บทที่ 1935 พิสูจน์ความภักดีได้

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เจ้าหกไม่มีช่องทางติดต่อกับพี่น้องคนอื่น ท่ามกลางกำลังพลที่อยู่ในที่ลับ มีเพียงเขาที่ติดต่อกับพี่น้องคนอื่นได้

เขาไม่รู้ว่าทำไมเจ้าหกถึงรู้เรื่องการเจรจาลับของหนิวโหย่วเต๋อ เดาว่าข้างกายหนิวโหย่วเต๋อคงมีคนของเจ้าหก สำหรับตระกูลเซี่ยโห้ว นี่คือเรื่องที่ปกติมาก!

เพียงแต่เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าหกพูดความจริงหรือไม่ ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยโห้วลิ่งมีเจตนาลงมือกับเฉาหม่าน เป็นไปได้หรือ?

เรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่กล้าคิดลึก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ ถ้ำกลางพี่น้องที่อยู่ในที่ลับ มีเพียงเขาที่ถูกวางไว้ในที่แจ้ง หลังจากบิดาจากโลกนี้ไป เขาก็กลายเป็นศูนย์กลางการติดต่อของพี่น้องที่อยู่ในที่ลับ ไม่รู้ว่าเซี่ยโห้วลิ่งสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า เขาคือคนที่มีภัยคุกคามต่อเซี่ยโห้วลิ่งมากที่สุด ถ้าเซี่ยโห้วลิ่งต้องการจะรวบอำนาจ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะลงดาบกับเขาคนแรก!

พอนึกเชื่อมโยงไปถึงวิธีการที่เซี่ยโห้วลิ่งใช้เล่นงานอิ๋งจิ่วกวงครั้งนี้ เฉาหม่านก็รู้สึกตัวสั่นหวาดกลัวแล้วจริงๆ เห็นรางๆ ว่าพายุกำลังจะโถมเข้ามาตรงหน้า

เขามีความคิดที่จะชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ แต่บิดาทิ้งวิธีการคานอำนาจเอาไว้ เหมาะกับการทำให้ทุกคนเกาะกลุ่มกัน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งอยากจะทำงานเพียงลำพัง ก็มีโอกาสสำเร็จยาก ถ้าตัวเองไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเซี่ยโห้วลิ่งจะสู้กับตน ก็เป็นไปไม่ได้ที่พี่น้องพวกนั้นจะกระโดดขึ้นมาสนับสนุนง่ายๆ

ทำอย่างไรดีล่ะ? โจทย์ยากขนาดใหญ่วางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชีเจวี๋ยเข้ามาข้างใน รายงานสถานการณ์บางอย่างให้ฟัง

ตอนที่กำลังจะถอยออกไป เฉาหม่านก็ยกมือรั้งให้เขาอยู่ต่อ แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาในห้อง พอหยุดเดินแล้วถึงได้บอกว่า “ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อกลับมาแล้ว เจ้าติดต่อเขาสักหน่อย ให้เขามาเจอกัน”

จากน้ำเสียงของเขา ชีเจวี๋ยฟังออกว่าไม่เหมือนกับการเรียกหนิวโหย่วเต๋อมาหาในครั้งก่อนๆ อย่างไรเสียตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ใช่แม่ทัพภาคตลาดผีเหมือนในปีนั้นแล้ว ตำแหน่งไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาเอ่ยรับ “ขอรับ!” แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเหมียวอี้ตรงนั้น

หลังจากติดต่อแล้ว ชีเจวี๋ยก็ตอบว่า “หนิวโหย่วเต๋อบอกว่าตอนนี้เขาไม่ว่าง รอให้มีเวลาก่อนแล้วจะมาเยี่ยมอีกที”

เฉาหม่านพยักหน้าเบาๆ “งั้นรออีกสองสามวันค่อยติดต่ออีกที” เขาไม่ได้บอกเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋ออาจจะสู้กับเขา

เพียงแต่ชีเจวี๋ยรู้สึกได้ว่าเถ้าแก่ใจร้อนอยากจะพบหนิวโหย่วเต๋อ…

หลังจากฟ้าสว่าง เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวก็ไปในป่าภูเขาจุดรวมตัวของสมาชิกครอบครัวด้วยกัน คนในครอบครัวของทหารที่ตำแหน่งค่อนข้างสูงตามอวิ๋นจือชิวไปหาที่พักด้วยกัน ส่วนเหมียวอี้ก็คุยกับพวกลิ่งหูโต้วจ้งพักหนึ่ง จากนั้นก็ไปหาคนของสำนักลมปราณตรงที่พักของสำนักลมปราณ

ไปแต่ละที่แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น พอกลับเข้ามาในจวนหัวหน้าภาค ก็เข้ามาในตำหนักด้านข้าง คนนับร้อยกำลังทำงาน กำลังจัดระเบียบรายชื่อกำลังพลห้าสิบล้าน หยางเจาชิงเป็นคนดูแลภาพรวม นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

เหมียวอี้เข้ามาแล้วก็ไม่ได้รบกวน เพียงเดินเข้าไปข้างกายหยางเจาชิงแล้วถามว่า “เตรียมตัวเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

หยางเจาชิงหันกลับมามองแวบหนึ่ง หลังจากรีบทำความเคารพแล้ว ก็รายงานว่า “ใกล้แล้วครับ วันนี้รายชื่อสมาชิกที่จะลดยศตำแหน่งจะออกมาได้แล้ว”

ไม่มีทางเลือก กำลังพลห้าสิบล้านมียศตำแหน่งแตกต่างกันไป เป็นไปไม่ได้ที่จะลดยศตำแหน่งไปอยู่ระดับต่ำสุดทั้งหมด

เหมียวอี้พยักหน้า ขณะกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็ได้รับข้อความจากเว่ยซู เหมียวอี้จึงเดินไปในห้องเดี่ยวของตำหนัก ไม่รบกวนกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอก

เมื่อเชื่อมสัญญาณติดแล้ว เหมียวอี้ก็กล่าวอย่างสุภาพ : พ่อบ้านเว่ย ไม่ทราบว่ามีอะไรจะกำชับ?

เว่ยซูก็สุภาพมากเช่นกัน: จะกล้ากำชับผู้ตรวจการใหญ่ได้อย่างไร

เหมียวอี้ : พ่อบ้านเว่ยมีธุระอะไรก็บอกมาได้เลย

เว่ยซู : งั้นข้าก็จะพูดตรงๆ แล้วกัน ทางตลาดสวรรค์มีร้านค้าของตระกูลเซี่ยโห้วไม่น้อยที่ถูกปล้น ต้องย้ายคนงานจากร้านอื่น ที่บังเอิญก็คือตอนนี้มีคนงานไม่น้อยถูกคนของร้านขายของชำซื่อตรงยึดไปแล้ว รบกวนผู้ตรวจการใหญ่เร่งคนของสำนักลมปราณให้รีบจบธุรกรรมของร้านขายของชำแล้วกลับไป

เหมียวอี้แอบรู้สึกบันเทิง คาดว่าคงรู้แล้วว่าคนของสำนักลมปราณมารวมตัวกันอยู่ฝั่งนี้ ไม่ได้กลับไปที่ดาวไร้ลักษณ์อีก สังเกตได้ถึงความผิดปกติแล้ว

คนของสำนักลมปราณออกจากร้านขายของชำได้อย่างราบรื่นแล้ว มีหรือที่เหมียวอี้จะปล่อยกลับไปง่ายๆ ตามแผนการของเขา  เดิมทีก็อยากสร้างความขัดแย้งกับเซี่ยโห้วลิ่งสักหน่อยอยู่แล้ว ประการแรกก็เพื่อทำให้เฉาหม่านสงบใจ ประการรองก็คือ เรื่องในครั้งนี้ลุกลามใหญ่โตขนาดนั้น เข้าไปมีส่วนร่วมเรื่องโคนล้มอิ๋งจิ่วกวง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก คาดว่าคนที่ต้องการลงมือสังหารตนคงไม่ได้มีแค่ก่วงลิ่งกง การโผล่หน้าที่ตลาดสวรรค์คือการหยั่งเชิงครั้งหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจะต้องปลอบใจคนเรานั้นสักหน่อย การขัดแย้งกับเซี่ยโห้วลิ่งเพื่อคลี่คลายสถานการณ์คือเรื่องที่สมควรจะทำ

เริ่มตั้งแต่ที่หยางชิ่งแนะนำให้เหมียวอี้ฮุบกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งเอาไว้ หยางชิ่งก็กำลังวางแผนรับมือกับสถานการณ์แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางฮุบกำลังพลห้าสิบล้านได้ง่ายๆ ขนาดนั้น

โค่นล้มอิ๋งจิ่วกวงได้เพราะอาศัยอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้ว เวลาจะแก้ไขปัญหาที่ตามมาในภายหลัง ก็ใช้วิธีการขัดแย้งกับเซี่ยโห้วลิ่งเพื่อคลี่คลายภัยคุกคามจากอ๋องสวรรค์คนอื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าเซี่ยโห้วลิ่งจะถูกรังแกได้ง่ายๆ จึงต้องหลอกใช้หยวนกงให้เสี้ยมความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยโห้วลิ่งและพวกเฉาหม่าน ทำให้เซี่ยโห้วลิ่งใช้กำลังที่แข็งแกร่งมาสู้กับเหมียวอี้ให้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้ผูกมิตรกับเฉาหม่านด้วย แบบนี้ถึงจะรับประกันได้ว่ากำลังพลห้าสิบล้านจะมีที่ยืนอย่างมั่นคงที่แดนรัตติกาล กอปรกับตลาดมืดถูกควบคุมโดยเฉาหม่าน ถ้าเขาต้องการจะฮุบกิจการของพวกลิ่งหูโต้วจ้งที่ตลาดมืด ก็จำเป็นต้องให้เฉาหม่านสนับสนุน!

ภายนอกไม่รู้เลยว่าเขามีตัวหมากอย่างหยวนกงเอาไว้คอยประเมินความมั่นใจของเซี่ยโห้วลิ่ง แล้วเรื่องโค่นล้มตระกูลอิ๋งก็ยังใช้ขู่เซี่ยโห้วลิ่งได้นิดหน่อย คาดว่าอ๋องสวรรค์ที่เหลือคงตั้งตารอใหเขากับเซี่ยโห้วลิ่งทะเลาะกัน สิ่งที่เขาต้องพยายามก็คือ ในเวลานี้ต้องทำให้อำนาจแต่ละฝ่ายสงบลง ม่ให้เป็นฝ่ายหันหัวหอกมาหาเขาก่อน

สรุปก็คือตั้งแต่เกิดการโค่นฟ้าพลิกดินรอบนี้ หยางชิ่งก็เรียกได้ว่าวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนต่อเนื่องกัน อาศัยกำลังจากทั่วทุกที่ ไม่เพียงแค่ต่อต้านความกดดันจากแต่ละฝ่ายที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังต้องต้องฉวยโอกาสใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะมีแผนรับมือแล้ว การที่เหมียวอี้กล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้ ก็เท่ากับรนหาที่ตาย คิดจริงเหรอว่าอ๋องสวรรค์พวกนั้นเป็นไก่อ่อน? ก่อนหน้านี้ที่เหมียวอี้อดทนเอาไว้หลังจากได้ข่าวเรื่องจูเก๋อชิง แล้วทำตามวิธีการของอวิ๋นจือชิว ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เพราะเขาไม่สามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างหยางชิ่งจริงๆ ไร้ความสามารถที่จะวางแผนกับทุกฝ่าย

ตอนนี้มีเรื่องที่สำเร็จรูปรออยู่แล้ว เหมียวอี้ย่อมถือโอกาสน้ำมาก่อกวนกับเฉาหม่านสักหน่อย แต่ปากก็ยังพูดเอาตัวรอดกับเว่ยซูว่า : ก็ได้ๆ ข้าจะเร่งให้แน่นอน!

ไม่ได้ยินว่าเป็นคำตอบที่เชื่อถือไม่ได้ เว่ยซูก็บอกทันทีว่า : ได้ยินว่าในมือผู้ตรวจการใหญ่มีกำลังพลเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย ยินดีด้วย นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ผู้ตรวจการใหญ่สร้างจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลขึ้นมา ข้าก็ยังไม่เคยไปเยี่ยมเยียนเลยสักครั้ง อยากจะไปหาถึงที่ ไม่ทราบว่าผู้ตรวจการใหญ่ยินดีต้อนรับหรือเปล่า

เหมียวอี้ได้ยินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการจะมาหาถึงที่เพื่อหยั่งเชิงตน จึงตอบอย่างกระตือรือร้นว่า : ยินดีต้อนรับ! พ่อบ้านเว่ยมาเยือนได้ ถือว่าเป็นเกียรติของหนิว ยินดีต้อนรับ!

ทั้งสองเพิ่งจะติดต่อกันเสร็จ เหมียวอี้ยังไม่ทันเดินออกมาจากห้องเดี่ยว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว บอกว่ากองทัพองครักษ์มาคุมอยู่ที่ศูนย์กลางตลาดสวรรค์ และแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของแต่ละแห่งตามที่เขาบอกแล้ว

เหมียวอี้จึงเดินออกมาตรงประตูห้องเดี่ยว แล้วถ่ายทอดเสียงบอกหยางเจาชิงทันที

หลังจากหยางเจาชิงมาแล้ว เหมียวอี้ก็กำชับว่า “คำสั่งแต่งตั้งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์คนใหม่ออกมาแล้ว ฉวยโอกาสตอนเบื้องบนโดนกองทัพองครักษ์ควบคุมอยู่ เบื้องล่างไม่มีใครคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งของราชินีสวรรค์ แจ้งให้คนที่อยู่ตามตลาดสวรรค์แต่ละแห่งรู้เดี๋ยวนี้ ให้รับช่วงดูแลตลาดสวรรค์แต่ละแห่งอย่างเป็นทางการ หลังจากสมาชิกเข้าประจำที่แล้ว ก็ให้ทำตามแผนสับเปลี่ยนกำลังพลทันที!”

“รับทราบ!” หยางเจาชิงรีบหยิบระฆังดาราออกมาแจ้งข่าวลงไป จากนั้นก็ได้รับข่าวอีกข่าวมา จึงรายงานว่า “ทางตลาดสวรรค์รวบรวมช่างก่อสร้างจำนวนมาก ตอนนี้กำลังมาที่นี่แล้ว”

“อืม!” เหมียวอี้พยักหน้าสื่อว่ารู้แล้ว เพียงแต่ตอนที่สายตาหยุดอยู่บนใบหน้าหยางเจาชิง เขากลับเงียบไป ไม่พูดอะไรนานมาก

หยางเจาชิงถูกเขามองจนอึดอัดไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายท่าน มีอะไรจะกำชับหรือขอรับ?”

“เจาชิง เจ้าอยู่กับข้ามาหลายปีขนาดนี้แล้ว…” เหมียวอี้เหมือนลังเลนิดหน่อย ภายใต้สายตาฉงนของหยางเจาชิง สุดท้ายก็พูดความจริงออกมา “คนที่อยู่ข้างกายข้าไม่สะดวกจะถูกตำหนักสวรรค์ควบคุมทั้งหมด ถ้าถูกเบื้องบนถ่ายทอดคำสั่งย้ายลงมา…ถ้าคุยกับทางเหยียนซิวแล้ว เขาไม่อยากได้อำนาจทางทหาร ดังนั้นค่าเตรียมจะถือโอกาสตอนลดตำแหน่งครั้งนี้ ทำให้เขาหลุดพ้นจากฐานะขุนนางตำหนักสวรรค์ ให้เขาติดตามค่าโดยไร้ตำแหน่งขุนนาง จะได้ลดอุปสรรคให้ข้าด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าความคิดของเจ้าเป็นยังไง แน่นอน เรื่องนี้ข้าไม่บังคับ ถ้าเจ้าอยากบัญชาการทหาร ก็จะได้ถือโอกาสนี้มอบอำนาจทางทหารให้กับเจ้า ก็เลยต้องขอความเห็นของเจ้าก่อน”

หยางเจาชิงตะลึงไปคู่เดียว จากนั้นถอยหลังหนึ่งก้าว คุกเข่าข้างเดียวพร้อมก้มหน้าบอกว่า “ข้าน้อยยินดีติดตามนายท่านโดยตำแหน่ง

พูดถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความคิดของเหมียวอี้ แบบนี้แปลว่ากำลังจะให้เขากลายเป็นพ่อบ้านของเหมียวอี้อย่างเป็นทางการแล้ว ฐานะของเขาตอนนี้เกี่ยวข้องกับความลับของเหมียวอี้เยอะเกินไป ไม่สะดวกจะเป็นขุนนางของตำหนักสวรรค์ต่อไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเบื้องบนมีคำสั่งย้ายลงมา ก็จะทำให้เหมียวอี้ตกอยู่ในสถานะ ฝ่ายถูกกระทำ

เขาย่อมรู้ว่าสิ่งนี้แฝงความหมายว่าอะไร แบบนี้เท่ากับตัดอนาคตของตัวเองโดยสิ้นเชิง เป็นการนำความมีเกียรติและความเสื่อมเสียของตัวเองไปผูกไว้กับตัวเหมียวอี้ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เขากำลังจะเปลี่ยนจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเหมียวอี้ไปเป็นทาสในบ้านของเหมียวอี้แล้ว แต่ถ้ามองจากบางมุม เขาก็ได้กลายเป็นคนสนิทของเหมียวอี้อย่างแท้จริงแล้วเช่นกัน ได้รับความเชื่อใจจากเหมียวอี้โดยสมบูรณ์ เหมียวอี้ไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไร้ความยุติธรรมแน่

เหมียวอี้ค่อนข้างตื้นตันใจ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่หยางเจาชิงกลับตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด พิสูจน์ความภักดีได้ เพราะด้วยเหตุนี้เอง เหมียวอี้กลับไม่รีบรับปาก ลุกขึ้นก้าวออกมาใช้สองมือประคองเขา แล้วถามว่า “ต้องปรึกษากับหลินผิงผิงก่อนหรือเปล่า?”

อย่างไรเสียถ้าเขากลายเป็นทาส ฐานะของหลินผิงผิงก็จะต้องเป็นไปตามเขา

“ไม่ต้องแล้ว นางจะเห็นด้วยแน่นอน” หยางเจาชิงตอบด้วยรอยยิ้ม

ความสะเทือนใจทั้งหมดแสดงอยู่บนใบหน้า เหมียวอี้ไม่ได้พูดอะไรมาก ออกแรงตบบ่าหยางเจาชิง บอกใบ้ให้ไปทำงานต่อได้แล้ว

เขาเองก็ยังไม่ได้รีบไป หลบอยู่ในห้องส่วนตัวเพื่อตรวจสอบบัญชีรายชื่อและกิจการที่พวกลิ่งหูโต้วจ้งเพิ่งส่งขึ้นมา สุดท้ายคนพวกนี้ก็ยอมจำนนต่อความจริงแล้ว

หลังจากนั้นสองชั่วยาม รายชื่อรถตำแหน่งกำลังพลห้าสิบล้านก็ถูกร่างออกมาแล้ว หยางเจาชิงถือรายชื่อเดินเข้ามา ขณะที่เหมียวอี้กำลังตรวจอ่าน เขาก็คอยอธิบายอยู่ข้างๆ

รู้จักแน่ใจว่ารายชื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ เหมียวอี้ก็ไม่ได้นำไปให้พวกลิ่งหูโต้วจ้งดูผ่านตาก่อน เพราะในนั้นซ่อนวิธีการกระจายคนตามที่หยางชิ่งแนะนำเอาไว้ ทำแบบนี้ก็เพื่อทำลายทางหนีทีไล่ของกำลังพลเหล่านี้ในภายหลัง กลัวว่าถ้าพวกลิ่งหูโต้วจ้งสังเกตเห็นแล้วจะไม่ยอมปล่อยผ่าน เตรียมจะให้ฝั่งตำหนักสวรรค์อนุมัติลงมาก่อน จะทำให้ไม้กลายเป็นเรือ ให้เรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

เขาไม่ได้เก็บรายชื่อนี้ไว้นาน จะต้องทำงานแข่งกับเวลา ต้องส่งรายชื่อพวกนี้ไปที่วังสวรรค์ก่อนที่เรื่องของเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อจะเรียบร้อย มีเพียงทำให้เสร็จก่อนหน้านั้น แรงต้านถึงจะน้อยที่สุด สามอ๋องสวรรค์ก็ต้องให้ความร่วมมือกับสองคนนั้นเหมือนกัน

รายชื่อนี้ต้องอาศัยคนที่ไว้ใจได้นำไปส่งให้ เหมียวอี้สั่งให้เหยียนซิวที่กลับมาจากพิภพเล็กแล้วนำรายชื่อไปส่งที่วังสวรรค์ด้วยตัวเอง

…………………