ตอนที่ 2498

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,498 : บุปผาวิญญาณลี้ลับ ไส้เดือนฝอยทอง

 

 

ในระนาบเทวโลกนั้น ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะ จะมีโอสถอมตะอย่างโอสถเฉียนจิน ที่สามารถยกระดับพลังฝึกปรือในขอบเขตนี้ให้ก้าวขึ้นไปได้อีกขั้นโดยตรง หากแต่จะมีผลเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียน ก็มีโอสเหยียนจิน ที่สามารถยกระดับผู้ฝึกตนขอบเขตนี้ให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้โดยตรง สำหรับขอบเขตจินเซียนก็มีโอสถหลิวจินให้ใช้ สรรพคุณก็คล้ายๆกัน

 

วันนี้ที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงออกจากที่พักและไปนั่งในเหลาจนเจอกับหวงเจียหลงได้ ก็เป็นเพราะเมื่อวานเขาทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ได้สำเร็จแล้วนั่นเอง

 

หลังจากใช้เวลาไปหนึ่งคืนเขาก็สามารถปรับด่านพลังให้เสถียรแล้วเสร็จ เช้าวันนี้เขาจึงพาหลิวก่วงหลินออกไปนั่งในเหลาอาหารเพื่อพักผ่อน…

 

และหลังจากที่ทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะทะลวงให้ถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดโดยเร็วที่สุด!

 

ด้วยวิธีนี้การเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในอีกครึ่งปีให้หลัง เขาจะได้มีความสามารถมากพอเอาตัวรอดภายในนั้น เพราะหลังจากที่เขาฟังๆมา ด้านในนับว่ามีภยันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว

 

สิบคนที่เข้าไปด้านใน บางทีกลับออกมาไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

 

‘อย่างไรเสียแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็จำกัดด่านพลังของผู้เข้าเอาไว้ ให้ไม่อาจเกินยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด…ยิ่งไปกว่านั้นกระทั่งผู้ที่เข้าไป แม้ตอนเข้าจะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่หากบังเอิญทะลวงด่านพลังในนั้นจนกลายเป็นขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด ก็จะถูกส่งตัวออกมาทันที’

 

‘หมายความว่าหากข้าตกอยู่ในอันตรายถึงตาย ถึงจะสามารถใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเพื่อรอดชีวิตได้ แต่ข้าก็อาจจะถูกขับออกกมาจากแดนลับนั่นทันทีเหมือนกัน…’

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะบรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดให้ได้ก่อนที่จะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ เพื่อให้เขามีพลังสามารถมากพอที่จะเอาตัวรอดในนั้น

 

และในปัจจุบันเขาก็มุ่งหวังไปที่โอสถเฉียนจิน

 

โอสถเฉียนจินนั้น เป็นโอสถอมตะระดับสูงที่ในบรรดาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหมื่นคน อาจไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หลอมมันออกมาได้…

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง และครอบครองเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 3 ต้วนหลิงเทียนมีความมั่นใจมากกว่า 7 ส่วน ว่าเขาจะหลอมมันออกมาได้สำเร็จ!

 

นี่ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในตัวเองเท่านั้น แต่เขายังมั่นใจในพลังอำนาจของเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 3 อีกด้วย

 

เดิมทีก็ต้องขอบคุณความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่เป็นดั่งรากฐานให้เพลิงเทพโกลาหลอาศัยความรู้นี้ต่อยอด จนสุดท้ายก็ช่วยเขายกระดับทักษะในการหลอมโอสถ ทำให้ความสามารถในการหลอมโอสถของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราด

 

ถึงขั้นที่ตอนนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางทั่วไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีความสามารถเท่าเขา!

 

และในงานสมัชชาเต๋าโอสถครั้งที่พึ่งผ่านมา กระทั่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ที่นับเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับชั้นนำของ 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้คนนั้น ความสามารถในการหลอมโอสถยังไม่ดีเท่าเขาด้วยซ้ำ

 

ตกดึก ต้วนหลิงเทียนก็นั่งอยู่ในห้องหับอย่างเงียบงัน เบื้องหน้าปรากฏเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงเตาหนึ่งลอยค้างกลางหาว เป็นเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงที่เขาใช้อยู่เป็นประจำนั่นเอง

 

“พอไม่ได้หลอมมานานๆ ก็รู้สึกไม่คุ้นมืออยู่บ้าง…ท่าทางต้องซ้อมมือสักหน่อยแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงแม้ความสามารถในการหลอมโอสถจะไม่ใช่ชั่วแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อห่างหายว่างเว้นไปนานปี ก็ต้องมีความรู้สึกไม่คุ้นมืออยู่บ้างเป็นธรรมดา

 

โลกเราก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าสิ่งใดให้เชี่ยวชาญมากแค่ไหน หากว่างเว้นมันไปนานเข้า ก็อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้างเป็นธรรมดา

 

อย่างไรก็ตามด้วยระดับความสามารถในการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เพียงหลอมโอสถลองมือไปไม่กี่สิบเตา เขาก็จับความรู้สึกเดิมๆได้

 

และพอเวลาผ่านพ้นไปครึ่งค่อนคืน หลิวก่วงหลินก็กลับมา

 

“นายท่านขอรับ มีร้านโอสถใหญ่หลายแห่งในเมืองที่ปิดยามค่ำคืน…ส่วนร้านโอสถที่เปิดอยู่ ข้าน้อยได้ไปตระเวนมาทุกร้านแล้ว หากแต่ยังได้วัตถุดิบสมุนไพรที่นายท่านต้องการไม่ถึงครึ่ง ยามรุ่งพรุ่งนี้ข้าน้อยค่อยออกไปหาซื้ออีกรอบ”

 

แม้เซียนอมตะความจริงไม่ต้องหลับนอนเป็นปีๆก็ยังได้ หากแต่ความคุ้นชินนั้นมันน่ากลัว ยามค่ำคืนร้านรวงก็มักปิด และแม้ผู้คนจะไม่นอนแต่ก็มักจะเลือกทำสมาธิเพื่อผ่อนคลายจิตใจ หรือไม่ก็บ่มเพาะพลัง ทำให้หลิวก่วงหลินที่ออกไปตระเวนอยู่ค่อนคืนก็ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาไม่มาก

 

วันต่อมาหลิวก่วงหลินก็ออกไปซื้อหาวัตถุดิบสมุนไพรแต่เช้า กว่าจะกลับมาอีกทีก็มืดค่ำแล้ว

 

“นายท่าน วัตถุดิบสมุนไพรที่ท่านตองการ ส่วนใหญ่ข้าน้อยซื้อหามาได้หมดแล้ว เหลือก็แต่สมุนไพรตัวหนึ่งกับวัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งขอรับ…เป็นบุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองที่ข้าไปหาร้านใดก็มิมีของเก็บไว้ในคลังทั้งสิ้น และร้านโอสถใหญ่ยังกล่าวบอกข้าน้อยว่า บุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองนี้ค่อนของหายากไม่น้อย กระทั่งในคลังของวังหลวงก็ไม่แน่ว่าจะมีเก็บไว้ขอรับ”

 

“เอาล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็มีคาดเดาไว้แล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้

 

“ว่าแต่นายท่าน…วัตถุดิบสมุนไพรที่ท่านให้ข้าไปหาซื้อนั้น…ดูเหมือนจะใช้เพื่อหลอมปรุงโอสถเฉียนจินหรือ?”

 

เดิมทีหลิวก่วงหลินก็ไม่ได้รู้เลยว่าวัตถุดิบสมุนไพรที่ต้วนหลิงเทียนให้มันไปหาซื้อนั้นมีไว้ทำอะไร เพราะมันไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ มันย่อมไม่คุ้นเคยกับวัตถุดิบสมุนไพรอะไรที่ใช้หลอมปรุงโอสถอมตะพวกนี้

 

อย่างไรก็ตามหลังจากไปตระเวนหาซื้อของมาทั้งวัน และผู้ดูแลร้านค้าโอสถใหญ่ๆพอได้ยินว่ามันต้องการบุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองเท่านั้นล่ะ แต่ละคนก็กล่าวถามมันยกใหญ่ ว่าใช่จะเอาไปหลอมปรุงโอสถเฉียนจินหรือไม่…

 

แม้วัตถุดิบสมุนไพรจะไม่รู้จัก แต่หลิวก่วงหลินย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าโอสถเฉียนจินคืออันใด

 

นั่นคือโอสถอมตะระดับสูง ที่ช่วยให้ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะสามารถทะลวงด่านพลังให้สูงขึ้นไปอีกขั้น หากเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์รับประทาน ก็จะทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้โดยตรง! ได้รับการยอมรับว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาโอสถอมตะระดับสูงด้วยกัน!

 

ยังรู้จักกันในนามโอสถอมตะระดับสูงอันดับ 1!

 

เหตุผลที่ไฉนโอสถอมตะระดับสูงอย่างโอสถเฉียนจินถึงได้ชื่อว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงอันดับ 1 นั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นเพราะสรรพคุณของมันที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่หลอมได้ยากเกินขอบเขตโอสถอมตะระดับสูงไปแล้ว

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“นายท่าน ถึงแม้ข้าน้อยจะไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ แต่ข้าน้อยก็เคยได้ยินเรื่องโอสถเฉียนจินมาบ้าง…เห็นว่ามันเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่หลอมได้ยากเย็นที่สุด กระทั่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหมื่นคน ก็ไม่แน่ว่าจะมีสักคนที่หลอมมันได้…”

 

หลิวก่วงหลินมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทอประกายจ้า “แม้แต่ในบรรดาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางร้อยคน ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนหลอมมันออกมาได้…”

 

“เว้นเสียแต่…จะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาขึ้นไป ถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จเต็มสิบส่วน! หรือว่า…นายท่านรู้จักกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาด้วย?”

 

เห็นได้ชัดว่าที่หลิวก่วงหลินพูดมาทั้งหมด เป็นเพราะมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนรู้จักปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา เช่นนั้นจึงให้มันไปซื้อหาวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถเฉียนจิน!

 

หากเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา เช่นนั้นก็หมายความว่าสามารถหลอมโอสถเฉียนจินขึ้นมาได้แน่!

 

“ข้าไม่รู้จักหรอก…”

 

ทว่าหลิวก่วงหลินก็จำต้องผิดหวัง เมื่อต้วนหลิงเทียนส่ายหน้ากล่าวปฏิเสธ “โอสถเฉียนจินนั่น ข้าคิดจะหลอมมันด้วยตัวเอง”

 

“จริงสิ ข้าก็ลืมบอกเจ้าไป ว่าข้าเองก็เป็นปรมจารย์โอสถคนหนึ่ง”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยยออกเสียงเบา

 

“นายท่าน…อย่าบอกนะว่าท่านเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา!?”

 

สายตาที่หลิวก่วงหลินใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เรียกว่าตกตะลึงพรึงเพริดทำราวกับเจอภูตผีกลางวันแสกๆ

 

“ย่อมไม่ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ พลางกล่าวตอบไปว่า “ข้าเป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงเท่านั้นแหล่ะ”

 

“ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง?”

 

หลิวก่วงหลินตะลึง จากนั้นก็คลี่ยิ้มขื่นขมกล่าวต่อว่า “นายท่าน ถึงเรื่องที่ท่านเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว หากแต่โอสถเฉียนจินนั้นหลอมยากยิ่งนัก ไม่แน่ว่าถึงจะรวบรวมวัตถุดิบได้ครบ ท่านจะหลอมมันได้สำเร็จ”

 

“หรือ…ท่านลองไปเข้าพบฮ่องเต้ฝูชิวดูหรือไม่ เผื่อมันจะรู้จักปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางหรือราชา?”

 

หลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูง หลิวก่วงหลินก็ตกใจไม่น้อยที่ต้วนหลิงเทียนสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางโอสถได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ หากแต่มันยังไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะหลอมโอสถเฉียนจินได้อยู่ดี

 

เพราะการหลอมโอสถนั้น นอกจากพรสรรค์แล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก!

 

ชายหนุ่มที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปีที แม้พรสวรรค์ในเต๋าโอสถจะฝืนฟ้าแค่ไหน และต่อให้กลายเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงได้แล้ว ทว่าจะสามารถหลอมโอสถเฉียนคุน ที่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหมื่นคนอาจไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หลอมสำเร็จได้หรือ?

 

ถึงแม้หลิวก่วงหลินจะให้ความเคารพต่อต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างสูง แต่มันก็ยังไม่อาจเชื่อได้ลงคอ ว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้จริงๆ!

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ยังเยาว์เกินไป อายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ!

 

“ไม่ล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ถึงข้าจะไปหาฮ่องเต้ฝูชิวจริง…แต่ข้าไม่คิดหวังพึ่งมันเรื่องนี้ อย่างดีก็แค่ถามหาวัตถุดิบสมุนไพรอย่างบุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองเท่านั้น”

 

ไม่ว่าจะบุปผาวิญญาณลี้ลับหรือไส้เดือนฝอยทอง ก็เป็นวัตถุดิบทางยาที่ที่หายากมาก และยังเป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญที่สุด 2 ชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในการหลอมโอสถเฉียนจิน

 

กล่าวไปชื่อของโอสถเฉียนจินก็ได้มาจากวัตถุดิบทั้งสอง

(บุปผาลี้ลับ มีคำว่าเฉียน ไส้เดือนฝอยทอง มีคำว่าจิน)

 

‘เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ลองไปหาฮ่องเต้ฝูชิวดูเลยก็ดี ไม่รู้ว่ามันจะมีบุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองเก็บไว้ในคลังหลวงบ้างรึเปล่า’

 

ต้วนหลิงเทียนคิด ‘ถึงแม้มันไม่คิดจะมอบให้ข้าเปล่าๆ แต่อย่างน้อยข้าก็พอมีทุนทรัพย์ที่จะซื้อต่อได้อยู่…’

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะคิดไปแบบนี้ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่า

 

หากในคลังหลวงของประเทศฝูชิวมีวัตถุดิบยาทั้ง 2 เก็บไว้จริงๆล่ะก็ ฮ่องเต้ฝูชิวต้องมอบมันให้เขาทันทีแน่ สำหรับโอสถเฉียนจินนั้น อีกฝ่ายคงยากที่จะหามาให้เขาได้

 

‘นายท่าน…ยังคิดจะหลอมโอสถเฉียนจินด้วยตัวเองอยู่อีกหรือ?’

 

แม้หลิวก่วงหลินจะรู้สึกว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนดื้อรั้นไปบ้าง และอาจทำให้วัตถุดิบสมุนไพรที่รวบรวมมาได้อย่างยากลำบากต้องเสียเปล่า แต่หลังจากที่มันเห็นความแน่วแน่ของต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ไม่คิดจะพูดขัดอะไรอีก

 

‘บางที นายท่านอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ’

 

ขณะเดียวกัน ความคิดบ้าคลั่งดังกล่าวก็ผุดขึ้นในใจหลิวก่วงหลิน

 

เช้าวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากห้องแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ไปนั่งพักเงียบๆในลาน พอเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเดินทางไปเข้าพบฮ่องเต้ฝูชิว

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงด้านนอกโถงพระราชวังหลวง เขาก็บังเอิญพบเข้ากับหูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิวที่พึ่งเดินออกมาจากโถงพระราชวังหลัก โดยมีขันที 4 คนห้อมล้อม

 

“ฝ่าบาท”

 

ต้วนหลิงเทียนหยุดลง จากนั้นก็ประสานมือให้หูหลินอี้ที่กำลังเดินมาหาเขา

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

พอเห็นต้วนหลิงเทียนมาอยู่แถวนี้ หูหลินอี้ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง “เจ้า…คิดมาหาข้าหรือ?”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“มิทราบว่าเจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?”

 

หูหลินอี้กล่าวถามออกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะมันเชื่อว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าต้องนำผลประโยชน์มหาศาลมาสู่มันเป็นแน่ ดังนั้นมันย่อมต้อนรับด้วยรอยยิ้มมากอัธยาศัยเป็นธรรมดา

 

“ฝ่าบาท พอดีข้าคิดจะถามอะไรท่านหน่อย…ไม่ทราบว่าในคลังหลวงของท่านมีบุปผาวิญญาณลี้ลับกับไส้เดือนฝอยทองเก็บไว้บ้างหรือไม่ หากมีข้ายินดีจ่ายผลึกอมตะเพื่อซื้อมัน”

 

ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกตามตรง

 

“บุปผาวิญญาณลี้ลับ? ไส้เดือนฝอยทอง?”

 

สองตาหูหลินอี้ทอประกายเรืองขึ้นทันใด “หากข้าจำไม่ผิด…วัตถุดิบยาทั้ง 2 อย่างนี้ เหมือนจะเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมโอสถเฉียนจินใช่หรือไม่?”

 

“ใช่แล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นก็จงใจสะกดพลังของทองเทพสุดลี้ลับ และโคจรพลังขึ้นมาเล็กน้อย เผยกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำนิดออกมาต่อหน้าหูหลินอี้

 

“พอดีข้าคิดจะใช้โอสถเฉียนจิน เพื่อทะลวงไปยังขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดให้ทันก่อนที่จะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำน่ะ”

 

“ด้วยวิธีนี้ข้าสมควรแสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นและเข้าตา 3 นิกาย 2 ตระกูลแน่นอน”

 

ทุกถ้อยคำวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา เรียกว่าพุ่งตรงเข้ากลางใจหูหลินอี้ทั้งสิ้น

 

“เจ้า…เจ้า…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…ที่แท้เจ้ายังเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์!?”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของต้วนหลิงเทียน หูหลินอี้ก็บ่งบอกด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้แทบจะทันที ลูกตามันเบิกโพลงราวเห็นผีกลางวันแสกๆ แลดูตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย

 

ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์คนหนึ่ง…กลับมีพลังฝีมือแกร่งกล้ากว่าองค์ชาย 4 ลูกชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมัน!

 

ตัวตนเช่นนี้หากบรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด พลังฝีมือจะไม่ท้าทายสวรรค์เลยหรือ?