ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1151 คาดไม่ถึงว่าเธอจะสงสัยว่าเขาเป็นโรคนั้น?
“ยังมองไม่เห็น?”
แสงดาวมาแล้ว เห็นว่าคนๆนี้ลืมตาขึ้นมา แต่ดูเหมือนกำลังจ้องเธออยู่ตลอดโดยไม่ไหวติง
เธอขมวดคิ้วขึ้นโดยฉับพลัน ยื่นมือโบกไปมาอยู่ตรงดวงตาทั้งสองข้างของเขา
ภาสดร : “……..”
เขามองข้อมือเรียวๆที่ถูกแสงอาทิตย์ส่องแสงสีแดงอยู่ตรงหน้าตัวเอง จึงทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “เห็นแล้วครับ คุณนายน้อย ผมหลับไปนานขนาดไหน?”
แสงดาวถึงได้ดึงมือกลับมา
“หนึ่งคืน สรุปแล้วคุณเป็นโรคอGะไรกันแน่? คุณบอกว่าถูกพ่อคุณทำร้ายมา แต่คุณกลับไม่ให้ฉันส่งคุณไปโรงพยาบาล กินเพียงแค่ยาพวกนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เธอเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
และครั้งนี้ เนื่องจากว่าคนที่เผชิญหน้าด้วยนั้นแตกต่างกัน เธอจึงมีความกล้าขึ้นมามาก เอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก
ภาสดรเพิ่งจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาช้าๆ
จู่ๆได้ยินเรื่องนี้แล้ว กำลังของแขนทั้งสองข้างที่กำลังประคองอยู่นั้นก็หายไปทันที เกือบจะล้มกลับไปอีกครั้ง
ดังนั้น เมื่อคืนนี้เธอค้นพบอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?
“เมื่อคืน….พ่อผมมาเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณ….”
“ฉันหาน้องชายฉัน เขาบอกว่ายานี้ที่คุณทานสำคัญกับคุณมาก และยังให้ฉันเก็บเข้าไปในกล่องแช่แข็งนั่นของคุณอีก เพราะฉะนั้นฉันก็เลยอยากจะถามคุณ ว่าสรุปแล้วคุณถูกทำร้าย?หรือว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรกันแน่?”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีแผนการในใจอย่างที่คิดไว้จริงๆ คำพูดรวบรัดก็ทำให้อ้างถึงคำพูดทั้งหมดของเธอออกมาได้
ภาสดรรู้สึกโล่งใจ
“คือ….ความจริงแล้วตอนเด็กๆร่างกายของผมก็ไม่ค่อยดีมาอยู่ตลอด แต่ปกติแล้วผมจะบำรุงอยู่ตลอด ครั้งนี้ถ้าหากไม่ใช่ว่าพ่อผมตีเข้า ก็คงจะไม่สาหัสขนาดนี้”
เขาตะเกียกตะกายขึ้นมาจากโซฟาอีกครั้ง แล้วเริ่มค่อยๆอธิบายเรื่องนี้ขึ้น
มีโรคจริงๆใช่ไหม?
แสงดาวเบิกตาขึ้นมาทันที เหมือนกับเครื่องสแกน หลังจากที่กวาดตามองตั้งแต่ด้านบนศีรษะของผู้ชายคนนี้ลงมา ก็ไม่รู้ว่าเธอมีความคิดอะไร ดวงตาแวววาวคู่นั้นกำลังกวาดตามองอยู่….
สุดท้ายแล้วก็หยุดอยู่ตรงร่างกายส่วนล่างของภาสดร
ภาสดร : “……”
ซักพักหนึ่ง เขาก็นั่งบีบกระดูกข้อนิ้วอยู่บนโซฟา : “คุณนายน้อย ตรงนี้ไม่ได้มีปัญหาหรอก”
“หืม?”
“ตรงนี้ต่างหาก!”
เขาชี้ไปตรงตำแหน่งหน้าอกของตัวเอง
เขารู้สึกคลั่งเล็กน้อย
แทบอยากจะจับผู้หญิงคนนี้กดลงเสียทุกนาที หลังจากนั้นก็เคาะสมองของเธอออกมาดู ว่าข้างในนั้นใส่อะไรเอาไว้กันแน่?
นี่เพิ่งจะนานขนาดไหนกัน เธอก็เปลี่ยนไปไม่บริสุทธิ์ขนาดนี้แล้ว?
ดีที่ประโยคเตือนของเขา ผู้หญิงคนนี้จึงนับว่ามีสติขึ้นมาได้
ทันใดนั้นหลังจากที่เห็นใบหน้าเล็กๆแดงระเรื่อที่อยู่ภายใต้ผมที่ยุ่งๆแล้ว เหมือนกับเธอจ้องมองเขา แล้วเดินไปอย่างลนลาน
คนสารเลวนี่!
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ตอนที่ภาสดรออกมาจากห้องน้ำ สภาพของเขานั้นก็ดีขึ้นมาก เขากินยานั้นไปอีกหนึ่งเม็ด สภาพจิตใจก็มีดีขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนโรงแรม
เมื่อคืน เขารีบร้อนออกจากโรงพยาบาล และไม่ทันได้ไปเห็นปฏิกิริยาของวิบูลย์ด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้มาที่นี่เลยทั้งคืน ไม่ได้มีการกำจัดว่าตอนกลางวันจะมีสถานการณ์อะไร
เขาเดินออกมา : “คุณนายน้อย…..”
“ตึง ตึง ตึง – -”
ขณะที่กำลังจะพูดเรื่องเปลี่ยนโรงแรมกับผู้หญิงที่อยู่ในห้อง แล้วจู่ๆเสียงเคาะประตูทางด้านนอกก็ดังขึ้น
ใครกัน?
หรือว่าวิบูลย์จะถึงแล้ว?
สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหลือบไปมองโซฟาตัวนั้นแวบหนึ่งทันที อยากจะพูดว่า จะไปนอนตรงนั้นต่อหรือเปล่า?
ภาสดรคนนี้ ปกติแล้วไม่ค่อยเชื่อฟังคำพูดของพ่ออยู่แล้ว แล้วก็ชอบประชันกับเขาด้วยเช่นกัน แต่จะลงไม้ลงมือกันจริงๆนั้น เขาก็ยังสู้พ่อของเขาไม่ได้อยู่ดี
เนื่องจากอิทธิพลอำนาจของวิบูลย์นั้นมีมาก
“มาแล้วค่ะ!”
และทันใดนั้นเองผู้หญิงที่อยู่ในห้องก็เป็นฝ่ายเดินออกไปเอง
ภาสดรรู้สึกอึ้งไป
มองดูเธอเดินออกไปจากข้างๆตัวเองแบบนี้ เดินผ่านห้องรับแขก ถึงหน้าประตูห้องแล้วเปิดประตูบานนั้น “แกร๊ก” เขาก็รู้สึกงุนงงไป
จนกระทั่ง หลังจากที่ประตูบานนั้นเปิดออก เขาเห็นชายวัยรุ่นรูปร่างแข็งแรงดูองอาจกล้าหาญยืนอยู่ตรงนั้น
“คุณเองเหรอ?”
“ใช่ครับ ท่านประทานบอกแล้วว่าคุณหนูต้องการให้พวกเราพาตัวคุณภาสดรกลับไป ทางผมก็จัดการเอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้วครับ พวกคุณทั้งสองคนตอนนี้สามารถออกเดินทางได้แล้วครับ”
ดลธีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู อธิบายกับคุณหนูคนนี้ด้วยความอดทน
แล้วสายตาของเขาก็เหลือบมองไปยังภายในห้องอีกด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านในแล้ว เวลานี้ปลอดภัยไม่ประสบกับปัญหาใดๆแล้ว ลักษณะท่าทางก็ผ่อนคลายลง
แสงดาว : “อะไรกันที่ว่าฉันต้องการให้พวกคุณเอาตัวเขากลับไป? นั่นมันเป็นเรื่องของแสนรัก!!”
“ครับครับ เป็นเรื่องของประธานของเราจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้….พวกคุณหนูสามารถออกเดินทางได้แล้วหรือยังครับ? แล้วก็คุณภาสดร คุณรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? สามารถเดินได้ไหมครับ?”
ในขณะเดียวกันดลธีก็ช่วยปิดบังแทนผู้หญิงคนนี้
เขามองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ในห้องอีกครั้ง
กลับเห็นว่า หลังจากที่สิ้นเสียงคำพูดของเขาแล้ว เดิมทีคนที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร รอยช้ำที่ยังไม่หายตรงหน้าผาก และดูตึงขึ้นมา
ดูเหมือนกับจะไม่พอใจในการจัดการแบบนี้
ดลธี : “……..”
แสงดาวเองก็หันหน้ามาเช่นกัน เธอมองบุคคลนี้ : “คุณยังจะยืนโง่ทำอะไรอยู่? รีบไปเก็บของสิ ยังอยากจะอยู่ที่นี่แล้วถูกพ่อคุณจับตัวกลับไปอีกอย่างนั้นเหรอ?”
เพียงประโยคเล็กน้อย เป็นน้ำเสียงที่ทั้งรีบด่วนและยังเป็นคำสั่งอีกด้วย
ริมฝีปากบางของภาสดรเม้มเข้าหากัน
ชั่วครู่หนึ่งเขาที่อยู่ภายใต้การจ้องมองด้วยความหงุดหงิดของผู้หญิงคนนี้ ก็ค่อยๆเดินเข้ามา