ตอนที่ 1378 การต่อสู้อันน่าทึ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“อะไรนะ! สัตว์ร้ายโบราณอย่างนั้นเหรอ?”

“สิงโตทองลวงตาดุร้ายและเจ้าเล่ห์มาก พวกเรารีบหนีเร็วเข้า!”

“หนีเร็ว!”

ถึงแม้ว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้จะดึงดูดใจมากเพียงใด แต่ตอนนี้ก็ต้องเอาชีวิตรอดก่อน!

หากไม่รอด ทุกอย่างก็จบสิ้น!

หลังจากที่ไป๋อู๋ห่ายรู้ว่ามันคือสิงโตทองลวงตา เขาก็รีบเผ่นหนีทันที

ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวที่บาดเจ็บสาหัสหมดสติอยู่นั้น ไป๋อู่ห่ายไม่สนใจแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ซวนอี รีบพานายของเจ้าหนีไปเร็วเข้า!”

“ส่วนพวกเจ้า รีบพาไป๋อีหนีไป เร็วเข้า!” มู่เฉียนซีกล่าวกับคนของตำหนักเป่ยหาน

“แล้วประมุขน้อย…”

“ประมุขน้อย ท่าน…”

มู่เฉียนซีกล่าว “อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ รีบไปก่อน!”

นางยังไปไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวหงกำลังต่อสู้กับเจ้านั่นอยู่ อีกอย่างท่าทางของเสี่ยวหงก็ดูอ่อนแอมาก

พวกเขารีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว แม้แต่อินรั่วเฉินเองก็รีบบอกให้พระภิกษุทั้งเก้าเหล่านั้นหนีไปด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกังวล แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของโอรสศักดิ์สิทธิ์ได้!

มู่เฉียนซีมองอินรั่วเฉินพลางกล่าว “เพื่อฝักกระบี่อันเดียว เจ้าถึงกับไม่สนใจชีวิตเลยเหรอ?”

อินรั่วเฉินตอบ “นี่มันไม่ใช่ฝักกระบี่ธรรมดา แต่มันเป็นฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์”

“ฝักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มีค่ากับเจ้าถึงเพียงนี้…” ร่างของมู่เฉียนซีพุ่งไปที่ฝักกระบี่อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“เสี้ยวเสี้ยว สิงโตทองลวงตาออกมาจากผนึกแล้ว ตอนนี้เจ้ายอมไปกับข้าได้รึยัง?”

เมื่อเสี่ยวหงกับสิงโตทองลวงตาต่อสู้กันขึ้น แม้แต่พลังของฝักกระบี่ก็ไม่สามารถยับยั้งมันได้แล้ว

ฝักกระบี่ลอยมาอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี และเข้ามาสัมผัสมู่เฉียนซีอย่างใกล้ชิด

ในตอนนี้เอง เสี่ยวหงก็กล่าวว่า “นายท่าน รีบเอาฝักกระบี่หนีไปเร็วเข้า ข้าจะสกัดอยู่ด้านหลังเอง”

“หนีไปเหรอ เจ้าคิดว่าที่แห่งนี้เจ้าอยากจะหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ?”

ในตอนนี้คนเหล่านั้นก็พบว่าตัวเองเดินวนอยู่ที่เดิม!

เกราะกำบังสีทองเกราะหนึ่งห่อหุ้มพวกเขาไว้

สิงโตทองลวงตาไม่ยอมให้พวกเขาไป พวกเขาก็ไม่อาจหนีไปได้แม้แต่คนเดียว

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเสี่ยวหง “เจ้ามันรนหาที่ตายจริง ๆ!”

สิงโตทองลวงตากล่าว “เจ้ามันก็แค่แสร้งทำตัวเกรี้ยวกราดไปก็เท่านั้น พลังอ่อนแอเช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”

สถานการณ์ของเสี่ยวหงตอนนี้แย่มาก มู่เฉียนซีมองไปที่คนกลุ่มนั้นที่เดินย้อนกลับมาว่า “ร่วมมือกันจัดการสิงโตทองลวงตานี่ หากเอาชนะมันไม่ได้ ก็ไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้!”

เพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาทำได้เพียงต้องทำเช่นนี้แล้ว!

คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือแห่งดินแดนสี่ทิศทั้งสิ้น ภายในชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็พุ่งไปลงมือกับสิงโตทองลวงตานั้นแล้ว

สิงโตทองลวงตาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าถูกปิดผนึกอยู่ในที่แห่งนี้มานานนับหมื่นปี มดปลวกอย่างพวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก! ยอมรับในความตายซะเถอะ!”

เปลวไฟสีทองร้อนแรงนั้นพุ่งออกมาราวกับเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่

ทุกคนรวมพลังอันยิ่งใหญ่เข้าด้วยกันและสกัดกั้นเอาไว้

เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ร่างของพวกเขากระเด็นลอยกระจัดกระจายออกไปทีละคน ๆ เปลวไฟสีทองนั้นปะทุขึ้นกลางอากาศราวกับดอกไม้ไฟ

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!

เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย

มู่เฉียนซีกล่าว “คนที่ได้รับบาดเจ็บรีบรักษาเร็วเข้า นี่เป็นยาลูกกลอนกับยาแผนปัจจุบันรักษาอาการบาดเจ็บ รีบกินเร็วเข้า!”

การต่อสู้เพื่อความเป็นความตายนี้ ผู้นำตระกูลมู่ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวเลยแม้แต่น้อย

ได้รับยาลูกกลอนมามากมายเช่นนี้พวกเขาก็รู้สึกเหมือนได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน ได้ร่วมต่อสู้ในสนามรบกับผู้นำตระกูลมู่ ไม่ขาดแคลนยาลูกกลอนเลย รู้สึกยอดเยี่ยมมาก

ส่วนคนของไป๋อู๋ห่ายนั้น อย่าคิดว่าจะได้รับเลย!

ไม่มีให้!

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “มู่เฉียนซี ตอนนี้พวกเราร่วมมือกัน เหตุใดของพวกข้าถึงไม่มี”

มู่เฉียนซีตอบกลับ “ตำหนักตงจี๋ของพวกเจ้าเป็นถึงกองกำลังระดับสาม ยาลูกกลอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้าคงไม่อยู่ในสายตาพวกเจ้าหรอก”

และในตอนนี้เอง สิงโตทองลวงตาก็โจมตีมาอีกครั้ง

“ทองพิโรธ ทำลายสวรรค์!”

“มดปลวกอย่างพวกเจ้า ตายไปซะเถอะ!”

ลูกบอลไฟสีทองลูกหนึ่งขนาดร้อยจั้งที่เต็มไปด้วยความร้อนแผดเผาอันทำลายล้างพุ่งไปที่พวกเขา

“หลบ รีบหลบเร็วเข้า!”

“ให้ตายเถอะ! แข็งแกร่งมาก!”

“……”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เผยความหวาดกลัวออกมา!

หากโดนลูกบอลไฟนี้เข้า คาดว่าคงจะไม่มีใครสามารถหลบหลีกได้

ฝักกระบี่ที่อยู่ในมือมู่เฉียนซีพุ่งออกไปและก่อตัวเป็นตาข่ายสีเลือดในฉับพลัน ก่อนจะขวางลูกบอลไฟนี้เอาไว้ได้

ลูกบอลไฟนั้นชนเข้ากับตาข่ายและกระเด็นพุ่งกลับไปไกลในทิศทางเดิม ไม่นานนักก็กระแทกลงบนพื้นดินจนกลายเป็นลาวาเพลิงขึ้น

พวกเขาเห็นเช่นนี้ก็เกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น หากมันโดนร่างพวกเขา คงต้องซวยเป็นแน่

สิงโตทองลวงตามองไปที่ฝักกระบี่นั้น ฝักกระบี่เริ่มเปลี่ยนสภาพอยู่ในเปลวไฟนั้น กลายเป็นฝักกระบี่สีแดงเข้ม

บนฝักกระบี่นั้นไม่ได้มีลวดลายมากมายนัก ดูนิ่งและสุขุมมาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถบดบังความแข็งแกร่งของมันได้

และนี่ต่างหากล่ะที่เป็นสภาพที่แท้จริงของฝักกระบี่!

สิงโตทองลวงตากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เป็นแค่ฝักกระบี่ที่ไร้กระบี่ กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับข้างั้นเหรอ?”

“นี่มันฝักกระบี่นี่นา ไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์” คนอื่นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

“เป็นไปได้ยังไง?”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ไม่ใช่! ผิดแล้ว! นี่คือฝักกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ถ้าเช่นนั้นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในมือมู่เฉียนซีก็เป็นของจริง!”

คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตระหนักได้ทันที แต่รู้ไปแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ

ตอนนี้เผชิญหน้ากับสิงโตทองลวงตา พวกเขาไร้หนทางหนีแล้ว

ในลำแสงสีทองนั้น มีเงาสีแดงฉานปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

พวกเขาอุทานขึ้นว่า “นี่มันตัวอะไรอีก?”

“พลังเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัตว์ร้ายอีกตัวเป็นแน่”

“สัตว์ร้าย!”

แค่สัตว์ร้ายตัวเดียว พวกเขาก็รับมือเอาไว้ไม่ไหวแล้ว หากโผล่มาอีกตัว พวกเขาไม่มีทางรอดแน่นอน

ในตอนนี้เอง น้ำเสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น “แทนที่จะเยาะเย้ยคนอื่น เจ้าเป็นห่วงสมองของตัวเองก่อนดีกว่านะ!”

เปลวเพลิงที่ร้อนแรงแผดเผาไปทั่วฟ้า เสี่ยวหงส่งเสียงผ่านกระแสจิตมาหามู่เฉียนซีว่า “นายท่าน พวกสวะไร้ประโยชน์เหล่านั้นพึ่งพาไม่ได้ นายท่านเอาพลังมาให้ข้าเถอะ ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ เอาชนะมันให้ได้”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “แล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

“นายท่าน ข้าไม่เป็นไร หากเอาชนะเจ้านี่ได้ข้าจะจับมันกินซะ อย่างน้อยก็ได้ประโยชน์บ้าง นายท่านให้เจ้าแมวโง่ช่วยข้าอีกแรงนะ”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”

พลังที่มู่เฉียนซีให้เสี่ยวหงได้นั้นก็คือพลังจิต พลังจิตเพียงเล็กน้อยนั้นทำอะไรสิงโตทองลวงตาไม่ได้

แต่เมื่อพลังจิตของพวกเขาได้เชื่อมโยงกัน เงาสีแดงฉานนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นเท่าทวี อีกทั้งยังดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าอีกด้วย

เมื่อคนอื่น ๆ เห็นเงาอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ต่างก็อุทานขึ้นว่า “นี่มันสัตว์ร้ายใดกัน เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

“ข้าไม่เคยเจอตำราใดบันทึกเกี่ยวกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อนเลย”

“……”

อย่างน้อยสิงโตทองลวงตาก็ยังพอมีข้อมูลบันทึกอยู่บ้าง แต่สัตว์ร้ายสีแดงฉานตัวนี้ดูเหมือนจะไม่มีบันทึกเกี่ยวกับมันเลย!

สิงโตทองลวงตารับรู้ได้ถึงพลังของเสี่ยวหง พลันนั้นมันก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป “ปะ…เป็นไปได้ยังไง เจ้า…จู่ ๆ เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไงกัน!”

เหมือนว่ามันจะได้เจอกับผู้ที่ทำให้สัตว์ร้ายทั้งปวงหวาดกลัวได้อย่างเจ้านั่นซะแล้ว เจ้านั่นแข็งแกร่งจนทำให้เหล่าบรรดาสัตว์ร้ายไร้หนทางที่จะสู้ได้

“เจ้าพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว!” ทันใดนั้น ลมพายุก็พัดกระโชกอย่างรุนแรง และเปลวไฟสีแดงฉานนั้นก็พุ่งเข้าหามันด้วยพลังที่ท่วมท้น

.