ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 965 ขอมอบบทเรียนหนึ่งให้ท่าน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองเซี่ยกวง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สามารถอันใด”

“ข้า…” เซี่ยกวงอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก “ข้า…”

ชายหนุ่มมองเซี่ยกวงอย่างสนอกสนใจ “ท่านคิดจะแก้แค้น จะยึดติดกับการแก้แค้นด้วยตัวเอง ไม่อาศัยคนอื่นหรือพลังจากภายนอก หรือว่าขอแค่แก้แค้นได้ ก็ยินดียืมพลังจากที่อื่น”

ครั้งนี้เซี่ยกวงไม่ได้ลังเล “สามารถแก้แค้นด้วยนตัวเองได้ย่อมประเสริฐที่สุด แต่ว่าสามารถแก้แค้นได้จึงสำคัญที่สุด”

เขาเว้นครู่หนึ่ง ก่อนจะลดเสียงกล่าวว่า “ตระกูลข้าประสบเภทภัย ในตอนนั้นบนยอดเขาสดับอัสนี ทั้งตระกูลถูกโจรสุนัขเขาสามขาสังหารหมดสิ้น แต่ไม่ได้มีแค่ข้าที่รอดชีวิต”

“อ้อ?” เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะนี่เป็นเรื่องที่เขาไม่รู้

เซี่ยกวงอธิบาย “ข้ามีพี่ชายคนหนึ่งและพี่สาวอีกคนหนึ่ง พวกเขาออกเดินทางไปก่อนหน้า ตอนที่เกิดเรื่อง พวกเขาไม่ได้อยู่บนยอดเขาสดับอัสนี”

ขณะที่พูด บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏความกังวล “หากพวกเขาได้รับข่าวของตระกูล จะต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุดแน่ แต่ว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่อาจบอกได้”

“ข้าไม่หวังให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ถ้าหากทำลายเขาสามขาได้โดยเร็วที่สุด ต่อให้ไม่ได้แก้แค้นด้วยตัวเองก็ไม่เป็นไร”

เซี่ยกวงกวาดมองดาบอีกาทองผลาญฟ้าและธงวิญญาณ กล่าวอย่างขื่นขมว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าเขาสามขาถูกคุณชายเยี่ยนเล่นงานจนสาหัส พลังลดลงมา ขุมกำลังอื่นๆ บนที่ราบสูงยอดขจีบางทีอาจกลายเป็นฝูงหมาป่ารุมทึ้งพยัคฆ์ป่วยตัวนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็มีโอกาสแล้ว”

ปกติเซี่ยกวงชอบเก็บตัว คิดอ่านไม่ลึกซึ้ง ทว่าก็นิสัยตรงไปตรงมานัก

แต่ว่าคนในตระกูลเวลาพูดคุยกับเขา ก็จะบอกเล่าถึงการต่อสู้ของขุมกำลังระดับสุดยอดในเทือกเขาเสียงระรัวเป็นประจำ

ก่อนหน้านี้เซี่ยกวงไม่สนใจเรื่องนี้ จึงปล่อยผ่านไป ถือว่าฟังเรื่องเล่า

กระนั้นถึงตอนนี้ เขากลับต้องกดดันให้ตัวเองทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้

เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จนัก แต่ว่าเรื่องที่เป็นพื้นฐานที่สุดก็ยังเข้าใจได้

ถ้าในขุมกำลังระดับสุดยอดบนเทือกเขาเสียงระรัวมีสำนักหนึ่งต้องพบเจอกับภัยพิบัติจนเสียหายสาหัส เช่นนั้นคนอื่นๆ จะต้องกรูกันเข้าไปรุมเหยียบย่ำแน่นอน

หลักการเดียวกันเดิมทีใช้ได้กับเขาสามขาและขุมกำลังระดับสุดยอดในที่ราบสูงยอดขจีทั้งสิ้น

แต่พอได้ยินจากเยี่ยนจ้าวเกอว่าประมุขทิศบนมีความสัมพันธ์กับเขาสามขา เซี่ยกวงก็รู้แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง

ไม่มีใครรู้ได้ว่าประมุขทิศบนจะบันดาลโทสะเพราะเขาสามขาหรือไม่

ในสถานการณ์เช่นนี้ การลอบกดดันย่อมต้องมี แต่การถมหินลงบ่อรีบร้อนสังหารในที่แจ้งก็ใช่ว่าจะมีคนยินยอมทำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ เซี่ยกวงก็ยากจะจับปลาตอนน้ำขุ่นแล้ว

เขาคิดจะแก้แค้น นอกจากตนจะต้องมุมานาะเพิ่มพลังของตัวเองแล้ว ก็ได้หวังอย่างอื่นแทน

ถ้าหากกราบเข้าเป็นศิษย์ของขุมกำลังที่แข็งแกร่งได้ นั่นย่อมมีความหวังเพิ่มขึ้นมา

แต่ผู้ใดจะยินยอมล่วงเกินเขาสามขา ล่วงเกินประมุขทิศบน เพื่อลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักใหม่เล่า

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ถ้าหากท่านคิดหาที่พึ่ง ข้าสามารถแนะนำท่านกับคนของยอดเขาอัศจรรย์ได้ แต่ว่ายอดเขาอัศจรรย์จะรับท่านหรือไม่ก็ยังไม่แน่”

“ยอดเขาอัศจรรย์…” เซี่ยกวงลังเลอยู่บ้าง

อาหู่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริม “ยอดเขาอัศจรรย์แห่งเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลาง เป็นสำนักของจักรพรรดิแพรงาม หนึ่งในสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ”

เซี่ยกวงตกใจอ้าปากกว้าง

เยี่ยนจ้าวเกอพูดสืบต่อเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “นอกจากยอดเขาอัศจรรย์แล้ว ตำหนักขุยสายฟ้าบนเขานภาเขียวในเขตสารทอิสานก็เป็นสำนักของประมุขอิสานเช่นกัน ข้าสามารถแนะนำให้ท่านได้”

“แต่ข้าแค่ช่วยให้ท่านเข้าหาได้ กลับไม่อาจรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะรับท่าน จะกราบเป็นศิษย์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองแล้ว”

“ข้าเคยได้ยินวรยุทธ์ของตระกูลเซี่ยมาก่อน จัดเป็นธาตุสายฟ้า ถ้าหากท่านมีพรสวรรค์ ความเป็นไปได้ที่ตำหนักขุยสายฟ้าจะเลือกท่านก็สูงขึ้น”

เซี่ยกวงได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หัวสมองของเขาก็พลันมึนงง ตาลายไปหมดอยู่ชั่วขณะ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเส้นสายของเยี่ยนจ้าวเกอถึงกับแผ่ขยายออกไปนอกเขตตะวันอาคเนย์แล้ว อีกทั้งคนที่เขาคบหาล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

“เมื่อครู่ท่านบอกว่า ท่านคิดจะกลับเขตตะวันอาคเนย์เพื่อตามหาครอบครัวใช่หรือไม่ ถือเป็นธรรมชาติของมนุษย์” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ถ้าเป็นเขตตะวันอาคเนย์ ที่อื่นไม่อาจบอก แต่เขากว่างเฉิงของข้ารับท่านไว้ได้ ขอแค่ท่านผ่านการทดสอบเข้าสำนักของเราก็ใช้ได้”

เซี่ยกวงตกใจ “ข้า…ข้าทำได้หรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอเอียงศีรษะเล็กน้อย “ไหนเลยจะทำไม่ได้ เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่า ถ้าหากประมุขทิศบนต้องการหาเรื่องเพราะเขาสามขา ก่อนอื่นเขาจะต้องหาเรื่องข้าก่อน”

“ข้าจะไม่แพร่พรายความลับแน่นอน!” เซี่ยกวงรีบร้อนกล่าว

ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับชี้ดาบอีกาทองผลาญฟ้ากับธงวิญญาณ “ข้าเชื่อท่าน กระนั้นของเหล่านี้อยู่ในมือข้า หากชั่วคราวก็ไม่เป็นไร แต่หากผ่านไปนานเข้า อีกฝ่ายใช่ว่าจะสัมผัสไม่ได้”

“แน่นอนว่านอกจากเขากว่างเฉิงของข้าแล้ว ถ้าจะหาดูในเขตตะวันอาคเนย์ เขาโถงทองสำนักของประมุขอาคเนย์ ข้าเองก็คุ้นเคยยิ่ง กระนั้นก็เหมือนกับยอดเขาอัศจรรย์และตำหนักขุยสายฟ้า ข้าแค่แนะนำให้ท่านได้ แต่ไม่แน่ว่าจะรับท่าเข้าสำนัก…”

ไม่รอเยี่ยนจ้าวเกอพูดจบ เซี่ยกวงก็เอ่ยว่า “ไม่ ข้ายินดีเข้าเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิง ขอแค่เขากว่างเฉิงยอมรับข้า ไม่ว่าจะการทดสอบอะไร ข้าจะรับทั้งสิ้น!”

การตัดบทคนอื่นถือเป็นการเสียมารยาทยิ่งนัก

แต่ว่าขณะที่เซี่ยกวงเอ่ย กลับโน้มตัวจรดพื้น จริงใจถึงขีดสุด บนใบหน้าเต็มไปด้วยความแตกตื่นยินดี

“อ้อ?” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ประมุขอาคเนย์อาจจะสู้ประมุขทิศบนไม่ได้ แต่ถูกจัดอยู่ในประมุขทั้งสิบเหมือนกัน ยังมีหน้ามากกว่าเขากว่างเฉิงของข้าเสียอีก ท่านกลัวว่าเขาโถงทองจะไม่รับท่านหรือ”

เซี่ยกวงตอบอย่างแน่วแน่ “ไม่ ต่อให้เขาโถงทองยอมรับข้า ข้าก็คิดจะเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิงอยู่ดี”

เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่สบตากัน

สำหรับเซี่ยกวงผู้นี้ พวกเขาตอนนี้มีความเข้าใจในขั้นต้น และเข้าใจความคิดของเขาออกคร่าวๆ แล้ว

มิพักเอ่ยว่าจะต้านทานแรงกดดันจากประมุขทิศบนได้หรือไม่ แต่ว่าเขากว่างเฉิงจะต้องเหนือกว่าเขาสามขาอย่างแน่นอน

สำนักมีพลังไม่ธรรมดา ต่อให้ไม่ลงมือต่อสู้กับเขาสามขาเอง เซี่ยกวงได้รับการชี้แนะอยู่ด้านใน ย่อมรุดหน้าเร็วกว่าจอมยุทธ์พเนจรคนอื่น นับว่ามีหวังให้เขาลงมือแก้แค้นด้วยตัวเองมากขึ้น

เขากว่างเฉิงมีเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้มีพระคุณของเขา

และเขากว่างเฉิงก็มีศัตรูร่วมกันกับเขา

เรื่องนี้ทำให้เซี่ยกวงเกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งอย่างรุนแรงยิ่ง

และความรู้สึกเป็นหนึ่งชนิดนี้ สำหรับเซี่ยกวงที่ครอบครัวตายต่อหน้า ผ่านการล้างตระกูลมา จึงดึงดูดเขาเหลือเกิน

ถ้าหากว่าเป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็น บางทีอาจชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย

แต่ว่าเทียบกับเซี่ยกวงแล้ว ความเอนเอียงในด้านความรู้สึกต่างหาก ถึงส่งผลต่อปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจ

เขาเดิมทีอยากกราบเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิง เพียงกลัวแต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่รับ

ตอนนี้ในเมื่อเขากว่างเฉิงยินดีรับเขาเข้าสำนัก เซี่ยกวงจึงลิงโลดเป็นอย่างยิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองเซี่ยกวง พลันยิ้มเล็กน้อย “ถ้าท่านเข้าสำนักได้ จะกราบใครเป็นสำนักยังไม่อาจบอก แต่ตอนนี้ข้าจะขอข้ามเขียงทำแทนพ่อครัว มอบบทเรียนหนึ่งให้แก่ท่าน”

เซี่ยกวงพลันสับสน

ชายหนุ่มมองไปยังท้องฟ้าไกลออกไป เซี่ยกวงมองตามสายตาของเขาไปเช่นกัน ครู่ต่อมาก็เห็นที่นั่นพลันมีแสงสว่างปรากฏ เป็นภาพที่ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์เคลื่อนไปมาระหว่างฟ้าดิน

………………..