ตอนที่ 1226: ติดอยู่ที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1226: ติดอยู่ที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง

รุยจินและหงเหลียนตกใจทันทีที่พวกเขาเห็นเฮยยู่ที่แข็งเป็นรูปปั้นในพริบตา เฮยยู่มีเพราะพลังงานดั้งเดิมคอยปกป้องอยู่และมีอาวุธพลังงานดั้งเดิมในการโจมตี เขายังสามารถรับมือกับเซียนจักรพรรดิได้โดยไม่พ่ายแพ้ แต่เขาช่างเปราะบางต่อหน้าผู้พิทักษ์ซุยที่แช่แข็งเขาได้โดยที่เขาไม่มีโอกาสขัดขืนเลย ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นความน่ากลัวของผู้ที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิแล้ว

เจี้ยนเฉินและนูบิสจ้องไปที่เฮยยู่ด้วยความตกใจ ในขณะที่จิตใจของพวกเขาปั่นป่วน

หยูเฟิงหยานก็ยังสามารถบอกได้เลยว่าทั้งสามคนนั้นสู้ผู้พิทักษ์ซุยไม่ได้ นางกังวลขึ้นมาทันที นางรู้ว่าพวกเขาช่วยนางค่อนข้างมากที่นางมาถึงที่นี่ได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ในความคิดเห็นของนาง เหตุผลที่ทั้งสามเดินทางมาไกลถึงศาลาเทพธิดาน้ำแข็งก็เป็นเพราะนาง ถ้าพวกเขาทั้งสามต้องมาพบกับปัญหาเพราะนาง นางก็คงเสียใจมาก

“ผู้อาวุโส มันเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปล่อยผู้อาวุโสรุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ไป ในฐานะตัวแทนของหมิงเยว่ ? ” หยูเฟิงหยานตะโกนออกไป นางไม่ต้องการให้ทั้งสามติดอยู่ที่นี่เพราะนางเป็นต้นเหตุ

สายตาของผู้พิทักษ์ซุยเย็นชาและไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิงเหมือนน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย แม้ว่านางจะได้ยินคำขอของหยูเฟิงหยาน แต่นางก็ไม่ทำอะไร นางไม่แม้แต่มองหยูเฟิงหยานและไม่สนใจหยูเฟิงหยานเลย

ในความเป็นจริงแล้ว หยูเฟิงหยานก็คงไม่สามารถยืนอยู่ที่นี่อย่างไม่ได้รับอันตรายได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางเป็นแม่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์

“เจ้าจะให้ข้าทำลายวัตถุเซียนของพวกเจ้า หรือพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ตลอดกาล ? ” ผู้พิทักษ์ซุยถามรุยจินและหงเหลียนอย่างเย็นชา

“หืม แม้ว่าข้าจะรู้ว่าข้าไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่พวกเราก็ไม่ส่งสมบัติให้ไปหรอก ทางเดียวที่เจ้าจะทำลายพวกมันได้คือการข้ามศพของข้าไป” รุยจินตอบกลับอย่างเย็นชาก่อนที่จะเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา แสงสว่างจ้าของเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ในขณะที่คลื่นพลังงานที่น่ากลัวก็กระเพื่อมอยู่รอบ ๆ เขา ชั้นเกล็ดมังกรสีทองก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน ไฟก็พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าที่ข้าง ๆ เขา เสียงร้องของนกฟีนิกซ์ดังออกมาอย่างชัดเจน หงเหลียนเปลี่ยนเป็นฟีนิกซ์ใหญ่ที่ยาวหลายสิบเมตรและห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง เกราะขนนกเทพเพลิงปกคลุมร่างของนางอยู่ ในขณะที่ปิ่นเทพเพลิงแผดผาลอยอยู่เหนือหัวของนาง ไฟรอบ ๆ นางเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว และเปล่งรัศมีความร้อนที่น่ากลัวออกมา

“นูบิส ท่านป้า ทั้งสองเข้าไปในวัตถุเซียนก่อน” ในตอนที่รุยจินและหงเหลียนเปลี่ยนร่าง เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาส่งทั้งสองเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

เสียงคำรามบาดหูดังขึ้นพร้อม ๆ กัน รุยจินและหงเหลียนเคลื่อนที่พร้อมกัน และร่วมมือกันโจมตีอย่างเต็มกำลัง ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงแสบตาออกมา ในขณะที่มันถูกเหวี่ยงไปที่ผู้พิทักษ์ซุยด้วยพลังมหาศาลที่น่าตกใจ

ปิ่นเทพเพลิงแผดเผาถูกห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง มันเปล่งรัศมีความร้อนที่ร้อนยิ่งกว่าพระอาทิตย์ ในขณะที่มันพุ่งไปที่ผู้พิทักษ์ซุยด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ที่ใดก็ตามที่มันผ่านไป อากาศก็จะมีกลิ่นไหม้ มันดูเหมือนจะเผาผลาญอากาศได้

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจแล้วซินะ ดีมาก ! ” ผู้พิทักษ์ซุยพูดออกมาอย่างเย็นชา ตาของนางเป็นประกายและดาบกับปิ่นก็หยุดทันที ม่านพลังที่มองไม่เห็นหยุดพวกมันเอาไว้ พวกมันเคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะน่ากลัวเพียงใด

ในตอนต่อมา ชั้นผลึกน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นที่อาวุธทั้งสอง ความคมของดาบและเพลิงที่น่ากลัวของปิ่นไม่สามารถหยุดการลุกลามของน้ำแข็งได้ ที่ใดก็ตามที่ผลึกลามไป ปราณดาบก็ถูกแช่แข็งและไฟสีขาวก็ดับลงทันที ในพริบตา อาวุธที่ไร้เทียมทานก็ถูกแช่แข็งไปด้วยชั้นน้ำแข็งบาง ๆ

ใบหน้าของรุยจินและหงเหลียนแสดงความตกใจออกมา ต่อมา ใบหน้าของพวกเขาก็แข็งทื่อไปทันที เวลาเหมือนช่างยาวนาน ในขณะที่ชั้นน้ำแข็งบางบางก็ปรากฏขึ้นที่พวกเขาอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน ผลึกน้ำแข็งปกคลุมพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรและเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

แม้ว่าชั้นน้ำแข็งจะบาง แต่มันก็มีความยิ่งใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่มันจะแช่แข็งพวกเขาเท่านั้น แต่สายธารความเย็นยังลามไปถึงร่างกายของพวกเขาเช่นกัน และแช่แข็งพลังงานและวิญญาณของพวกเขาไป

ในตอนนี้ รุยจิน หงเหลียน เฮยยู่ได้หมดสติไป สำหรับพวกเขา มันก็เหมือนหยุดเวลาไป

“ผู้อาวุโส ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เขาไปถึงที่ข้าง ๆ รุยจินและเหวี่ยงหมัดอย่างต่อเนื่องไปที่น้ำแข็ง หมัดแต่ละหมัดนั้นเต็มกำลังเพราะเขาพยายามที่จะให้รุยจินหลุดออกมาจากการแช่แข็ง

อย่างไรก็ตาม ผลึกนั้นก็แข็งแรงมากถึงแม้ว่ามันจะบาง หมัดของเจี้ยนเฉินที่ทำลายภูเขาได้อย่างง่ายดายยังทำให้เกิดเสียงค่อย ๆ เท่านั้นในตอนที่ต่อยไปโดนน้ำแข็ง เขาไม่สามารถแม้แต่ทิ้งร่องรอยไว้ที่น้ำแข็งได้ อย่าว่าแต่การทำลายมันเลย

เจี้ยนเฉินเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเขาออกมา หลังจากที่เห็นว่าหมัดของเขาทำอะไรไม่ได้ เขาทุ่มกำลังทั้งหมดแทงออกไป

ชิ้ง ! ปลายกระบี่ที่แหลมคมปะทะเข้ากับผลึกน้ำแข็ง กระบี่สะท้อนเสียงดังชัดออกมา การโจมตีของเขาที่อยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ยังไม่สามารถจะสร้างรอยขีดข่วนได้แม้แต่รอยเดียวบนน้ำแข็ง

เจี้ยนเฉินไม่ยอมแพ้ เขาคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่ผมและเสื้อผ้าของเขาพลิ้วไสวไปด้วยพลัง เขาเหวี่ยงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไปที่น้ำแข็งที่ขังรุยจินเอาไว้ ซึ่งมันก็เกิดเสียงทุกครั้งที่เขาโจมตีเข้าไป การโจมตีทุกครั้งของเขาเป็นการทุ่มสุดตัว แต่ชั้นน้ำแข็งก็ยังไม่เป็นอะไรแม้ว่าเขาจะเหวี่ยงดาบไปหลายร้อยครั้ง เขาทิ้งรอยให้เกิดบนน้ำแข็งไม่ได้เลย

ผู้พิทักษ์ซุยยืนไม่ไหวติงอยู่บนสุดของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง นางจ้องอย่างเย็นชาไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูดออกมา “เอาเลย เจ้าไม่สามารถทำลายผนึกน้ำแข็งของข้าได้หรอก เจ้าทำไม่ได้ถึงเจ้าจะเป็นเซียนจักรพรรดิก็เถอะ”

เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาไม่สามารถทำลายชั้นน้ำแข็งนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงหยุดการกระทำที่ไร้ประยชน์ เขาหันไปหาผู้พิทักษ์ซุยแล้วพูด “ผู้อาวุโส ท่านก็ได้แช่แข็งสมบัติของตระกูลไปแล้ว ท่านจะปล่อยผู้อาวุโสทั้งสามไปไม่ได้หรือ ? ”

“ข้าได้ปล่อยเจ้าไปอย่างไร้รอยขีดข่วนเพื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่เจ้ายังมาตีฝีปากกับข้าอีกหรือ ? ” ตาของนางแหลมคมขึ้นในตอนนี้ ในขณะที่จิตสังหารกระจายอยู่ในคำพูดของนาง นางเหวี่ยงแขน แล้วเจี้ยนเฉินก็หายไปจากผืนน้ำแข็งทันที

เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนว่าเขาติดอยู่ในแรงที่มองไม่เห็น แรงนั้นมหาศาล มหาศาลเหมือนว่าเขากำลังเจอบางอย่างที่กว้างใหญ่เหมือนจักรวาล เขารู้สึกอ่อนแอเหมืนมดต่อหน้าแรงนี้ และเขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านเลย ความคิดที่จะต่อต้านมันไม่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเลย

“โอ้ ไม่นะ ผู้พิทักษ์กำลังจะทำอะไรบางอย่างกับข้างั้นหรือ ? ” หัวใจของเจี้ยนเฉินตกไปอยู่ตาตุ่ม ทันทีที่เขาคิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกตัวเบา พลังที่มองไม่เห็นจู่ ๆ ก็หายไป ซึ่งตามมาด้วยคลื่นความร้อนที่กวาดไปทั่วร่างของเขา โลกน้ำแข็งได้หายไป ในตอนนี้เขายืนอยู่ที่เขตแผ่นดินที่ห่างไกลออกไป

เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาได้กลับมายังทวีปเทียนหยวนแล้ว แต่เขาไม่สามารถดีใจได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เพราะว่า รุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ยังติดอยู่ที่ผืนน้ำแข็งทางเหนือนั้น พวกเขายังไม่ได้กลับมากับเขา

ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่เขาดึงเอาแผนที่ออกมาอย่างเร็วเพื่อที่จะหาตำแหน่งของเขา เขาพบว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากทะเลที่แยกขั้วโลกออกจากทวีป

เขาคิดแล้วแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาทันที มันเป็นเปลี่ยนหอคอยสีทองขนาดเท่ากำปั้นที่กำลังร่อนอยู่กลางอากาศ

“วัตถุวิญญาณ หาที่ซ่อนท่านป้าของข้าและนูบิส ข้าจะไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอีกครั้ง ถ้าข้าไม่กลับมาใน 7 วัน ให้เจ้าพานูบิสไปที่ตระกูลเจียงหยางที่เมืองลอร์” เจี้ยนเฉินพูดกับหอคอยสีทอง

เมื่อได้รับคำสั่ง หอคอยก็เปลี่ยนเป็นแสงสีทองและหายไปบนพื้น เจี้ยนเฉินเดินทางไปที่ขั้วโลกอีกครั้งด้วยตนเอง

วันต่อมา เจี้ยนเฉินก็ข้ามทะเลกว้างใหญ่และหยุดอยู่บนผืนน้ำแข็งอีกครั้ง เขาใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อรีบเข้าไปยังส่วนลึกของผืนน้ำแข็ง

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเดินทางไปได้ไม่ถึงสิบกิโลเมตร คลื่นความหนาวเย็นที่น่ากลัวก็เหมือนลดลงมาที่เขา อุณหภูมูเหมือนจู่ ๆ ก็ลดลงและชั้นน้ำแข็งก็เกิดขึ้นที่ร่างของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว

เจี้ยนเฉินรู้ว่า นี้อาจจะเป็นการเตือนจากผู้พิทักษ์ซุย แต่เขาก็ไม่กลัวเลย เขามุ่งหน้าต่อไปด้วยวามเร็วเท่าเดิม และหมุนเวียนพลังบรรพกาลให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อต่อต้านอุณหภูมิที่น่ากลัว

เจี้ยนเฉินไม่สามารถปล่อยให้รุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ติดอยู่ที่ผืนน้ำแข็งเพราะเขาได้ เขารู้ดีว่าโอกาสที่จะช่วยพวกเขาได้คือผ่านพี่สาวของเขา ดังนั้น ความตั้งใจของเขาจึงเรียบง่าย เขาต้องการที่จะเข้าใกล้ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งเพื่อให้พี่สาวของเขารู้ตัว

ผลึกเกิดขึ้นบนตัวเจี้ยนเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณธที่การเคลื่อนที่ของเขาก็ช้าลงไปเช่นกัน ความหนาวไปถึงกระดูกได้พยายามที่จะรุกเข้ามาในร่างของเขาและแช่แข็งทุกอย่างที่มีชีวิตในร่างของเขา แต่มันก็ถูกขวางไว้โดยพลังบรรพกาล

“ถ้าเจ้าไม่กลับไปที่แผ่นดินเดี๋ยวนี้ เจ้าจะมีจุดจบเหมือนทั้งสามคนนั้น” เสียงเย็นเฉียบและแหบแห้งดังขึ้นมาในหัวของเจี้ยนเฉิน

“ผู้อาวุโสได้โปรดปล่อยพวกเขาไปด้วย ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่หยุด ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาพดแบบนั้น ความหนาวเย็นมากก็ห่อหุ้มเขา แม้แต่ร่างบรรพกาลก็ไม่สามารถหยุดมันได้แม้แต่น้อย เขาแข็งเป็นเหมือนรูปปั้นทันทีและขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่อไป

เจี้ยนเฉินควบคุมร่างกายไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะควบคุมพลังบรรพกาลให้ไล่ความเย็นที่คุกคามเข้ามาออกไป แต่พลังบรรพกาลก็แข็งทันทีที่มันแตะเข้ากับพลังแห่งการมีอยู่ของน้ำแข็ง เขาควบคุมมันไม่ได้

เจี้ยนเฉินตกตะลึง แต่เขาไม่สามารถหยุดความเย็นที่เข้ามาได้ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน มันกระจายไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และทำให้เลือดของเขา เนื้อของเขา และทุกอย่างที่มีชีวิตแข็งไป แม้แต่เม็ดพลังบรรพกาลในตันเถียนของเขายังแข็งไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน ความเย็นกระจายเข้าไปในหัวของเขาเพื่อพยายามที่จะแช่แข็งวิญญาณของเขา

อย่างไรก็ตาม สติสัมปชัญญะของเจี้ยนเฉินก็เปล่งแสงสีม่วงและฟ้าออกมาทันที มันสว่างจ้าเท่ากับแดดในยามเช้าทันทีที่ความหนาวเย็นเข้าใกล้หัวของเขา แสงสว่างจ้าส่องสว่างไปทั่วสติสัมปชัญญะของเขา