บทที่ 1940 โพ่จวินใช้กำลังทหารบีบบังคับราชัน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ก่อนตายเซี่ยโห้วท่ากำชับเอาไว้หลายเรื่อง เซี่ยโห้วลิ่งนึกไม่ค่อยออก หันกลับมาถามว่า “เรื่องไหน?”

“เกี่ยวกับราชินีสวรรค์เหนียงเหนียง ท่านพูดเอาไว้ตรงนี้” เว่ยซูตอบอย่างใจเย็น

เซี่ยโห้วลิ่งงงไปชั่วขณะ ชั่วพริบตาเดียวก็มีภาพเหตุการณ์หนึ่งกระโดดเข้ามาในหัวเขา ทำให้เขาค่อนข้างใจลอย

ไม่ผิดหรอก ใต้ต้นไม้ต้นนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กำลังป้อนอาหารท่านพ่อ หลังจากท่านพ่อไล่คนอื่นออกไป เหลือเขาเอาไว้ แล้วตั้งใจสั่งเสียเอาไว้หลายประโยค พอนึกขึ้นได้ประโยคเหล่านั้นดังก้องอยู่ในหูเขา

ท่านพ่อบอกว่า “รับปากข้าหนึ่งเรื่อง”

ข้าบอกว่า “ลูกชายฟังอยู่ขอรับ”

ท่านพ่อบอกว่า “ไม่ว่าในภายหลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าในภายหลังนางหนูเฉิงอวี่จะทำอะไร แต่ตระกูลเซี่ยโห้วต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่ง จะต้องพยายามปกป้องชีวิตของนางไว้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็รับนางกลับบ้าน หาสภาพแวดล้อมดีๆ ให้นางอยู่อย่างสงบสุข ดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ปกป้องให้นางสิ้นอายุขัยตามธรรมชาติ?”

ข้าตอบว่า “เรื่องนี้ลูกจะจำใส่ใจไว้!”

เขาไม่ได้ลืมสิ่งเหล่านี้ แม้ในใจเขาจะรู้ชัดเจน แต่ตอนนี้ท่านพ่อยังไม่ตาย ไม่ว่าท่านพ่อจะขออะไร เขาก็รับปากทั้งนั้น เพราะขเารู้ว่าต่อให้ท่านพ่อจะมอบอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วให้เขา แต่ก็สามารถเรียกคืนกลับไปได้ทุกเมื่อ ต่อให้เขาไม่อยากเชื่อฟังก็ต้องเชื่อฟัง

เพียงแต่เรื่องในตอนนั้น เขาเองก็รับปากจากใจจริง เป็นเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปแล้ว เมื่อท่านพ่อตาย สถานการณ์ในใต้หล้านี้ก็เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไม่สงบเหมือนเก่าแล้ว อิทธิพลที่ท่านพ่อมีต่อใต้หล้านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาเทียบได้เลย

หลังจากเซี่ยโห้วลิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก็บอกว่า “สงสัยท่านพ่อจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าหลังจากเขาตายไป เฉิงอวี่จะไม่ยอมถูกควบคุม”

เว่ยซูกล่าวว่า “นายท่านใหญ่เคยกล่าวไว้ นี่คือสิ่งที่แน่นอน ไม่มีใครยอมถูกบงการไปทั้งชีวิต ขอเพียงมองเห็นโอกาสก็ย่อมคิดหาทางหลุดพ้น” มีประโยคหนึ่งที่เขาไม่ได้เอ่ยออกมา นั่นก็คือ ตอนที่นายท่านใหญ่ยังอยู่ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว คำพูดแบบนี้ ถ้าพูดออกมาก็ไม่ต่างอะไรกับกำลังบอกว่าหัวหน้าตระกูลอย่างเขา มีบารมีไม่มากพอ

เซี่ยโห้วลิ่งกล่าวด้วยใบหน้าตึง “คำพูดของท่านพ่อ ข้ายอมปฏิบัติตาม แต่เฉิงอวี่ทำเกินไปแล้ว เป็นการทรยศต่อตระกูลเซี่ยโห้วชัดๆ!”

“ดังนั้น ตอนนั้นนายท่านใหญ่จึงกำชับเหนียงเหนียงไว้ด้วยว่า ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้ม เหนียงเหนียงก็จะไม่เป็นอะไร!” เว่ยซูกล่าว

คำพูดนี้เซี่ยโห้วลิ่งก็จำได้เช่นกัน ตอนที่พูดเขาก็อยู่ข้างๆ ด้วย “เกี่ยวอะไรกับที่ท่านพ่อกำชับข้าไว้?”

เว่ยซูบอกว่า “แน่นอนว่าเกี่ยวข้อง นายท่านใหญ่บอกเหนียงเหนียงว่าตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้มนางก็จะไม่เป็นอะไร ก็เพราะอยากจะให้นางเข้าใจว่านางคือคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนอยู่ข้างหลังนางตลอดไป สิ่งที่นายท่านใหญ่บอกนายท่านไว้ ก็เพราะหวังว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะสามารถสนับสนุนราชินีสวรรค์เหนียงเหนียงตลอดไป สิ่งที่นายท่านใหญ่กำชับกับนายท่านและราชินีสวรรค์เหนียงเหนียงก็คือสิงที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน”

เซี่ยโห้วลิ่งไม่ค่อยเข้าใจ หันกลับมามองหน้าเขาตรงๆ หวังว่าเขาจะอธิบาย

เว่ยซูเข้าใจเจตนาของเขา อธิบายว่า “ตำแหน่งราชินีสวรรค์แม้จะดูสวยงาม แต่การที่เหนียงเหนียงเข้าวังไปนั่งตำแหน่งนั้น ก็เพื่อรับความอยุติธรรมแทนตระกูลเซี่ยโห้ว ได้รับความอยุติธรรมมากมาย ได้รับความอยุติธรรมอย่างที่คนนอกจินตนาการไม่ถึง แต่ก็เพราะตระกูลเซี่ยโห้ว นางจึงต้องอดทนไว้ ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่าย นายท่านใหญ่บอกว่าเหนียงเหนียงอุทิศคุณูปการและเสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อตระกูลเซี่ยโห้ว เหนียงเหนียงก็คือธงอีกด้านของตระกูลเซี่ยโห้ว ตราบใดที่นางยังอยู่วังสวรรค์ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่ล้ม ต่อให้ตอนนี้มีจุดใดที่ทำไม่ถูก แต่ก็แตะต้องนั่งไม่ได้ ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วยังไม่ล้ม ช้าเร็วนางก็ต้องขอร้องให้ตระกูลเซี่ยโห้วช่วยเหลือ แต่ถ้ากำจัดนางเมื่อไหร่ นายท่านแน่ใจหรือว่าจะสนับสนุนคนอื่นของตระกูลเซี่ยโห้วให้เป็นราชินีสวรรค์อย่างราบรื่นได้? มิหนำซ้ำต่อให้เปลี่ยนผู้หญิงคนอื่นของตระกูลเซี่ยโห้วขึ้นสู่ตำแหน่งแล้ว แต่สถานการณ์เดียวกันก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี ยังจะช่วงชิงผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนเดิม

ราชินีสวรรค์ยังเป็นธงอีกด้านหนึ่งของผู้หญิงตระกูลเซี่ยโห้ว ความใจกว้างที่มีต่อเหนียงเหนียง ผู้หญิงของตระกูลเซี่ยโห้วก็จะได้เห็น ถ้าคนที่เสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อตระกูลเซี่ยโห้วอย่างเหนียงเหนียงยังให้อภัยไม่ได้ แล้วจะให้ผู้หญิงคนอื่นของตระกูลเซี่ยโห้วคิดยังไง? ยกคำพูดของนายท่านใหญ่มา ทุกเรื่องต้องมองถึงระยะยาว อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับความเสียหายของเรื่องไม่เป็นเรื่อง ต้องดูว่าใครจะได้หัวเราะจนถึงตอนสุดท้าย นายท่านใหญ่กำชับให้นายท่านปกป้องเหนียงเหนียง ไม่ใช่เพื่อเหนียงเหนียงเท่านั้น แต่เพื่อนายท่านด้วย เพื่อตระกูลเซี่ยโห้วด้วยเช่นกัน ลองคิดดูว่าถ้าเหนียงเหนียงล้ม แต่ตระกูลเซี่ยโห้วกลับไม่มีใครรับช่วงต่อตำแหน่งนั้นแล้ว ส่งผลกระทบใหญ่หลวง โดยเฉพาะกับนายท่าน!”

เซี่ยโห้วลิ่งเงียบไปนานมาก เมื่อได้ฟังแบบนี้ความโกรธก็หายไปแล้วเช่นกัน สุดท้ายก็ถอนหายใจ “เฉิงอวี่นางเด็กนั่นสมคบกับหนิวโหย่วเต๋อ ในภายหลังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรอีก”

เว่ยซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม  “ถ้าเหนียงเหนียงสมคบกับคนอื่นก็ยังควรค่าให้กังวล แต่ถ้าสมคบกับหนิวโหย่วเต๋อ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป จุดอ่อนที่ถึงตายของหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในมือนายท่านแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? หนิวโหย่วเต๋อสร้างอำนาจยิ่งใหญ่แล้ว สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นก็ยังต้องตกมาเป็นของนายท่าน”

“เอ่อ…” เซี่ยโห้วลิ่งอึ้งทนัที เพี้ยะ! เขายกมือตบหน้าผากตัวเอง แล้วบอกว่า “ข้าโมโหนางเด็กเฉิงอวี่นั่นจนเลอะเลือนแล้ว” พูดจบก็ส่ายหน้าหลุดขำ เพียงแต่ขำไปขำมาก็เริ่มแข็งทื่อ ไม่ผิดหรอก สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อตระกูลเซี่ยโห้วจริงๆ แต่สำหรับเขาในตอนนี้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีอะไร เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “อย่าบอกนะว่าจะให้นิ่งดูดายแบบนี้?”

“แน่นอนว่าไม่ได้ สิ่งที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ แต่สิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำ เป็นสิ่งที่คุ้มกันให้หนิวโหย่วเต๋อเช่นกัน ลูกท้อน่ะ ต้องกินตอนสุกถึงจะอร่อย ยิ่งไปกว่านั้น ก็อย่าให้หนิวโหย่วเต๋อได้คืบเอาศอก ขุดผลประโยชน์ฝั่งพวกเราไปหมด ถ้าไม่มีรากก็ปลูกต้นท้อไม่ขึ้นอยู่ดี นี่ก็คือจุดที่เลิศล้ำของนายท่านใหญ่ สู้ก็ส่วนสู้ แต่แม้ร้อยพันหมื่นเปลี่ยนแปลง แต่ใจความก็ยังคงเดิม สถานการณ์ตอนสุดท้ายอยู่ในการควบคุมของนายท่านใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว อยู่ในจุดที่จะไม่พ่ายแพ้มาตั้งแต่แรกแล้ว!” เว่ยซูกล่าว

เซี่ยโห้วลิ่งขานรับ หลังจากไตร่ตรองดู เขาก็บอกว่า “จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ข้าต้องไปสักรอบ”

บรรดาผู้ถือหุ้นของร้านขายของชำกำลังซักถามแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับร้านขายของชำ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงไปอยู่ในการดูแลของตระกูลเซี่ยโห้วได้ ธุรกิจดิ่งลง กระทบต่อผลประโยชน์ของทุกคน สำนักลมปราณหนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาจบธุรกรรมเลย เรื่องของร้านค้าที่ตลาดสวรรค์ได้รับความเสียหายไม่น้อย ถ้าร้านขายของชำโดนวางกับดักอีก เขาก็จะกดดันมาก

“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับ

เพล้ง! ชามหยกตกแตกบนพื้น

ในตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เริ่มพังข้าวของอีกแล้ว ทำให้เหล่านางในตกใจจนตัวสั่น ช่วงนี้นางเจ้าอารมณ์มาก

ถึงแม้นางกับเหมียวอี้จะได้รับชัยชนะในช่วงหนึ่งไปแล้ว แต่กลับทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นไม่ได้ สนมสวรรค์จ้านหรูอี้ดูเหมือนถูกกักบริเวณ แต่แบบนั้นเรียกว่ากักบริเวณหรอ? เป็นการเพิ่มระดับการปกป้องชัดๆ ไม่น่าเชื่อว่าราชินีสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างนางจะเข้าไปไม่ได้ แบบนี้หมายความว่าอะไร? เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงกลัวนางจะทำร้ายจ้านหรูอี้

สิ่งที่ทำให้นางรับไม่ได้ที่สุดก็คือ ประมุขชิงไปที่ตำหนักบูรพาบ่อยขึ้น ถึงขั้นไปโผล่อยู่ที่นั่นวันละสองสามครั้ง ทำให้นางโมโหแทบบ้าอยู่แล้ว นี่นะเหรอเรียกว่ากักบริเวณ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้รู้ว่าบิดามารดาของจ้านหรูอี้ถูกปกป้อง นางก็แทบประสาทเสียแล้วจริงๆ ยังเป็นฝั่งเซี่ยโห้วลิ่งที่ไม่ถือสานาง ถึงขั้นเป็นฝ่ายวางแผนให้ นั่นก็คือปลุกปั่นให้โพ่จวินไปก่อเรื่อง

และช่วงนี้ประมุขชิงก็ค่อนข้างกลัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จริงๆ จะพูดอะไรก็ไร้ความมั่นใจ เพราะกินปูนร้อนท้อง ถ้าเขากล้าใส่อารมณ์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็จะใส่อารมณ์แรงกว่าเขา เรียกได้ว่าไม่กลัวตายเลย ตะคอกใส่เขาโดยตรงแล้ว ถามเขาตรงๆ ว่ายังจะมีกฎระเบียบไว้ทำไม? ประมุขชิงไร้เหตุผลจะเถียง จึงทำอะไรเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ได้ แล้วโพ่จวินก็ดันเข้ามาวุ่นวาย บอกประมาณว่าโทษของการก่อกบฏควรจะประหารเจ็ดชั่วโคตร ท่านเป็นราชันสวรรค์แต่ทำเกินไปแล้ว อิ๋งจิ่วกวงโดนลูกน้องเอาใจออกห่างก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว ท่านจะดำเนินรอยตามหรือ?

สรุปก็คือจะบอกว่า ตกลงท่านจะลงโทษจ้านหรูอี้หรือไม่ ถ้าไม่ลงโทษ ข้าน้อยก็จะช่วยท่านลงโทษเอง!

ต้องขอบคุณที่ซ่างกวนชิงไหวตัวเร็ว เมื่อพบเค้ารางว่าโพ่จวินจะบุกเข้าวังสวรรค์ ก็สั่งให้คนพาตัวสนมสวรรค์ไปซ่อนไว้ทันที โพ่จวินถือกระบี่บุกเข้าตำหนักบูรพา ทหารยามขวางเขาไม่ได้ คนของหน่วยองครักษ์ซ้ายไม่กล้าลงมือกับเขา หน่วยองครักษ์ขวาได้รับคำเตือนเร่งด่วนจากอู๋ฉวี่ว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม

สรุปก็คือโพ่จวินต้องการจะเข้าตำหนักบูรพา ถ้าทหารยามต้องการจะสังหารเขาก็สังหารได้เลย แล้วเจ้าจะให้ทหารยามทำอย่างไรล่ะ? ถ้าไม่มีบัญชาจะราชันสวรรค์ จะมีใครกล้าสังหารโพ่จวิน?

เดินวนอยู่ในตำหนักบูรพารอบหนึ่งแต่ไม่พบใคร มีคนแอบบอกใบ้สถานที่ซ่อนตัวของประมุขชิง ประมุขชิงที่ซ่อนตัวอยู่ถูกโพ่จวินหาพบแล้ว!

ประมุขชิงด่าเขาว่าผู้ใต้บังคับบัญชามารังแกผู้บังคับบัญชา ต้องการจะประหารเขา ให้เขาไสหัวไป!

โพ่จวินไม่แยแสเขาเลย บอกแค่ว่า เจ้าจะฆ่าข้า หรือจะฆ่าจ้านหรูอี้!

บวกกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เรื่อง ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเข้าประชิดวัง ประมุขชิงถูกบีบจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว แต่เขาฆ่าโพ่จวินได้เหรอ? จะฆ่าผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายเพราะเรื่องของจ้านหรูอี้น่ะเหรอ แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับคนบ้า! แต่เขาก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะปกป้องจ้านหรูอี้!

โพ่จวินโมโหแล้ว ออกจากวังสวรรค์ทันที อีกประเดี๋ยวเดียวก็นำกองทัพใหญ่เข้ามา อุดประตูวังสวรรค์พร้อมตะโกนว่าต้องการกวาดล้างคนเลวข้างองค์ราชัน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็จนใจมาก ดันมาเจอกับเจ้านายแบบนี้!

ประมุขชิงก็โมโหแล้วเช่นกัน ด่าโพ่จวินว่าจะก่อกบฏ สั่งให้อู๋ฉวี่เอาตัวไปประหารเดี๋ยวนี้ แต่อู๋ฉวี่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร จะให้เขารับบัญชานี้ได้ยังไง! ถ้าทำเรื่องนี้จริงๆ ไม่ใช่การทำลายประมุขชิงหลอกหรือ ถ้าประมุขชิงทำเรื่องนี้ ยังต้องการขวัญกำลังใจทหารของหน่วยองครักษ์ซ้ายอยู่ไหม? ทำไมกลัวพวกอ๋องสวรรค์ฉวยโอกาสต่อสถานการณ์วุ่นวายหรือ?

ประมุขชิงร้อนใจแล้ว สั่งให้ซ่างกวนชิงรวบรวมองครักษ์เงามาลงมือ ซ่างกวนชิงคุกเข่าตรงหน้าเขาทันที โดนเตะหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยอมรับบัญชา

จึงให้ซือหม่าเวิ่นเทียนระดมกำลังพลของหน่วยตรวจการซ้าย แต่ซือหม่าเวิ่นเทียนก็คุกเข่าเงียบๆ แล้วเช่นกัน

ให้เกาก้วนระดมกำลังพลหน่วยตรวจการขวา เกาก้วนกล่าวเสียงเรียบว่า “ออกไปจัดการคดีหมดแล้วครับ ต้องรออีกนานกว่าจะมา”

ประมุขชิงท้อใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยจะสั่งระดมกำลังพลไม่ได้สักหน่วย สุดท้ายก็สะบัดแขนเสื้อต้องการจะลงมือด้วยตัวเอง

โพ่จวินจึงชักดาบอยู่นอกวังเสียเลย สั่งให้คนล้อมวังสวรรค์ ตรวจค้น!

เมื่อเห็นตรงหน้ากำลังจะเกิดสถานการณ์ใช้กำลังทหารบีบบังคับราชัน

ซือหม่าเวิ่นเทียนและคนอื่นๆ ก็ต้องพุ่งเข้ามา ข้างในดึงตัวประมุขชิงเอาไว้ ส่วนข้างนอกก็ขวางโพ่จวินเอาไว้

สุดท้ายก็เป็นพวกซ่างกวนชิงที่โน้มน้าวอยู่พักหนึ่ง เรื่องราววุ่นวายถึงขั้นนี้แล้ว ประมุขชิงถูกกดดันจนต้องยอมถอย ถอดตำแหน่งสนมสวรรค์ของจ้านหรูอี้ แล้วส่งไปกลับบริเวณที่ตำหนักเย็น จะไม่ใช้งานนางตลอดไป!

เมื่อถ่ายทอดบัญชานี้ลงมา ทุกคนก็รู้ว่าจ้านหรูอี้ไม่มีวันขึ้นสู่ตำแหน่งราชินีได้อีกตลอดไป!

ไม่มีใครเข้าใจถึงความคับแค้นที่อยู่ในใจประมุขชิง ราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยปกป้องไม่ได้แม้แต่ผู้หญิงที่ตัวเองชอบ!

โพ่จวินนับว่าถูกปลอบโยนแล้ว ถอนกำลังทหารแล้ว!

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เองก็สบายใจขึ้นไม่น้อย แต่จากนั้นก็มีเรื่องที่ทำให้นางเดือดดาลอีก ครั้งนี้ประมุขชิงส่งจ้านหรูอี้ไปกักบริเวณที่อุทยานหลวง ให้จ้านหรูอี้ออกจากวังสวรรค์อันแสนเย็นชา ส่งไปกักบริเวณในจุดที่มีทิวทัศน์ภูเขาลำน้ำงดงาม มีกำลังทหารล้อมปกป้องอย่างแน่นหนา และวันนั้นประมุขชิงก็ค้างคืนที่นั่น!

แบบนี้เรียกว่าส่งตัวเข้าตำหนักเย็นเหรอ? แบบนี้เรียกกักบริเวณเหรอ? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อยากจะระเบิดอารมณ์จริงๆ

……………