ตอนที่ 1222: เจียงหยาง หมิงเยว่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1222: เจียงหยาง หมิงเยว่

เจี้ยนเฉินสั่นอยู่ข้างในเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น หลังจากที่ตรวจสอบดูร่างชายวัยกลางคนที่แข็งอยู่ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างห้ามไม่ได้ในใจ แม้แต่ผู้คุมกฎของทวีปสัตว์เทวะที่ถึงขั้นสูงสุดของเซียนจักรพรรดิและอยู่ห่างจากขอบเขตดั้งเดิมเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็ยังมาถูกแช่แข็งตายที่นี่ ความตกใจนี้มากกว่าที่เจี้ยนเฉินเห็นเซียนจักรพรรดิสามสิบกว่าคนและสัตว์อสูรระดับ 9 ก่อนหน้านี้เสียอีก

พลังของเซียนจักรพรรดิขั้นสูงสุดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเซียนจักรพรรดิธรรมดา ความแตกต่างนั้นก็เหมือนเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 เทียบกับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 หรือเซียนราชาขั้นสูงสุดเทียบกับคนที่พึ่งจะได้เป็นเซียนราชา แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ความแตกต่างนั้นก็มากมาย

ไม่เพียงแต่เออตอนจะเป็นเซียนจักรพรรดิขั้นสูงสุดเท่านั้น เขายังเป็นสัตว์อสูรโบราณด้วยเช่นกัน เขาทรงพลังมากกว่าเซียนจักรพรรดิมนุษย์มาก และมันคงจะจริงถ้าจะบอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดรองจากขอบเขตดั้งเดิม แต่แม้แต่คนอย่างเออตอนยังหลีกเลี่ยงการแข็งทื่อไม่ได้ ไม่เพียงแต่นี่จะทำให้เจี้ยนเฉินและนูบิสสั่นอยู่ข้างในเท่านั้น แม้แต่รุยจิน เฮยยู่ และหงเหลียนก็ยังรู้สึกเหมือนกัน

“ห้าแสนปีก่อน เออตอนนั้นไร้เทียมทาน ไม่มีใครที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขายังมาพบจุดจบที่ผืนน้ำแข็งนี้และไม่ได้พลาดพลั้งในการต่อสู้ด้วยซ้ำ ที่นี่น่ากลัวมากจริง ๆ ” นูบิสพูดออกมาอย่างตกใจ เขาสั่นอยู่ข้างใน ความกลัวของเขาต่อสถานที่นี้นั้นหนักขึ้นมากหลังจากที่ใต้เห็นศพแช่แข็งของเออตอน

ไม่แค่นูบิสเท่านั้น แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังสั่นกลัว ผืนน้ำแข็งนี้น่ากลัวมาก แค่อากาศที่หนาวเย็นก็เพียงพอที่จะทำให้เซียนจักรพรรดิแข็งตายได้แล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมบรรพบุรุษเซียนจักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ถึงได้กลัวศาลาเทพธิดาน้ำแข็งมาก

รุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่มองหน้ากันและเคร่งเครียดมาก แม้แต่ต่อหน้าเซียนจักรพรรดิ พวกเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีเคร่งเครียดขนาดนี้มาก่อน

นูบิสโค้งคำนับให้เออตอนก่อนที่จะเดินทางต่อไปพร้อมเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่แตะต้องศพของเออตอน ไม่แม้แต่แหวนมิติที่อยู่ที่นิ้วของเขา หลังจากสิ่งที่พวกเขาเจอมาก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดก็รู้ว่า ทั้งเออตอนและแหวนมิติของเขานั้นได้กลายเป็นน้ำแข็งมาหลายปีแล้ว ร่างทั้งหมดของเขาคงจะกลายเป็นเศษน้ำแข็งหลังจากที่ชั้นน้ำแข็งถูกทำลายไป

ทุกคนรู้สึกหนักใจหลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเออตอน พวกเขาไม่ได้พูดอะไรและเดินทางตรงไปต่อ

หลังจากที่เดินทางไปได้อีกร้อยกิโลเมตร นูบิสก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปในฐานะที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาถูกเจี้ยนเฉินดูดเข้าไปในวัตถุเซียน ถ้าไม่ใช่เพราะร่างบรรพกาลและพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน เขาก็คงไม่สามารถทนมาได้จนถึงตอนนี้เช่นกัน ความหนาวเย็นนั้นถึงระดับที่น่ากลัวจนแม้แต่พลังเซียนของเซียนราชายังแข็งได้ เหตุผลที่รุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ยังสามารถไปต่อได้นั้นเป็นเพราะพวกเขาใช้พลังที่สุดยอดของพวกเขาพร้อมกับเกราะพลังงานดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ดีว่าความหนาวนี้นั้นยังห่างไกลเมื่อเทียบกับเมื่อหลายแสนปีก่อน ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่สามารถไปได้ไกลกว่าเออตอนด้วยความแข็งแกร่งระดับเซียนราชาของพวกเขา พวกเขาอาจจะถูกแช่แข็งเหมือนรูปปั้นก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นเซียนจักรพรรดิที่ถูกแช่แข็งพวกนั้นแล้ว

พวกเขาเดินทางต่อไปอีกครึ่งวัน แต่พวกเขาเดินทางไปได้แค่ 500 กิโลเมตรเท่านั้น พวกเขาเจอหมอกความเย็นที่ไร้ขอบเขตเป็นอุปสรรค หมอกดูเหมือนจะเป็นกำแพงทางธรรมชาติที่ขวางทางของพวกเขาเอาไว้

“หมอกนี่มีอะไรบางอย่าง” หงเหลียนพูดออกมาอย่างหนักแน่นในขณะที่นางจ้องไปที่หมอกหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดจะหยุด มันไม่มีเหตุผลที่จะมีหมอกอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิที่หนาวเย็นจนน่ากลัวแบบนี้

หมอกนั้นเป็นหยดน้ำ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีน้ำอยูในดินแดนที่รกร้างนี้ เพราะมันควรจะแข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้ว

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปดู” หงเหลียนพูด ไฟบนร่างนางสว่างมากขึ้นและปิ่นเทพเพลิงก็ปรากฎขึ้นในมือของนาง นางเดินเข้าไปในเขตหมอกอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่นางก้างเข้าไปในหมอก เสียงซู่ก็ดังขึ้นมาทันทีที่หมอกแตะกับเพลิง อย่างไรก็ตาม หมอกนั้นก็น่ากลัวมากกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ หงเหลียนทนอยู่ได้ไม่กี่วินาทีก่อนที่เพลิงของนางจะถูกหมอกทำให้ดับ ในไม่กี่วินาทีต่อไป ไฟก็ถูกดันกลับเข้าไปในร่างของนาง ความหนาวเย็นเข้าใกล้หงเหลียนอย่างรวดเร็วจนเกราะขนนกสีเพลิงของนางถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง

หงเหลียนหน้าซีดไปด้วยความกลัว นางรู้นานแล้วว่าหมอกนี้นั้นไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็น แต่นางก็ไม่ได้คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้ นางไม่ลังเลและไฟสีขาวก็พุ่งออกมาจากปิ่นของนางและหุ้มนางไว้ในทันที

พลังของเพลิงสีขาวนั้นเทียบไม่ได้กับเพลิงสีแดง ทันทีที่เพลิงขาวปรากฏขึ้น คริสตัลน้ำแข็งบนร่างของนางก็ละลายไปและแม้แต่หมอกที่อยู่รอบ ๆ ยังร่นห่างออกไป 3 นิ้ว

หงเหลียนโล่งใจ นางเดินต่อไปในขณะที่ปกป้องตนเองต่อไปด้วยปิ่นของนาง อย่างไรก็ตาม ความเย็นในหมอกนั้นก็เพิ่มขึ้นเมื่อนางเข้าไปลึกขึ้น หมอกเข้ามาใกล้ขึ้นครึ่งนิ้วและอยู่ห่างจากนางสองนิ้วครึ่งในตอนนี้

ในตอนที่นางก้าวต่อไปในก้าวที่สอง หมอกก็เข้ามาใกล้อีกครึ่งนิ้วและอยู่ห่างสองนิ้วในตอนนี้ ก้าวที่สาม มันก็อยู่ห่างออกไปหนึ่งนิ้ว และก้าวที่สี่มันก็อยู่ห่างออกไปครึ่งนิ้วเท่านั้น

หงเหลียนถอนหายใจเบา ๆ ในขณะที่นางมองไปที่หมอกที่ไม่รู้ไปจบที่ใด นางถอยออกมาอย่างระวัง นางรู้ว่าถ้านางก้าวเข้าไปเป็นก้าวที่ห้า ความเย็นจะต้องผ่านเข้ามาในผิวหนังของนางและนางต้องแข็งเป็นรูปปั้นแน่ แม้แต่อาวุธพลังงานดั้งเดิมของนางก็ไม่พอที่จะทำให้นางปลอดภัยได้

“พวกเจ้าก็น่าจะเห็นเหมือนกัน หมอกนี่นั้นน่ากลัวกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้ แม้แต่ข้าก็สามารถเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น พวกเจ้าผ่านมันไปไม่ได้หรอก” หงเหลียนพูดออกมาอย่างหดหู่ นางเป็นสุดยอดทางด้านเพลิงและสามารถเอาชนะความหนาวเย็นได้ อย่างไรก็ตาม แม้แต่หมอกก็ยังไม่เปิดทางให้นางแม้ว่านางจะเอาอาวุธพลังงานดั้งเดิมออกมา นางไม่สามารถเบิกบานได้จากเรื่องนี้

เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาก็เห็นว่าหมอกนั้นน่ากลัวเพียงใด มันเหมือนเป็นกำแพงที่หยุดพวกเขาเอาไว้ มันไร้ขอบเขต แต่ถ้าพวกเขาไม่ผ่านมันไป พวกเขาก็คงต้องหยุดเดินทางต่อที่นี่ อย่าว่าแต่การตามหาศาลาเทพธิดาน้ำแข็งเลย

ในเวลาเดียวกัน ในห้องที่สร้างมาจากน้ำแข็งทั้งห้อง มีหญิงสาวที่ดูเหมือนมีอายุยี่สิบกว่ากำลังนั่งอยู่บนชิ้นน้ำแข็งสีขาวเพื่อฝึกฝนอยู่

หญิงสาวนี้น่ารักมาก ความงามของนางนั้นเฉิดฉายกว่าพระจันทร์ นางขาวนวลไปหมด ไม่เพียงแต่ผมของนางเท่านั้น มันยังรวมไปถึงคิ้วและขนตาของนางด้วย

หญิงสาวคนนี้คือ เจียงหยาง หมิงเยว่ที่ออกมาจากตระกูลเมื่อหลายปีก่อน

ทันใดนั้นเอง เจียงหยาง หมิงเยว่ก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าของนางประหลาดใจ และนางพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “น้องเล็ก นั่นมันน้องเล็กของข้า ข้าจะไปหาน้องเล็กของข้า…” หลังจากนั้น นางก็กระโจนออกไปจากน้ำแข็งและวิ่งออกไปจากห้องเหมือนภาพพร่ามัวสีขาว

มีห้องที่สร้างมาจากน้ำแข็งและหิมะทั้งห้อง และของตกแต่งทั้งหมดก็สร้างมากจากผลึกน้ำแข็ง มันส่องประกายและสวยงามมาก แม้ว่าห้องจะตกแต่งอย่างมหํศจรรย์มาก แต่มันก็เป็นสีขาวหิมะทั้งหมด มันมีเพียงสีขาวและอุณหภูมิก็ต่ำอย่างน่าเหลือเชื่อ

เมื่อเทียบกับอุณหภูมิในห้องแล้ว ถ้ำน้ำแข็งตลอดกาลก็เป็นเหมือนปล่องภูเขาไฟ

คนที่ใส่ชุดเกราะสีขาวนั่งอยู่บนเตียงน้ำแข็งในห้องนี้ ตาของนางปิดอยู่และเกราะก็ปกคลุมนางอยู่ทั้งหมดเหลือเพียงตาเท่านั้น

ในตอนนี้เองประตูห้องก็ถูกเปิดออก เจียงหยาง หมิงเยว่วิ่งเข้ามาเท้าเปล่าด้วยความยินดี นางพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “ผู้พิทักษ์ซุย ข้าจะไปหาน้องชายของข้า ข้าจะไปหาน้องชายของข้า น้องเล็กมาที่นี่ และเขาถูกปราณน้ำแข็งที่ลึกซึ้งขวางเอาไว้ ปล่อยเขาเข้ามาเร็ว” เสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น บางทีอาจเป็นเพราะความตื่นเต้นของนาง แก้มของนางจึงแดงบนใบหน้าที่ขาวซีดของนาง

ผู้พิทักษ์ซุยลืมตาขึ้นช้า ๆ นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาในตอนที่นางเห็นว่าเจียงหยาง หมิงเยว่นั้นตื่นเต้นเพียงใด นางพูด “ฝ่าบาท ท่านลืมพวกเขาไปไม่ได้งั้นหรือ ? ” คำว่า ‘พวกเขา’ ที่นางกล่าวถึงไม่ได้หมายความถึงเจี้ยนเฉินเท่านั้น มันยังหมายถึงคนของตระกูลเจียงหยางและคนทั้งหมดที่เจียงหยาง หมิงเยว่เคยรู้จัก

เจียงหยาง หมิงเยว่เริ่มโกรธ “ผู้พิทักษ์ซุย ข้าจะไม่ลืมน้องชายของข้า เขาจะเป็นน้องชายของข้าเสมอมา เร็วเข้า ให้เขาเข้ามา”

“เฮ้อ” ผู้พิทักษ์ซุยถอนหายใจ ตาของนางเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้