บทที่ 1801 สัตว์อสูรอากาศธาตุ

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1801 สัตว์อสูรอากาศธาตุ

ตุบ!

สัตว์อสูรอากาศธาตุที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าได้แผดเสียงคำรามขึ้นอีกครั้ง และกระแทกลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง

รอยแตกร้าวอย่างกับใยแมงมุมอย่างไรอย่างนั้น ได้แผ่กระจายไปทั่ว สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าพื้นดินนี้คงจะสามารถทนรับได้อีกไม่มากเท่าไรแล้ว!

ลู่ฝานไม่เคยได้ยินชื่อของสัตว์อสูรอากาศธาตุมาก่อน แต่ใช้หัวเข่าคิดก็คงจะรู้แล้วว่า สัตว์อสูรตัวนี้จะต้องน่ากลัวอย่างมากแน่นอน

พวกผู้ฝึกชั่วร้ายบริเวณโดยรอบ ก็ได้เริ่มลงมือกันในทันที

พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปที่กระบี่ปีศาจ ทันใดนั้น ฝูงคนก็พุ่งตรงไปยังด้านหน้าของกระบี่ปีศาจเช่นกัน พร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อจะคว้ากระบี่ปีศาจนั่นเอาไว้!

ลู่ฝานไม่ได้เคลื่อนไหว เขาแค่มองดูจากระยะไกล

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องลงมือ ยิ่งเมื่อเห็นสถานการณ์ที่คับคัน ก็ยิ่งจะต้องมีจิตใจที่มั่นคง

คนแรกที่พุ่งเข้าไปคว้ากระบี่ปีศาจนั้น จะต้องกลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตีอย่างแน่นอน

แต่หลังจากนั้น ลู่ฝานก็พบว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว

เพราะเมื่อมือของคนแรกไปสัมผัสกับกระบี่ปีศาจนั้น ก็เกิดเสียงร้องคร่ำครวญออกมาโดยพลัน

จากนั้น ตัวของเขาก็ราวกับว่าไปสัมผัสเข้ากับพิษอันร้ายแรงที่น่ากลัวอย่างที่สุด ร่างกายบวมเป่งขึ้นอย่างกะทันหัน และมีน้ำหนองไหล จากนั้นร่างกายก็ระเบิดแหลกสลายไปเลย

เลือดกระเด็นสาดไปทั่วบริเวณ ทำให้อีกหลายคนที่กำลังพุ่งตรงเข้าไปแย่งชิงกระบี่ปีศาจนั้นก็หยุดฝีเท้าลงในทันที

ด้านบนเหนือศีรษะของพวกเขา ภายในอากาศธาตุที่ลู่ฝานและคนอื่น ๆ มองไม่เห็น และไม่ได้ยินเสียงอะไรนั้น พวกผู้อาวุโสหลายคนก็กำลังหัวเราะกันยกใหญ่

“ระเบิดแล้ว! ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โง่เขลาชะมัดเลย ร่างระเบิดแหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี”

“นี่ก็คือจุดจบของคนที่โง่เขลา ต้องจดจำไว้นะว่าในชาติหน้า จะเป็นคนอย่างไรก็ได้แต่อย่าเป็นคนที่โง่เขลาอีก! ”

ผู้อาวุโสหลายคนเหล่านี้หัวเราะกันอย่างดีอกดีใจ

เหมือนกับว่าสิ่งที่ระเบิดขึ้นต่อหน้าของพวกเขานั้น ไม่ใช่คนที่มีชีวิต แต่เป็นพลุดอกไม้ไฟต่างหาก

พวกเขามองดูไปที่แท่นบูชา โดยแววตาที่มองไปยังพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเหล่านั้น ไม่เหมือนกับว่ากำลังมองดูผู้คนที่มีชีวิต แต่เหมือนว่ามนุษย์กำลังมองดูพวกมดแมลงต่อสู้กัน ซึ่งก็เหมือนกับที่พวกเขาเพิ่งจะพูดขึ้นเมื่อครู่นี้

พวกคนที่อยู่ท่ามกลางแท่นบูชานี้ ก็แค่พวกมดแมลงเท่านั้น

ขณะนั้น พวกผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่ท่ามกลางแท่นบูชา ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปแล้ว

แย่งชิงกระบี่ก็ตาย หากรอคอยต่อไป เกรงว่าก็ต้องตายเช่นกัน

ท่ามกลางฝูงคนได้แต่นายมองหน้าฉัน ฉันมองหน้านาย ท้ายที่สุด ก็มีเงาดำร่างหนึ่งพลันกระโจนออกมา โดยมีพลังสีเขียวแผ่ปกคลุมไปรอบร่างกายของเขา ทันใดนั้นก็กลายร่างเป็นมือขนาดใหญ่และคว้าจับไปที่กระบี่ปีศาจนั้น

เมื่อพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นในทันที

ใช่สิ ไม่ต้องไปสัมผัสด้วยตนเองก็ได้ไม่ใช่เหรอ

มือขนาดใหญ่ได้ยกกระบี่ปีศาจขึ้น แต่ในขณะนั้นเอง เต่าหินที่อยู่ด้านล่างของกระบี่ปีศาจนั้นก็พลันขยับเขยื้อนแล้ว

เต่าได้หันหน้ามองมาที่ผู้ฝึกชั่วร้ายคนนี้ ในดวงตาแฝงไปด้วยสีขาวและสีดำ และพลังในตัวก็พุ่งปะทุขึ้นมาทั้งหมดในทันที

ผู้ฝึกชั่วร้ายคนนี้ถึงกับตกใจ แล้วก็รีบปรับเปลี่ยนพลังสีเขียวทั่วร่างกลายเป็นลำแสงสีเลือดที่เข้มข้น ขณะเดียวกันก็ได้ยื่นมือออกมากวักเรียกหุ่นเชิดสิบกว่าตนมาต้านทานอยู่เบื้องหน้า

ลำแสงสีขาวดำในดวงตาของเต่านั้นก็พลันหายวับไป แล้วก็อ้าปากพ่นเปลวไฟออกมา

เปลวไฟมีทั้งสีขาวและสีดำ จนลู่ฝานถึงกับหรี่ตาลงในทันที

ไฟหยินหยาง!

“อ่า! ”

ผู้ฝึกชั่วร้ายคนนั้นถึงกับร้องโอดครวญ พลังปีศาจในร่างกายได้ถูกเผาไหม้สูญสิ้นลงในชั่วพริบตา

ช่วงเวลาเพียงไม่นาน ผู้ฝึกชั่วร้ายคนนี้ก็ถูกเผาไหม้ไปหมด ไม่หลงเหลือเศษชิ้นอันใดแม้แต่น้อย!

แต่ก็ไม่มีใครที่จะโศกเศร้าเสียใจต่อเขาเลย ผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่น รู้แต่ว่าต้องรีบถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างกับเต่าหินนี้

เมื่อเต่าได้กระทำการทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ก็กลายร่างกลับคืนสู่สภาพเดิม

เหมือนว่ามันจะมุ่งเป้าลงมือทำร้าย กับคนที่มาช่วงชิงกระบี่ปีศาจเท่านั้น!

ลู่ฝานมองดูเต่าที่มีลำตัวยาวกว่าสามสี่สิบเมตร จนถึงกับขมวดคิ้วอย่างหนัก

นี่คือเต่าที่เทียบเคียงได้กับยอดฝีมือเซียนบู๊อย่างแน่นอน ซึ่งพวกผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่ในที่แห่งนี้ เกรงว่าคงจะไม่มีอริยปราชญ์สักคน อย่างมากก็คงจะแค่ยอดฝีมือปราณฟ้าเท่านั้น

ลู่ฝานรู้สึกว่าพบกับความยุ่งยากอย่างหนักโขแล้ว หรือนี่อาจจะเป็น กลเกมส์อย่างหนึ่งของพวกผู้อาวุโสที่ฝึกชั่วร้ายก็เป็นไปได้

เป้าหมายก็คือทำให้พวกเขาตายลงไปท่ามกลางความหมดหวัง?

ลู่ฝานแอบกำหมัดแน่น เพื่อระงับยับยั้งความคิดนี้ลงไป

เป็นไปไม่ได้!

ผู้ฝึกชั่วร้ายคงจะไม่เล่นเกมส์ที่ต้องหรูหราสิ้นเปลืองแบบนี้แน่ เพราะชีวิตที่ตายลงอย่างง่ายดายนี้ ต่างก็เท่ากับต้องสูญเสียพลังหลักสำคัญของผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งนั้น!

ต่อให้เป็นกลุ่มอิทธิพลอำนาจที่แข็งแกร่งในใต้หล้า ก็คงไม่มีทางที่จะยอมสละทิ้งชีวิตของผู้เก่งกาจที่เข้าสู่เต๋านับร้อยกว่าชีวิตลงไปอย่างง่ายดายแบบนี้เป็นแน่

พวกผู้อาวุโสที่ฝึกชั่วร้ายจะต้องมีเป้าหมายอะไรอย่างแน่นอน ลู่ฝานหรี่ตาลง

เวลานี้เพียงสิ่งเดียวที่พอมองออกนั้น ก็คือพวกผู้อาวุโสที่ฝึกชั่วร้ายคงจะต้องการคัดเลือกคนใดคนหนึ่ง ออกมาจากท่ามกลางพวกเขาเป็นแน่?

แล้วตกลงมันคืออะไรกันแน่ล่ะ?

ช้าก่อน ผู้ฝึกชั่วร้ายที่เพิ่งจะตายไปเมื่อครู่นั้นใช้พลังอะไรเหรอ?

ลู่ฝานพลันนึกคิดอะไรขึ้นได้ สมองแวบประกายแสงแห่งความคิดขึ้นมาในทันที

พลังสีเขียว พลังสายลม!

ไม่ใช่พลังปีศาจ!

หรือว่า……

ลู่ฝานรีบหันหน้ามองไปยังผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่น ทันใดนั้น บนร่างกายของผู้ฝึกชั่วร้ายแทบจะทุกคน ต่างก็ประกายแสงห้าธาตุขึ้น ซึ่งไม่ใช่พลังปีศาจ แต่สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้แสงห้าธาตุนี้ ก็จะต้องเป็นพลังปีศาจชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย

“เข้าใจแล้ว! ”

ลู่ฝานพูดขึ้นเบา ๆ มุมปากก็มีรอยยิ้มขึ้น แล้วลู่ฝานก็ปล่อยพลังหมัดผ่านอากาศไปยังเต่า โดยพลังอันแข็งแกร่งดุดันได้กระแทกไปด้านบนของกระดองเต่า ในขณะเดียวกันก็เกิดประกายลำแสงสีทองขึ้นมาด้วย

“ทุกคนลุยเข้าไปพร้อมกันเลย จัดการไอ้เต่าตัวนี้ให้สิ้นซากไปก่อน! ”

ลู่ฝานตะโกนเสียงดังขึ้น

ทันใดนั้น ผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่โดยรอบทั้งหมดก็พุ่งตรงเข้าใส่เต่าทันที

โดยลู่ฝานที่เป็นคนลงมือคนแรกนั้น เวลานี้กลับไม่ได้เคลื่อนไหว ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“ไอ้เจ้าหนุ่ม! ”

กลางอากาศ ชายชราผู้มีหนวดเคราม้วนงอก็ลูบไปที่หนวดเคราของตนเองและพูดขึ้นว่า: “สมองชาญฉลาด แต่จิตใจมืดมน ฉันชื่นชอบไอ้หนุ่มคนนี้”

ยายแก่อีกคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีแดง ซึ่งมีตาข้างเดียวและแขนข้างเดียวนั้นก็พูดขึ้นว่า: “พลังในร่างกายของเขา มีกลิ่นอายของพลังความซื่อสัตย์อยู่บ้างเหมือนกัน! ”

ทุกคนมองกันไปที่ผู้อาวุโสซู่มั่น

ผู้อาวุโสซู่มั่นยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ถูกต้อง พลังของประมุขประเทศฉิงเทียน ได้ถูกฉันบังคับถ่ายทอดลงไปแล้ว ไอ้หนุ่มนี้ มีการรับรู้และเข้าใจที่ดีมากเลย”

คนครึ่งหน้าพูดว่า: “ไม่เลวทีเดียว แต่มาดูกันก่อนว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้หรือไม่”

ท่ามกลางแท่นบูชา พวกผู้ฝึกชั่วร้ายกำลังต่อสู้กับเต่าอย่างชุลมุนกันไปหมด

ไฟหยินหยางพ่นออกมาอย่างไม่กลัวว่าจะสิ้นเปลือง จนเกิดเป็นกำแพงไฟขึ้นทั่วบริเวณโดยรอบ

ผู้ฝึกชั่วร้ายนับร้อยได้โจมตีไปที่ศีรษะของเต่าหินนั้นอย่างไม่หยุด ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีบางคนที่เจ้าเล่ห์ แอบที่จะนำกระบี่ปีศาจออกไปด้วย

ลู่ฝานมองดูอยู่ด้านข้าง โดยที่ไม่ได้เข้าร่วม

ตูมมม!

พื้นดินใต้ฝ่าเท้าแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ ขึ้นโดยพลัน ลู่ฝานจึงรีบกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้ชักกระบี่หนักไร้คมของตนเองออกมาด้วยแล้ว

ปราณชี่ในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรง แม้แต่เจ้าดำที่พักผ่อนอยู่ในเข็มขัด เวลานี้ก็รู้สึกว่าเกิดความผิดปกติ จึงได้เข้าสิงร่างในทันที

ควันชี่สีดำผุดขึ้นมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างต่อเนื่อง

ชี่สีดำคล้ายกับสิ่งที่มีตัวตนอย่างมาก เหมือนกับว่าเป็นหนวดของปลาหมึกสีดำ ที่โยกย้ายส่ายไปส่ายมาอย่างไม่หยุด

ลู่ฝานถามขึ้นในใจว่า: “ไอ้เก้า นายเคยได้ยินสัตว์อสูรอากาศธาตุบ้างไหม? ”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตอบขึ้นทันทีว่า: “รู้สิ สัตว์อสูรอากาศธาตุก็คือสัตว์อสูรกลืนกิน มันสามารถกลืนกินได้ทุกสรรพสิ่ง ยิ่งกลืนกินเข้าไปก็ยิ่งแข็งแกร่ง สุดท้ายสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดได้”

ลู่ฝานถามขึ้นเสียงดังอีกครั้งว่า: “แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? มันไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดบ้างเลยหรืออย่างไร? ”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่รู้เหมือนกัน สัตว์อสูรอากาศธาตุนี้คือสัตว์อสูรที่มีอยู่ในตำนาน เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ รีบหนีโดยเร็วเถอะ! ”

ลู่ฝานแอบกัดฟัน และในเวลานี้เอง ก็พลันเกิดเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

เมื่อลู่ฝานหันไปมอง ก็พบว่าเต่าหินนั้นได้ระเบิดแตกสลายแล้ว และยังแฝงไปด้วยไฟหยินหยางที่น่ากลัว ลุกโชนไปทั่วบริเวณโดยรอบในทันที

ลู่ฝานรีบนำกระบี่หนักมาวางตั้งไว้ที่ด้านหน้า

พร้อมกับตะโกน คาถาค่ายกลขึ้น

“คุ้มกัน! ”