นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิงฮันมาเมืองธุลีจันทรา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองนี้ด้วยจิตใจอันหึกเหิม
ก่อนหน้านี่ที่เขาก่อเรื่องขึ้นที่ตระกูลติง จนต้องใช้หอคอยทมิฬเพื่อหลบๆซ่อนๆและหนีออกมานั้น ไม่ใช่นิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป… เขากลับมาพร้อมพลังที่แข็งแกร่ง!
มาเลยตระกูลติง ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องตกตะลึงแล้ว
สตรีนกอมตะถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬชั่วคราว หลิงฮันกับจักรพรรดินีเดินจับมือกัน โดยที่ครั้งนี้จักรพรรดินีไม่สวมผ้าคลุมหน้าและเปิดเผยใบหนาที่แท้จริงออกมา ในเมืองหนึ่งดาวเช่นนี้ นางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าจะถูกใครคุกคาม
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงประตูทางเข้าเมือง แม้พวกเขาจะไม่ได้ปลดปล่อยออร่าของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานออกมา ใบหน้าที่งดงามและกลิ่นอายอันสูงส่งของจักรพรรดินี ก็ทำให้ใบหน้าของทหารยามแข็งค้างด้วยความตะลึงและมีท่าทีนอบน้อม
พวกหลิงฮันมุ่งหน้าไปยังตระกูลติงทันที แต่ถึงแม้เมืองธุลีจันทราจะเป็นเมืองหนึ่งดาว พื้นที่ภายในเมืองก็ยังกว้างขวางมากอยู่ดี ทั้งสองคนใช้เวลาเดินทางสามวันกว่าจะมาถึงตระกูลติง
หลิงฮันเดินเข้าสู่ประตูทางเข้าตระกูลตรงๆ โดยที่มือข้างหนึ่งของเขาโอบกอดเอวของจักรพรรดินีเอาไว้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“หยุด… หืม!” สมาชิกตระกูลติงหกคนที่เฝ้าประตูอยู่กำลังจะบอกให้พวกหลิงฮันหยุดเดิน แต่พอเห็นใบหน้าอันงดงามของจักรพรรดินี ทั้งหกคนก็อ้าปากข้างและพูดอะไรไม่ออก
‘ปัง ปัง ปัง’ หลิงฮันลงมือซัดร่างของคนเฝ้าประตูทั้งหกคนลอยกระเด็นอย่างไม่เสียเวลาพูดพล่าม ร่างของทั้งหกคนบ้างก็กระแทกใส่ประตูทางเข้าจนทะลุเป็นรู บ้างก็ลอยกระแทกเข้าใส่กำแพงจนกระดูกภายในร่างแตกหัก
หลิงฮันไม่รู้สึกเห็นใจใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากตัวเขาไม่มีความรู้สึกดีๆต่อตระกูลติงอยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
บางทีหากเทียบกันแล้ว รังของโจรภูเขาอาจจะเน่าเฟะน้อยกว่าตระกูลติงเสียด้วยซ้ำ
คนเฝ้าประตูทั้งหกคนนั้น มีสี่คนที่ตายทันที และมีอยู่สองคนที่แม้จะยังรอดชีวิตแต่ก็อยู่ในสภาพปางตาย
หลิงฮันดึงความทรงจำจากดวงวิญญาณของสองคนที่เหลือรอดมาดู ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นมืดมน
ฮึ่ม… ในตระกูลติงไม่มีคนดีอยู่เลยจริงๆ แม้แต่คนเฝ้าประตูก็ยังทำเรื่องชั่วร้ายมานับไม่ถ้วน จำนวนคนที่ถูกคนเหล่านี้คุกคามนั้นไม่รู้ว่ามีจำนวนมากมายเท่าไหร่
“สิ่งชั่วร้ายย่อมควรค่าแก่การกำจัด!” หลิงฮันชี้นิ้วออกไปด้านหน้า ‘พรึบ พรึบ’ คลื่นปราณก่อเกิดถูกควบแน่นเป็นหอกแหลมทิ่มทะลวงเข้าใส่คนเฝ้าประตูทั้งสองตายในพริบตา
หากสวรรค์ปรานีเกินไป ข้าจะเป็นตัวแทนของสวรรค์ลงโทษพวกเจ้าเอง!
“ใครกล้ามาก่อความวุ่นวายในตระกูลของข้า?” เสียงหนึ่งคำรามดังลั่น พร้อมกับร่างของสมาชิกตระกูลติงเจ็ดคนที่ทะยานร่างเข้ามาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ตระกูลติงเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองธุลีจันทรา ใครกันที่กล้ามาก่อปัญหาถึงภายในตระกูลพวกเขา?
“ไม่ได้การแล้ว เป็นเจ้าหนูบัดซบนั่น!”
“ละ… หลิงฮันบุกมาก่อความวุ่นวายที่นี่!”
“รีบไปเรียกผู้อาวุโสมาเร็วเข้า!”
ทันที่เหล่าสมาชิกตระกูลติงเห็นหลิงฮัน ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ในตระกูลติง ณ เวลานี้ หลิงฮันเป็นทั้งคนที่พวกเขารังเกียจที่สุดและหวาดกลัวที่สุดเช่นกัน
แม้แต่ผู้อาวุโสติงหู่ก็ยังถูกหลิงฮันสังหาร!
ร่างของสมาชิกตระกูลติงที่ปรากฏตัวหยุดชะงักในทันที พวกเขาทั้งเจ็ดเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันได้ โดยที่พวกเขาก็ยังไม่รู้ด้วยว่าหลิงฮันในตอนนี้บรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้ว
จักรพรรดินีลงมือ ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นดาบอัสนีเจ็ดคลื่นก็ถูกปลดปล่อยออกไป และสังหารสมาชิกตระกูลติงทั้งเจ็ดในพริบตา
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม หลังจากดูดซับหยดสายฟ้าสวรรค์จำนวนมากเข้าไป นางก็ได้รับทักษะอัสนีที่ทรงพลังมาสองทักษะ หนึ่งคือคลื่นอัสนีที่ปลดปล่อยออกไป และอีกหนึ่งคือทักษะเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกับแสงอัสนีของเขา
ทั้งสองหันมองหน้ากันก่อนจะยิ้มอย่างสบายใจและเดินเข้าสู่อาณาเขตตระกูลติง
“สถานที่สกปรกโสมมเช่นนี้ต้องทำลายให้สิ้น” หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างบ้าคลั่ง สิ่งก่อสร้างมากมายของตระกูลติงที่อยู่รอบด้าน สิ่งก่อสร้างมากมายที่ถล่มลงมาส่งผลให้อาณาเขตทั่วทั้งตระกูลติงสั่นไหว
“ช่างโอหัง!” ร่างที่ทรงพลังร่างหนึ่งปรากฏตัว สมาชิกตระกูลติงที่อาศัยอยู่ใกล้ๆเองก็โผล่หน้าออกมาเช่นกัน แต่ละคนต่างมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าหน้าเกรี้ยวกราด
“หลิงฮัน!” ร่างที่ทรงพลังร่างนั้นคือนิรันดร์ระดับหนึ่งนิพพานที่มีชื่อว่าติงจุ้น เขาจดจ้องไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ที่หลิงฮันสังหารติงหู่ด้วยพลังระดับสร้างสรรพสิ่ง ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
จะลงมือเลยหรือจะไปเรียกผู้อาวุโสที่ทรงพลังยิ่งกว่ามาดี?
เพียงแต่ในตอนนี้ ตัวตนระดับนิรันดร์ของตระกูลติงแทบจะทั้งหมดถูกส่งออกไปนอกตระกูลเพื่อตามหาหลิงฮัน นอกจากเขาแล้ว ตัวตนระดับนิรันดร์ที่เหลืออยู่และแข็งแกร่งกว่าเขาก็มีเพียงติงเหยาหลงแค่คนเดียว
“เจ้าตัวบัดซบ เจ้ามาที่นี่เพื่อรนหาที่ตายแท้ๆ!” ชายชราหนวดขาวโพลนผู้หนึ่งคำราม เขาคือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ของตระกูลติง ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียน ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งได้
หลิงฮันจ้องมองไปยังชายชรา ‘โพล๊ะ’ ภายใต้อำนาจของแรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกไป ร่างของชายชราถูกระเบิดออกกลายเป็นฝนโลหิตทันที
“ช่างกล้า!” ติงจุ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด กล้าสังหารคนของตระกูลติงต่อหน้าเขาเชียวรึ? “เจ้าตัวบัดซบ เจ้ามันไม่มีคุณธรรมของความเป็นมนุษย์!”
“งั้นรึ?” หลิงฮันเอื้อมมือออกไปคว้าดวงวิญญาณของชายชราที่กลายเป็นฝนโลหิตซึ่งยังไม่กระจัดกระจายหายไป เขาทำการตรวจสอบความทรงจำและกล่าว “คนผู้นี้เคยข่มขืนหญิงรับใช้ตั้งแต่อายุสิบห้าปี และในตอนที่อายุยี่สิบเอ็ดปี เพื่อเขาจะได้ครอบครองสตรีผู้หนึ่ง เขาถึงขนาดลงมือสังหารสามีของสตรีผู้นั้นทิ้ง ยิ่งกว่านั้นคือในตอนอายุสามสิบสองปี เขาเคยทำการทรมานสตรีอายุต่ำกว่าสิบสองปีจนเสียชีวิต เหอะๆ เจ้าพูดถึงคุณธรรมแต่กลับเก็บสัตว์อสูรเฒ่าเช่นนี้ไว้ในตระกูลงั้นรึ??”
หลิงฮันกวาดสายตามองสมาชิกตระกูลติง “ตระกูลติงของพวกเจ้า ยังจะมีคนดีเหลืออยู่อีกงั้นรึไง?”
เหล่าสมาชิกตระกูลติงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ในดินแดนแห่งเซียนนั้นมีประชากรอยู่มากมาย อย่างแค่เมืองธุลีจันทราเมืองเดียวก็มีคนอยู่กว่าหมื่นล้านคนแล้ว แถมคนที่เกิดขึ้นใหม่ก็มีอยู่เรื่อยๆ มีเหตุผลอันใดที่พวกเขาต้องไปสนใจใครจะเป็นหรือตาย?
“แค่ดูจากสีหน้าของพวกเจ้าข้าก็รู้คำตอบแล้ว!” หลิงฮันกำหมัด “ในเมื่อสวรรค์ไม่มีตา ข้าก็จะเป็นคนลงทัณฑ์พวกเจ้าเอง!”
เขาระเบิดจิตสังหารอันรุนแรงออกมา คนของตระกูลติงล้วนแต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่เขาไม่จำเป็นต้องคิดแม้แต่น้อยว่าจะสังหารดีหรือไม่
‘ตูม ตูม ตูม’ หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป สมาชิกตระกูลติงหลายสิบคนถูกบดขยี้กลายเป็นฝนโลหิต
“วันนี้ตระกูลติงจะต้องถูกย้อมไปด้วยหยาดโลหิต!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก ราวกับเทพแห่งความตาย