ตอนที่ 2,504 : เวทย์พลังสนับสนุนของระนาบเทวโลก
“เจ้าเอง…ก็อยากได้กริชในมือข้าด้วยงั้นหรือ?”
สตรีในชุดดำที่อันมีม่านผ้าปกคลุมครึ่งใบหน้าจนแลเห็นเพียงแค่สองตาขนคิ้วทั้งเส้นผมสีดำขลับที่ทอดยาวลงมาดั่งม่านน้ำตกมองไปยังต้วนหลิงเทียนพลางถามออกมาด้วยเสียงเย็นชา ทีท่าแลดูตื่นตัวทั้งระแวดระวังไม่น้อย
“หืม?”
เมื่อเห็นว่าสตรีชุดดำเบื้องหน้าไม่ตอบกระทั่งยังย้อนถาม ต้วนหลิงเทียนที่กังวลใจเพราะหาคนระนาบเหยียนหวงไม่พบแต่แรกก็เริ่มหงุดหงิดไม่น้อย จึงกล่าวถามออกไปเสียงหนัก “หากข้าต้องการยอดสมบัติสวรรค์นั่นของเจ้าจริง ข้าจะยังยืนรออยู่เฉยๆแบบนี้อีกหรือ?”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ คลื่นพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลก็เริ่มปะทุออกมาจากร่างของเขาราวเพลิงไฟ เปล่งกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวออกมาสะท้านในบรรยากาศ!
ขณะเดียวกันรังสีกระบี่ก็เริ่มผุดจากความว่างเปล่ามาเหินวนอยู่รอบกายเล่มแล้วเล่มเล่าไม่หยุด!
รังสีกระบี่ที่ว่าตอนแรกก็ยังมีไม่มากพอให้นับได้ ทว่ายิ่งมาก็ยิ่งละลานตาจนยากจะนับ!!
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
…
ทันใดนั้นแสงพลังพลันสาดส่องออกมาจากรังสีกระบี่แต่ละเล่ม ทั้งรังสีกระบี่อันส่องสว่างนับพันที่ว่าก็เริ่มลอยตัวขึ้นไปม้วนวนเหนือศีรษะ ก่อนที่จะเริ่มก่อเกิดค่ายกลกระบี่พิสดารหนึ่ง!
เป็นค่ายกลรังสีกระบี่อันน่ากลัวนัก!
และทันทีที่ค่ายกลรังสีกระบี่ดังกล่าวอุบัติขึ้นเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน มันก็เริ่มแผ่กลิ่นอายพลังลี้ลับขุมหนึ่งออกไปโดยรอบ ครอบคลุมอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่!นัก
และเมื่อกลิ่นอายพลังลี้ลับที่ว่าแผ่มาปกคลุมถึงกายสตรีชุดดำ ท่าทีของนางก็แปรเปลี่ยนไปทันใด
แต่เป็นธรรมดาว่าเพราะนางมีม่านผ้าปกปิดใบหน้าอยู่ จึงยากจะแลเห็นสีหน้าตกใจของนาง
ทว่าอาศัยแค่แววตาตกตะลึงที่ฉายชัดออกบนดวงตาเหนือม่านผ้าสีดำนั่น ก็เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของนางไม่ค่อยจะสงบสักเท่าไหร่!
ฟุ่บ!!
และในขณะที่ดวงตาของนางเริ่มฉายแววหวาดกลัว กริชในมือที่คล้ายม้าป่าพยศก็เริ่มแผ่รังสีคมกล้าทำร้ายมือบางก่อนที่จะพุ่งหลุดมือนางออกไปราวกับมีบางสิ่งเพรียกหา! สุดท้ายก็พุ่งไปเป็นลอยวนเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลรังสีกระบี่เหนือศีษะต้วนหลิงเทียน!!
“เจ้า…”
และในขณะที่สตรีชุดดำกำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัวนั้นเอง
ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงห้วงคิด ก็ควบคุมกริชที่พึ่งลอยวนในค่ายกลรังสีกระบี่ให้ลอยลงมือเข้ามือ ก่อนที่เขาจะเริ่มโยนมันขึ้นลง บ้างรับบริเวณปลายกริชบ้างรับบริเวณด้ามจับ ราวจะชั่งน้ำหนัก…
“ตอนนี้…เจ้ายังคิดว่าข้าอยากได้ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ของเจ้าอยู่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนที่โยนกริชในมือเล่น หันไปมองถามสตรีชุดดำด้วยสายตาไร้แยแส
“เจ้า…เจ้าคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ!?”
อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน สตรีชุดดำไม่เพียงไม่ตอบกลับ กระทั่งยังอุทานถามสวนออกมา แววตาของนางยิ่งมาก็ยิ่งฉายถึงความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้ารู้จักข้า?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น
“เจ้า…กลับเป็นต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจริงๆ?!”
หลังได้รับคำตอบที่เสมือนยืนยันกลายๆของต้วนหลิงเทียน สตรีในชุดดำพลันอุทานออกมาอีกครั้ง ค่อยถามว่า “เจ้า…คือต้วนหลิงเทียนคนนั้นที่อาศัยพลังฝึกปรือครึ่งก้าวเซียนอมตะแต่กลับเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวที่ถือครองยอดสมบัติสวรรค์จนมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ลงได้?”
“นั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่”
ด้วยได้ยินคำของสตรีชุดดำ ต้วนหลิงเทียนจึงรู้เหตุผลทันทีว่าไฉนนางถึงได้เอ่ยนามของเขาออกมาได้ถูก…
ที่แท้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่เขาเคยกระทำไว้หน้ามรดกสถานต้าหลัวจินเซียน!
“ฮ้า! เป็นเจ้าจริงๆ!”
หลังได้รับคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน สตรีชุดดำก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แววตาที่ใช้มอมายังต้วนหลิงเทียนตอนนี้ไม่เหลือความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นความสนใจอยากรู้อยากเห็นแทน
เพราะหากกบุรุษตรงหน้าเป็นต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นก็คงไม่สนใจยอดสมบัติสวรรค์ของนางจริงๆ
ด้วยพลังฝีมืออีกฝ่าย หากคิดเข่นฆ่านางก็ง่ายดายนัก! ไฉนต้องมาเสียเวลากล่าววาจาไร้สาระกับนาง?
“เมื่อครู่ตอนข้าถามว่ามีใครมาจากระนาบเหยียนหวงบ้าง…จากแววตาของเจ้าที่เผยออก ใช่เจ้ามาจากระนาบเหยียนหวงหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามสตรีชุดดำ
เพราะตอนที่เขาถามก่อนหน้าแวตาของสตรีชุดดำนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าในระดับหนึ่งนางได้เผยตัวออกมาว่าเป็นคนของระนาบเหยียนหวง
“ใช่”
คราวนี้สตรีชุดดำตอบคำต้วนหลิงเทียนทันที
ตอนแรกที่นางไม่ตอบต้วนหลิงเทียนทั้งยังย้อนถามว่าคิดชิงยอดสมบัติสวรรค์นางหรือไม่ ทั้งหมดเป็นเพราะกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ของนางไป
และหลังจากตอบต้วนหลิงเทียนแล้ว สองตานางก็มองจ้องไปยังกริชในมือต้วนหลิงเทียน
กริชเล่มนั้นเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่นางได้รับมาจากสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้
“เจ้ายังอยากได้ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้คืนหรือไม่?”
หลังได้รับคำยืนยันของสตรีชุดดำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายขึ้นมาวูบหนึ่งกล่าวถามออกไปอีกรอบทันที
ขณะกล่าวเขาก็ไม่ลืมจะโยนกริชในมือเล่นอีกครั้ง
“เจ้าจะคืนมันให้ข้าหรือ?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนสองตาสตรีชุดดำก็ส่องสว่างออกมา
อันที่จริงเมื่อยยอดสมบัติสวรรค์ตกไปอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียนน ตัวนางก็ทำใจเรื่องที่จะต้องสูญเสียยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ไปแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายตั้งใจจะคืนมันให้นาง
หากต้วนหลิงเทียนคืน นางก็ย่อมต้องการมันกลับเป็นธรรมดา!
เพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือยอดสมบัติสวรรค์
“ตราบใดที่เจ้าพาข้าไปยังทางเข้าออกของระนาบเหยียนหวง ข้ายินดีจะคืนยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ให้เจ้า”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยเงื่อนไขของเขาออกไป
อุตส่าห์ได้พบคนของระนาบเหยียนหวงแล้วทั้งที ต้วนหลิงเทียนย่อมยินดีทำทุกทางเพื่อให้นางนำทางเขาไปยังทางเข้าออกระนาบเหยียนหวง!
“เจ้าอยากไประนาบเหยียนหวงงั้นเหรอ?”
ได้ยินเงื่อนไขของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดสตรีชุดดำก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกต้วนหลิงเทียนถึงเอ่ยถามว่ามีใครมาจากระนาบเหยียนหวงบ้าง…
ที่แท้ต้วนหลิงเทียนคิดไปเยือนระนาบเหยียนหวงของนางนั่นเอง!
“อืม”
“ข้างกายเจ้าไม่ใช่ว่ามีศิษย์สำนักเทียนซือหรือไร ไฉนไม่ให้มันพาไปเล่า?”
สตรีชุดดำเอ่ยถามด้วยสงสัย
นางเคยได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนกระทำด้านนอกมรดกต้าหลัวจินเซียนมาแล้ว
เช่นนั้นไม่เพียงได้ยินเรื่องที่พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงขั้นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวที่มียอดสมบัติสวรรค์จนแข็งแกร่งไม่ต่างเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่ยังได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนร่วมเดินทางกับศิษย์ของสำนักเทียนซือมาอีกด้วย
“เรื่องนี้เจ้าก็รู้?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร “ก่อนหน้าข้าพาสหายไปยังระนาบเซียน…และพอย้อนกลับมาในแดนลับต่างสวรรค์ก็เลยคลาดกัน”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง”
สตรีชุดดำพยักหน้า ต่อมาสองตาของนางก็ทอประกกายเรืองวูบขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของสตรีชุดดำต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตื่นตัวทันที ในใจเริ่มบังเกิดลางไม่ดีขึ้นมาตงิดๆ
“เจ้าต้องการให้ข้าพาไปยังทางเข้าออกของระนาบเหยียนหวงย่อมได้ไม่มีปัญหา…แต่นอกเหนือจากคืนยอดสมบัติสวรรค์นั่นให้ข้าแล้ว เจ้าต้องช่วยข้าผ่านบททดสอบที่เหลือของสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้เสียก่อน…ข้าต้องการเวทย์พลังที่ยังเหลืออยู่ของที่นี่”
“ส่วนมรดกที่ไม่สมบูรณ์อันเป็นของรางวัลสุดท้ายข้าไม่สนใจ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องช่วยข้าฝ่าด่านทั้งหมด”
สตรีชุดดำมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว
“เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”
หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงทันใด “คืนยอดสมบัติสวรรค์ให้เจ้าก็นับเป็นการตอบแทนมากที่สุดเท่าที่ข้าจะให้เจ้าได้แล้ว…แต่ตอนนี้เจ้ายังกล้าขอให้ข้าช่วยเจ้าให้ได้รับเวทย์พลังในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้อีกหรือ?”
“ไม่ใช่ข้าได้คืบจะเอาศอก!”
สองตาสตรีชุดดำฉายแววเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ “สำหรับเจ้ามันจะยากอะไรหากคิดจะช่วยข้าผ่านบททดสอบที่เหลือ?”
สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น การฝ่าด่านทดสอบไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
กระทั่งอย่าว่าแต่ไม่กี่ด่าน จะให้เขาผ่านทั้งหมดก็ไม่ใช่ปัญหา
ทว่าเขาไม่อยากมาเสียเวลาอยู่ที่นี่มากเกินไป
เพราะสุดท้ายแล้วหากเป็นเวทย์พลัง จะอย่างไรก็ต้องเสียเวลาในการจดจำ!
ส่วนเรื่องที่จะมีโอกาสแตกฉานเวทย์พลังหรือไม่ในภายภาคหน้า ก็ขึ้นอยู่กับว่าจดจำได้กี่มากน้อย…
“ความอดทนของข้ามีจำกัด…หากเจ้าไม่ต้องการข้าจะไปหาคนอื่น!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขาดความอดทน
“อ้อ หากเจ้าอยากไปหาคนอื่นก็ตามใจเจ้าสิ…อย่างไรเสียด่านทดสอบก็เหลืออีกไม่กี่ด่านแล้ว ข้าผ่านเองก็ได้แค่ต้องเสียเวลาเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น”
สตรีในชุดดำกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ทว่าวาจาไม่กี่คำนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนกลืนยาขม
“เจ้าไม่กลัวข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องสตรีชุดดำด้วยสายตาเยียบเย็น เสียงกล่าวถามยังเฉยเมยถึงขีดสุด
“เจ้าจะทำหรือ?”
สตรีชุดดำย้อนถาม สายตายังคงจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตาแววเจ้าเล่ห์เองก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
“หึ!”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็สบถเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง เขายอมแพ้ก็ได้…
กว่าครึ่งเดือนที่ผ่านเขารู้ดีว่าการหาตัวคนจากระนาบเหยียนหวงสักคนในแดนลับต่างสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาลมันยากเย็นขนาดไหน หากพลาดนางไปแล้วไม่รู้ว่าจะต้องงมหาไปอีกถึงเมื่อไหร่
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ช่วยสตรีชุดดำผ่านด่านทดสอบไม่กี่ด่านอย่างง่ายดาย นางเองเหินร่างติดตามมาเฉยๆไม่ลงมืออะไรด้วยท่าทางสบายใจ หลังผ่านไป 3 วัน 3 คืนในที่สุดก็ผ่านด่านทดสอบที่นางต้องการ
ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีประสิทธิภาพมากพอผ่านให้เร็วกว่านี้ แต่ด่านทดสอบบางด่านก็จำต้องรออย่างช่วยไม่ได้
“เวทย์พลังสนับสนุน?”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นเวทย์พลังที่เหลือทิ้งไว้ในมรดกสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ มันเป็นเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลก
“เป็นเวทย์พลังสนับสนุนจริงๆด้วย!!”
สตรีชุดดำตื่นเต้นยินดีไม่น้อย นางไม่รอช้าอะไรเร่งรีบจดจำมันทันที
ตราบใดที่นางจดจำเวทย์พลังทั้งหมดไว้ในใจได้สำเร็จ หมายความว่านางจะได้รับเวทย์พลังฉบับสมบูรณ์ไว้ตีความวันหลัง…
ก็เหมือนๆกับตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้รับเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้า
และในขณะที่สตรีชุดดำกำลังจดจำเวทย์พลังดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจจะจำมันด้วยแต่อย่างใด
เพียงเพราะว่า…
เวทย์พลังสนับสนุนบทนี้ แม้จะเป็นเวทย์จากระนาบเทวโลกเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับปฐมเวทย์กลืนกินที่เขาเชี่ยวชาญแล้ว ยังด้อยกว่าเล็กน้อย!