆ่าตายลงต่อหน้าต่อตา มันก็ได้ใช้ ‘ยันต์หลบหนีอัคคีผลาญโลหิต’ เพื่อหนีตายมา
และหลังจากที่หลบหนีมาได้ มันก็เร่งรุดเดินทางกลับแดนเนรเทศ เพื่อไปติดต่อกับเซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจมนุษย์…
อย่างไรก็ตามแม้สุดท้ายมันจะนำพาเซียนอมตะเสเพลมาได้สำเร็จ…
แต่ต้วนหลิงเทียนได้จากไปแล้ว กระทั่งยังหายลับไปอย่างไร้ข่าวคราว!
หลังจากที่ขึ้นมาอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนได้สักพัก หยางเจิ้นซิงก็เชื่อว่า ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกเผ่ามังกรเข่นฆ่าไปแล้วเป็นแน่ หาไม่แล้วคนจะหายไปอย่างไร้ข่าวคราวได้อย่างไร?
เรื่องนี้ทำให้มันร่าเริงใจทั้งยินดีไปพักใหญ่ที่ศัตรูฆ่าอาจารย์ในที่สุดก็ตกตายไป!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ในที่สุดก็มีข่าวต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข่าวที่ลือกันว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนได้ทรงพลังถึงขั้นทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
มันไหนเลยจะกล้าเชื่อเรื่องราวได้ลงคอ!
ทางตอนเหนืออันเต็มไปด้วยธารน้ำแข็งหนาไม่ละลายมานับหมื่นปี แต่เดิมที่เคยสงบ…
อยู่ๆ ความสงบเงียบของธารน้ำแข็งดังกล่าว ก็ถูกทำลายลงในชั่วพริบตา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ปรากฏเสียงแหวกฝ่าอากาศด้วยความเร็วสูงดังลงมาจากฟากฟ้าเหนือธารน้ำแข็ง
มองไปเป็นร่างที่กำลังเคลื่อนไหวฉับไว หำลังเหินมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน และไม่ว่าร่างพวกมันเหินผ่านที่ใด…จุดนั้นล้วนคงเหลือรอยแยกมืดดำทิ้งไว้เป็นทาง!
เรียกว่าร่างเหล่านี้ประหนึ่งตัวทลายฟ้าก็ว่า ผ่านพ้นไปที่ใดความว่างเปล่าตรงนั้นก็หาความสมบูรณ์ไม่เจอ…
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ครู่ต่อมาก็เห็นเป็นร่างทั้งสิ้น 7 ร่างที่มาจากทิศทางแตกต่างกัน ได้หยุดลอยเหนือธารน้ำแข็งเปลี่ยร้างที่เคยสงบเงียบ ทั้งหมดหยุดลงกลางหาว ณ จุดหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงดั่งจะนัดกันมาก็ไม่ปาน
“พวกเจ้า…ได้ยินข่าวกันแล้วหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนในชุดดำคนหนึ่งที่หยุดร่างค้างกลางหาว หันไปมองถามอีก 6 ร่างด้วยใบหน้าแลดูดุดันน่ากลัว ช่างขู่ขวัญชวนให้ผู้คนหวาดผวานัก!
ไม่ใช่ว่ามันจงใจชักใบหน้าดุร้ายขู่ขวัญผู้คนแต่อย่างใด เพียงแค่มารดามันให้ใบหน้าที่ทารกเห็นยังต้องหยุดร้องไห้ ทั้งผลักไสไล่แขกให้ถอยห่างไปนับพันลี้นี้มาตั้งแต่เกิด….
“อืม”
“ข้าได้ยินมาแล้ว”
…
อีก 6 คนที่ลอยกลางฟ้า ทยอยกันพยักหน้าขานรับคนแล้วคนเล่าจนครบ
เปรี๊ยะ!
และเมื่อทั้ง 7 ร่างหยุดค้างกลางฟ้าเหนือธารน้ำแข็งได้ไม่นาน ทันใดนั้นธารน้ำแข็งเบื้องล่างก็บังเกิดเสียงปริร้าวหนึ่งลั่นขึ้น!
พวกมันหันลงไปมองเบื้องล่างทันใด จึงพบว่าอยู่ๆ ธารน้ำแข็งที่เคยราบเรียบดั่งกระจกเบื้องล่าง อยู่ๆก็บังเกิดรอยแตกอันน่ากลัวขึ้นหลายจุด
กระทั่งรอยแตกดังกล่าวยั่งลุกลามออกไปรอบข้างอย่างสะเปะสะปะ สุดท้ายจึงมองไปคล้ายใยแมงมุมอยู่บ้าง
เปรี๊ยะ! ครึก! ครึ่ก!!
ยิ่งใยแมงมุมโยงใยแผ่ขยายออกไปมากเท่าไหร่ เสียงปริแตกยิ่งดังขึ้น สุดท้ายแผ่นน้ำแข็งก็เริ่มปริแตกแยกตัวหนักข้อ!
ปงงงง!
และครู่ต่อมาอยู่ๆธารน้ำแข็งที่ผิวหน้าปริร้าวราวใยแมงมุมก็บังเกิดการระเบิดขึ้นมา! ณ จุดที่เกิดการระเบิด แผ่นน้ำแข็งยังคล้ายถูกบางสิ่งเจาะทะลวงขึ้นมาด้วยความเร็วสูง! เศษน้ำแข็งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สาดกระเด็นร่วงลงบินผิวธารน้ำแข็งรอบๆ ส่งเสียงดังป็อกแป็ก…
เป็นชายชราผู้หนึ่งที่เหินพุ่งขึ้นมาจากใต้ธารน้ำแข็งอันเยือกเย็นขึ้นมาปรากฏตัวกลางหาวใกล้ๆพวกมันทั้ง 7!
“พวกเจ้า…มาหาข้ามีธุระอันใด?”
ท่ามกลางเศษซากน้ำแข็งที่กำลังร่วงตกส่งเสียงดังป็อกแป็ก ได้ยินเสียงกล่าวถามอันเยียบเย็นดังขึ้นจากร่างชราที่พึ่งปรากฏตัว…
แม้เสียงกล่าวถามที่ว่าจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้หน้าของทั้ง 7 เปลี่ยนสีไปทันที
“คารวะใต้เท้าอู๋จี๋!”
“คารวะใต้เท้าอู๋จี๋!”
…
หลังร่างทั้ง 7 สั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง พวกมันเมื่อดึงสติกลับคืนได้ ก็เร่งรุดประสานมือโค้งคารวะทักทายร่างชายชราที่พึ่งพุ่งขึ้นมาจากธารน้ำแข็งอย่างเรียบๆร้อยๆ หลังจากนั้นทั้ง 7 หันหน้ามองกันพักหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นชายที่มีใบหน้าทารกเห็นยังหยุดร่ำไห้เริ่มเล่าเรื่องราวออกมาให้ชายชราฟัง
หากใครมาเห็นร่างทั้ง 7 ที่กำลังเล่าเรื่องราวอย่างนอบน้อมแลดูเรียบๆร้อยๆอยู่นี้ คงอดไม่ได้ที่จะตกใจกันยกใหญ่
เพราะไม่ว่าจะเป็นใครในบรรดาทั้ง 7 ก็ล้วนแล้วแต่เป็นดั่งยักษ์ใหญ่ของเผ่าปีศาจ!
ไม่มีข้อยกเว้น…พวกมันทั้ง 7 ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!
ทว่าต่อหน้าร่างชายชราผู้นี้ เซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์ทั้ง 7 ของเผ่าปีศาจยังต้องโค้งคารวะ! กระทั่งประพฤติตัวเรียบๆร้อยๆราวเด็กน้อยเชื่อฟัง!!
ชายชราที่ว่า รูปร่างหน้าตาของมันแลดูธรรมดาสามัญไม่มีจุดเด่นอันใด เกรงว่าหากนำไปปล่อยไว้กลางฝูงชน ก็คงยากจะหาตัวมันเจอ…
อย่างไรก็ตามชายชราที่แลดูสามัญผู้นี้ เมื่อทำให้เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ถึงกับคารวะนอบน้อมได้ เกรงว่าคงไม่ใช่ธรรมดาสามัญดั่งเช่นหน้าตาแน่แล้ว!
และมันก็คือ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!!
“เรื่องประมุขเผ่ามังกรตกตาย ยืนยันแน่แล้วหรือ?”
หลังได้รับทราบจากทั้ง 7 ว่าในภูมิภาคเบื้องบนมีข่าวลือน่าเหลือเชื่อแพร่กระจายออกมา ชายชราที่ถูกเรียกหาว่า ‘ใต้เท้าอู๋จี๋’ จากเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์ทั้ง 7 ผู้นี้ แต่เดิมที่มีสีหน้าเฉยเมย ก็เผยความหวาดกลัวตึงเครียดออกมาทันที
เรื่องประมุขเผ่ามังกรเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ มันได้รู้ไม่นานหลังจากที่เผ่าปีศาจบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน…
ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ได้ประมือกับประมุขเผ่ามังกรมาแล้ว หากทว่าต่างฝ่ายต่างกินกันไม่ลง สุดท้ายก็ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ
ทว่าตอนนี้มันกลับได้ฟังเรื่องที่ประมุขเผ่ามังกรถูกฆ่าตาย ไหนเลยจะไม่หวาดกลัวได้?
ในเมื่อคนผู้นั้นเข่นฆ่าสังหารประมุขเผ่ามังกรได้ง่ายดาย มิใช่หมายความว่าสามารถสังหารมันได้ง่ายๆเช่นกันหรือไร?
“หลังจากที่พวกเราออกไปยืนยันข่าวได้ไม่ทันไร ทางเผ่ามังกรก็ออกแถลงการณ์ยกใหญ่…ว่าจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีกต่อไป! เช่นนั้นเรื่องที่ร่ำลือกันสมควรเป็นความจริงเต็มสิบส่วนใต้เท้า!”
เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์คนหนึ่งในบรรดาทั้ง 7กล่าวออกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข่าวนี้มิน่าใช้ข่าวโคมลอยแต่อย่างใดใต้เท้า…”
อีก 1 เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์กล่าวเสริม
…
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย
ว่าตอนนี้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจได้รับทราบเรื่องราวที่เค่อเอ๋อภรรยาของเขาฆ่าประมุขเผ่ามังกรได้อย่างง่ายดายเรียบร้อยแล้ว แถมมันยังหวาดกลัวภรรยาเขาไม่น้อย
“ที่นี่…ก็ไม่พบ…”
“หรือที่แท้ พวกท่านพ่อกับท่านแม่ขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนแล้ว?”
หลังจากต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อย้อนกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องล่าง ทั้งคู่ก็เริ่มทำการปูพรมค้นหาไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างอย่างตั้งใจ หมายหาบิดามารดาและครอบครัวให้พบ…
ทว่าหลังผ่านไป 2 เดือน กลับไม่พบเจอร่องรอยใดๆเลย
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปทำนองดังกล่าว
“พี่เทียน…ในเมื่อพวกเราหาทั่วภูมิภาคเบื้องล่างแล้วแต่ไม่พบ เช่นนั้นกลับไปหาที่ภูมิภาคเบื้องบนกันต่อเลยดีหรือไม่?”
ได้ยินคำกล่าวพึมพำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อก็กล่าวถามออกมาทันที
“เอาสิ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยเอื้อมมือไปเกลี่ยผมเค่อเอ๋อพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เค่อเอ๋อ 2 เดือนมานี้ลำบากเจ้าแล้ว…หากไม่ใช่เพราะเจ้า ลำพังข้ากว่าจะตระเวณหาให้ทั่วภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ 2-3 เดือนแน่…”
ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา หากมได้สำนึกเทวะอันทรงพลังที่มีอาณารัศมีกว้างใหญ่ของเค่อเอ๋อ คงไม่มีทางเลยที่สามารถค้นหาได้ทุกซอกทุกมุมของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้
“พี่เทียน ระหว่างข้ากับท่าน พวกเราไหนเลยยังต้องกล่าวเช่นนี้อีก…”
เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาเบาๆ ค่อยมองตาต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอ่อนโยน
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อ เตรียมตัวเดินทางกลับขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนนั้นเอง
บังเกิดเสียงหนึ่งอันราวกับจะดังมาจากทุกทิศทางก้องกังวานไปในอากาศ…พาลให้ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย!
ทว่าสีหน้าเค่อเอ๋อกลับแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ยังฉายชัดถึงความตื่นตระหนก!
“เปี่ยวเม่ย…”
ฟังจากเสียงคล้ายผู้พูดกำลังมีโทสะ อีกทั้งยังเป็นโทสะอันเดือดดาลนัก!
และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตกใจเพราะได้ยินเสียงดังกล่าว เขาผลันสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลขุมหนึ่งที่กำลังแผ่มาปกคลุมตัวเขาอย่างฉับพลัน!
ดั่งมีค้อนอันเขื่องฟาดทุบเข้ากลางอกก็ไม่ปาน อวัยวะภายในของเขาถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างแรง!
“อั๊คค–!”
ไม่ทันไร ด้วยแรงกดดันอันมหาศาล น้ำแดงฉานพลันกระอักออกปากต้วนหลิงเทียนคำใหญ่!