ตอนที่ 2510

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่****2,510 : ไม้กันหมา?

 

“เอาล่ะ งั้นไปกัน!”

 

ในขณะที่กล่าวตอบรับ ถังเซี่ยวเซี่ยวก็เอื้อมมือไปปลดผ้าปิดปากออก เผยรูปโฉมออกมาดึงดูดความสนใจต้วนหลิงเทียนไปทันที

 

ตลอดการเดินทางที่ผ่านมาถังเซี่ยวเซี่ยวได้ปกปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ด้วยผ้าสีดำตลอด ไม่เคยเผยโฉมให้เห็นชัดๆ

 

ทว่าตอนนี้อยู่ๆนางกลับเป็นคนปลดผ้าดังกล่าวออกเอง

 

“อะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารูปโฉมพวงพักตร์ใต้ผ้าสีดำของถังเซี่ยวเซี่ยว จะเป็นโฉมงามอันไร้คู่เปรียบนางหนึ่ง ด้วยจมูกโด่งเป็นสันเล็กๆตอบรับกับสองตากลมใสและริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มนั่น ทำให้นางแลดูน่ามองอย่างถึงที่สุด

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือยามถังเซี่ยวเซี่ยวยกยิ้ม มุมปากทั้ง 2 ยังมีลักยิ้มน้อยๆเผยให้เห็น

 

เรียกว่าพอได้เห็นรอยยิ้มของนางต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับชะงักไปวูบหนึ่ง

 

เขาเองก็เคยเห็นสตรีงามหมดจดผ่านตามาไม่น้อย

 

ไม่ว่าจะเป็นภรรยาทั้ง 2 อย่างเค่อเอ๋อ และลี่เฟย กระทั่งสตรีคนรักอย่างเฟิ่งเทียนหวู่ ล้วนแล้วแต่เป็นโฉมงามอันไร้คู่เปรียบทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ตาม ถังเซี่ยวเซี่ยว คนนี้แม้จะยกไปเทียบกับทั้ง 3 ก็ไม่ถือว่าด้อยกว่ากันเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้นนาง เค่อเอ๋อ ลี่เฟย และเฟิ่งเทียนหวู่ล้วนแล้วแต่งามกันไปคนละแบบ ไม่อาจเอามาเทียบกันได้

 

เรียกว่าแต่ละคนล้วนงามเป็นเอกลักษณ์ทั้งโดดเด่นนัก บุรุษไหนแลเห็นก็ยากจะละสายตา

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

อย่างไรก็ตามหลังผงะไปเล็กน้อย ต้วนหลิงเทียนก็ได้สติกลับคืน จากนั้นก็ละสายตาออกไปก่อนจะเผยสีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์ราวปูนปั้น

 

“อะไร หน้าตาข้าน่าเกลียดจนทำให้เจ้าสะดุ้งกลัวเลยหรือ?”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาชักสีหน้าเฉยเมย ถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาอย่างหยอกเย้า

 

ลึกลงไปในแววตายังเผยความล้อเล่นจางๆ

 

“หากอย่างเจ้าเรียกว่าหน้าตาน่าเกลียด…จะให้สตรีส่วนใหญ่ในใต้หล้าอยู่กันอย่างไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา

 

“เห ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอย่างเจ้าจะพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วย?”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวหยีตามองต้วนหลิงเทียนอย่างมีเลศนัยค่อยกล่าวออก “อย่างเจ้าคงมีสาวๆมาติดพันไม่น้อยเลยสิ?”

 

อย่างไรก็ตามได้ฟังคำถามดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยว ร่างต้วนหลิงเทียนชะงักไปทันใด

 

หลังจากนั้นสองหมัดก็เริ่มกำแน่นขึ้น

 

เจตนาฆ่าฟันเริ่มเอ่อเล้นออกมากดดันในบรรยากาศ ทำให้ถังเซี่ยวเซี่ยวรู้สึกขนลูกซู่ขึ้นมาทันที

 

“ข้า…ข้าพูดอะไรไม่เข้าหูเจ้ารึเปล่า?”

 

เมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนก็มีทีท่าเปลี่ยนไปราวคนละคน รอยยิ้มบนใบหน้าถังเซี่ยวเซี่ยวก็หายไปทันที ลักยิ้มน้อยๆก็ไม่เหลือให้เห็นสืบไป

 

และสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ฉายความกังวลเล็กน้อย

 

“เปล่าหรอก”

 

ได้ยินวาจาถามออกมาด้วยความกังวลใจของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็ได้สติกลับคืน เร่งส่ายหน้าตอบปฏิเสธออกไป ระงับเจตนาฆ่าฟันที่เผลอแผ่ออกมาอย่างลืมตัว

 

พอได้ยินถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวถึงเรื่องสตรีที่มาติดพัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสตรีทั้ง 3 อย่างเค่อเอ๋อ ลี่เฟย และเฟิ่งเทียนหวู่ขึ้นมา

 

และพอนึกถึงสตรีทั้ง 3ขึ้นมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนอื่นๆของตำหนักเมฆาครามและ 7 ทวาราเที่ยงแท้

 

นั่นทำให้อารมณ์เขาพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างยากระงับ

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไป ขณะเดียวกันในใจยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่าไฉนอยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนถึงได้แลดูสติหลุดลอยไปแบบนั้น

 

‘จากที่ได้ยินมาดูเหมือนข้างกายมันก็มีสตรีพัวพันไม่น้อยนี่นา…ไฉนพอถามเข้าหน่อยถึงได้ปิดปากเงียบแล้วทำท่าน่ากลัวนักเล่า’

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวยังสงสัยเรื่องนี้ไม่หาย

 

“จะว่าไปตอนเจอเจ้าครั้งแรก เจ้าก็ทำเหมือนจะผลักไสผู้คนให้ถอยห่างไปพันลี้…เรียกว่าตอนนั้นข้าหลงคิดว่าเจ้าเป็นเหมือนพวกโฉมงามน้ำแข็งแสนเย็นชาอะไรทำนองนั้นเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าใบหน้าใต้ผ้าสีดำนั่น…จะแลดูร่าเริงแบบนี้”

 

หลังจากอารมณ์ที่ขุ่นมัวกลับมาผ่องใสอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบกายคล้ายอึมครึมผิดไป จึงกล่าวถามเปลี่ยนเรื่องออกมาทันที

 

“แลดูร่าเริง?”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวก็คลี่ยยิ้มบางๆออกมา

 

มาตอนนี้นางพึ่งตระหนักได้

 

ไม่ทันรู้ตัวเลย ที่แท้นางได้ลดผ้าที่สวมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้…

 

ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วนางจะลดผ้าลงก็ต่อเมื่ออยู่กับบรรพบุรุษของนางเท่านั้น

 

และที่ไฉนต้องใช้ผ้าปิดหน้าเอาไว้ ก็เพื่อป้องกันตัวเอง

 

“เซี่ยวเซี่ยว!!”

 

ในขณะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกำลังใจลอยเพราะเรื่องดังกล่าว พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล

 

ห่างออกไปไกลตาทิศทางหนึ่งมีร่าง 3 ร่างกำลังรีบร้อนเข้ามายังค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวแห่งนี้ และในพริบตาทั้ง 3 ร่างก็มาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยว!

 

ในบรรดาผู้มาใหม่ 3 คน ที่นำหน้าเป็นชายหนุ่มในชุดหรูหราคนหนึ่ง

 

เบื้องหลังของมันเป็นหนึ่งชายกลางคนและหนึ่งชายชราที่แลดูถือดี

 

เสียงที่กล่าวเรียกหาเมื่อครู่ เป็นเสียงของชายหนุ่มในชุดหรูหราคนนี้เอง

 

กึก

 

ทว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนพบได้ทันที

 

ว่าในขณะที่เสียงชายหนุ่มดึงขึ้นเข้าหู รอยยิ้มอ่อนๆที่พึ่งคลี่กางบนใบหน้าถังเซี่ยวเซี่ยวได้มลายหายไปทันที มันถูกความเย็นชาเข้ามาแทนที่ ทำราวกับฉายเคลือบไว้ด้วยม่านน้ำแข็งหมายผลักไสผู้คนให้ถอยไปนับพันลี้

 

เรียกว่าบรรยากาศโดยรอบยังคล้ายลดต่ำลงหลายสิบองศา!

 

“เซี่ยวเซี่ยวเจ้านี่มันใครกัน?”

 

สีหน้าชายหนุ่มในชุดหรูหราเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ข้างๆถังเซี่ยวเซี่ยว

 

นั่นเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันได้เห็นถังเซี่ยวเซี่ยวแลดูสนิทสนมกับบุรุษแบบนี้!

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ

 

บุรุษผู้นี้ยังหน้าละอ่อนนัก!

 

กระทั่งยังแปลกตรงที่ อีกฝ่ายคล้ายไม่ใช่คนนิกายถัง!

 

เป็นธรรมดาว่าถึงบุรุษคนนี้จะมาจากนิกายถัง แต่ไม่พ้นต้องเป็นแค่ศิษย์ดาษๆแน่นอน หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้จัก…

 

“หืม?”

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็ตระหนักได้ทันที

 

ว่าสายตาที่ชายหนุ่มในชุดหรูหราใช้มองเขาไม่เพียงจะไร้แยแส ยังแหลมคมปานมีดดาบปานจะเตือนเขา

 

ฟุ่บ!

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ทันที่จะตอบคำใดๆ เป็นถังเซี่ยวเซี่ยวที่เคลื่อนไหวออกมาก่อน ร่างนางกระเถิบเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้น กระทั่งตัวติดกับเขา

 

ขณะเดียวกันกับที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกระเถิบเข้ามา ต้วนหลิงเทียนยังพบอีกว่านางยังยื่นแขนออกมาควงแขนเขาไว้ด้วยท่าทางทำราวกับสนิทสนมกันมาก

 

“เขาหรือ? เป็นชายคนรักข้าเอง!”

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวมองชายหนุ่มในชุดหรูหรา พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสายตาเย็นชาไม่แยแส

 

วูบ

 

ด้านชายหนุ่มในชุดหรูหรา ตั้งแต่ที่เห็นถังเซี่ยวเซี่ยวไปตัวติดติดกับต้วนหลิงเทียนทั้งควงแขนกันอย่างสนิทสนม สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น้อย

 

มาตอนนี้พอได้ยินวาจาประโยคดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยว สีหน้ามันก็แลดูอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!

 

ขณะเดียวกันทางด้านต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวคนนี้…คิดใช้เขาเป็นไม้กันหมาหรือ?

 

ฉากเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

ในชีวิตที่แล้วตอนที่อยู่บนโลก ในเวลาว่างจากภารกิจเขาเองก็เคยอ่านนิยายออนไลน์มาบ้าง

 

ในบรรดานิยายออนไลน์ทั้งหลาย สตรีมักใช้วิธีดังกล่าวเพื่อปฏิเสธบุรุษที่มาตามตื้อ…หรือไม่ก็เพื่อทำให้บุรุษที่ชมชอบหึงหวง

 

ทว่าตอนนี้แผนในนิยายออนไลน์ที่เขาเคยอ่านเมื่อชาติที่แล้ว กำลังเกิดขึ้นกับตัวเขาจริงๆ?

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เพราะเขารู้สึกเสมือนถูกหลอกใช้

 

อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วคิ้วที่ขดย่นเป็นปมก็คลายตัว ไม่คิดจะเปิดโปงถังเซี่ยวเซี่ยว

 

“มันเป็นคนที่มาตามตื๊อเจ้ารึไง?”

 

อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ได้ทำลายแผนของถังเซี่ยวเซี่ยว แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปถามนาง

 

“เปล่า”

 

และคำตอบของถังเซี่ยวเซี่ยวก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจ

 

เขาเดาผิดงั้นเหรอ?

 

ชายหนุ่มในชุดหรูหราไม่ใช่คนที่มาตามวอแวถังเซี่ยวเซี่ยว?

 

“ถังเซี่ยวเซี่ยว!”

 

ชายหนุ่มในชุดหรูหราไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับต้วนหลิงเทียน ยังทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน มันหันไปมองจ้องถังเซี่ยวเซี่ยวพลางกล่าวถามออกมาเสียงหนัก “เจ้าอย่าได้ลืมเลือนไปเสียเล่า ว่าตัวเจ้ามีสัญญาหมั้นหมายกับพี่อวี้ถิงแล้ว”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นท่านประมุขยังได้ตกลงกับบิดาของพี่อวี้ถิงไว้แล้วด้วย…ว่ายามใดที่เจ้ากลับออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์ ยามนั้นพวกเราจักจัดพิธีวิวาห์อย่างใหญ่โต!”

 

หลังกล่าวจบคำ สายตาที่ชายหนุ่มในชุดหรูหราใช้มองถังเซี่ยวเซี่ยวก็เต็มไปด้วยความข่มขู่

 

“หมั้น?”

 

ไดยินคำของชายหนุ่มในชุดหรูหรา สีหน้าของถังเซี่ยวเซี่ยวก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน ค่อยถามออกมาด้วยเสียงเย็นชาว่า “ข้าไปหมั้นกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่? ไฉนตัวข้าจึงไม่รู้เรื่องการหมั้นหมายอะไรนั่นเลย?”

 

“เรื่องนี้เป็นท่านประมุขกับบิดาของพี่อวี้ถิงได้ทำการตกลงกัน หลังจากที่เจ้าเข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์ไม่นาน…”

 

ชายหนุ่มในชุดหรูหรากล่าว

 

หลังกล่าวจบมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งทันที แววตายังเยียบเย็น กล่าวออกเสียงห้วนว่า “ไอ้หนูเจ้ารู้หรือไม่ว่าสตรีข้างกายเจ้าเป็นผู้ใด? นางไม่เพียงแต่จะเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของนิกายถังเรา แต่ยังเป็นคู่หมั้นของนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อีกด้วย!”

 

“หากเจ้ายังไม่อยากตายก็รีบไสหัวออกไปให้ห่างจากนางเสีย…หาไม่แล้วมิใช่แค่นิกายถังของพวกเราจะไม่ละเว้นเจ้า กระทั่งวังคลื่นสวรรค์ยังจะให้เจ้าได้ตายไร้ที่ฝัง!”

 

น้ำเสียงยามกล่าววาจาประโยคท้ายของชายหนุ่มนุชดหรูหรา ช่างเต็มไปด้วยคำขู่นัก

 

“ที่แท้เจ้าไม่ใช่คนที่มาติดพันถังเซี่ยวเซี่ยว…”

 

อย่างไรก็ตามเผชิญกับววาจาข่มขู่ของชายหนุ่มในชุดหรูหรา ต้วนหลิงเทียนเพียงหยีตาทั้งอดกล่าวออกมาเสียงเบาไม่ได้ว่า “ตอนแรกพอเห็นอาการของเจ้าหลังเห็นข้ากับถังเซี่ยวเซี่ยวอยู่ด้วยกัน ข้าหลงนึกว่าเจ้าเป็นคนที่คอยตามตื๊อนางเสียอีก…”

 

“แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะเป็นแค่ สุนัขรับใช้ของพวกที่คอยตามตื๊อนางอีกที…”

 

ในขณะที่ชายหนุ่มในชุดหรูหรากำลังกล่าวข่มขู่ต้วนหลิงเทียน เขาก็ได้ยินเสียงผ่านพลังจากถังเซี่ยวเซี่ยว

 

วังคลื่นสวรรค์ที่ว่า เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับสำนักเทียนซือ!

 

นายน้อยของวังคลื่นสวรรค์ หยางอวี้ถิง นั้นได้บังเอิญพบพานถังเซี่ยวเซี่ยวเมื่อไม่กี่ปีก่อน และมันก็ต้องตาพึงใจนางทันที จึงเริ่มไล่ตามจีบและคอยเอาใจถังเซี่ยวเซี่ยว ทว่าตัวนางกลับไม่แยแสมันเลย…

 

เมื่อทำอะไรไม่ได้ ตัวมันจึงหันไปพึ่งพาบิดาที่เป็นถึงจ้าววังคลื่นสวรรค์

 

ด้วยเหตุนี้ วังคลื่นสวรรค์ถึงได้ยื่นข้อเสนอหมั้นหมายออกมา

 

ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ไม่พอใจกับการตามตื๊อของนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อย่างหยางอวี้ถิง เป็นธรรมดาว่าบรรพบุรุษของนางที่เป็น 1 ใน 3 เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ของนิกายถังและตามใจถังเซี่ยวเซี่ยวมาโดยตลอด ย่อมไม่เห็นด้วยกับสัญญาหมั้นหมาย…

 

อย่างไรก็ตามเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อีก 2 คนที่เหลือ ซึ่งหนึ่งเป็นประมุขนิกายถัง กับอีกหนึ่งเป็นชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดอีกคนของนิกายถัง กลับได้ตกลงรับข้อเสนอหมั้นหมายจากวังคลื่นสวรรค์!

 

เพราะในสายตาของพวกมัน

 

การหมั้นหมายครั้งนี้ มีแต่ผลดีกับนิกายถัง ไม่มีโทษอะไร!

 

นิกายถังนั้นไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เช่นนั้นแล้วการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของนิกายถัง ก็ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากของเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 3…

 

ด้วยเหตุนี้ต่อให้บรรพบุรุษของถังเซี่ยวเซี่ยวจะไม่เห็นด้วย แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้

 

ในฐานะที่เป็นถึงอาวุโสสูงสุดคนหนึ่งของนิกายถัง จึงกล่าวได้ว่ามันนับเป็นเสาหลักคนหนึ่ง ต่อให้จะไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ใดๆ แต่ไหนเลยจะฉีกหน้าอีก 2 เสาหลักของนิกายถังเพื่อลูกหลานตัวเองได้?

 

ถึงแม้มันจะรักและเอ็นดูลูกหลานคนนี้มากเพียงใดก็ตาม…

 

สำหรับชายหนุ่มในชุดหรูหรานั้น มันเป็นลูกหลานของอาวุโสสูงสุดอีกคนของนิกายถัง และมักไปคอยตามติดนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อย่างหยางอวี้ถิงแจ และไม่ใช่พี่น้องอะไร เป็นได้แค่ลิ่วล้อเสียมากกว่า…