“ข้าจะถ่ายทอดวิชาหนึ่งให้แก่เจ้า แต่เจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่เผยแพร่ออกไปข้างนอก อีกทั้งห้ามให้ผู้อื่นทราบว่าข้าเป็นคนถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่เจ้า”

สาเหตุที่หลัวซิวเก็บจินเฟยเทียนและถังหยุนไว้ข้างกายตนนั้น ก็เป็นเพราะเขาไม่มีรากฐานอะไรในโลกเสวียนเทียนเลย ต่อให้ศักยภาพ พรสวรรค์ปัญญาของมนุษย์และอสูรทั้งสองคนนี้จะธรรมดามาก แต่หากมีการชี้แนะจากเขา ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ

ยิ่งกว่านั้นการเพ็ญตนอยู่ในโลกนี้คนเดียวมันเหงาเกินไป อย่างน้อยการมีคนคอยอยู่เป็นสหายรอบกายมันก็เป็นเรื่องดีอยู่

แต่หลัวซิวก็ไม่มีทางเลี้ยงเสือไว้ฆ่าตนแน่นอน ทุกอย่างที่เขาทำล้วนอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถควบคุมได้

วิชาที่สามารถยกระดับพรสวรรค์และปัญญาของคนคนหนึ่งได้นั้น เป็นวิชาที่หากพบได้น้อยมาก ๆ ส่วนหลัวซิวมีเคล็ดวัฏจักรสงสาร วิชาอาถรรพ์ต่าง ๆ ก็มีนับไม่ถ้วน แม้นจะได้รับแค่ฉบับที่ไม่สมบูรณ์ แต่จากการยกระดับของแดนและผลการฝึกตนของเขา วิชาเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ ซ่อมแซมตัวเองจนกลับมาเป็นวิชาฉบับที่สมบูรณ์ จากนั้นเขาค่อยถ่ายทอดให้กับผู้คนที่อยู่รอบกายตนก็ได้แล้ว

และวิชาที่เขาถ่ายทอดให้แก่ถังหยุนก็คือวิชาบรรพเทพโลหิต แม้จะเป็นแค่วิชาที่บรรพบุรุษเทพมารอสูรท่านหนึ่งสร้างขึ้น แต่มันกลับเป็นวิชาที่เหมาะกับการให้เผ่ามนุษย์ฝึกตนเช่นกัน

ซึ่งวิชานี้สามารถยกระดับพลังสายเลือดของคนคนหนึ่งได้ พลังสายเลือดยิ่งแข็งแกร่ง ระดับก็ยิ่งสูง พรสวรรค์ปัญญาจึงได้รับการยกระดับไปด้วยตามธรรมชาติ

โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด พลังสายเลือดเป็นสิ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด นอกเสียจากว่าจะได้รับโชคและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ มิเช่นนั้นแทบจะไม่สามารถยกระดับพลังสายเลือดได้เลย

แต่วิชาบรรพเทพโลหิตกลับแหกกฎธรรมชาตินี้ได้ มันสามารถยกระดับพลังสายเลือด ฝึกตนไปถึงแดนที่สูงที่สุด มีสายเลือดจักรพรรดิเทพ มีศักยภาพที่จะฝึกตนไปถึงแดนจักรพรรดิเทพ!

แต่ทว่าทรัพยากรที่ต้องใช้ในการฝึกวิชานี้ก็เยอะมาก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ จะเห็นผลยากมาก ต้องฝึกตนอย่างอุตสาหะพากเพียรอย่างไม่ลดละถึงจะสำเร็จ

สายเลือดของจินเฟยเทียนประสมประเสกัน หลัวซิวก็นำวิชานี้ถ่ายทอดให้แก่มันเช่นกัน

อิงจากทฤษฎีหลักทำนองคลองธรรม ถังหยุนและจินเฟยเทียนแทบจะไม่มีทางฝึกตนไปถึงแดนเทพมารได้เลย แต่ทว่าหลังจากที่มีวิชาบรรพเทพโลหิตแล้ว ขอแค่ฝึกฝนขั้น 1 ให้สำเร็จ สายเลือดก็จะได้รับการยกระดับถึงระดับเทพมาร โอกาสในการฝึกตนถึงเทพมารก็จะเป็นไปได้!

ในส่วนของตัวหลัวซิวเองนั้น เขากลับไม่ได้จะฝึกวิชาบรรพเทพโลหิต เนื่องจากพรสวรรค์และปัญญาของเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จากการยกระดับและการบรรลุของแดนกฎการเวียนว่ายตายเกิด ร่างตายเกิดสองระดับที่อยู่ในร่างแท้เขาก็จะได้รับการยกระดับไปด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นเอง มีความคิดเจ๋ง ๆ ผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว“ร่างแท้ของข้ามีร่างตายเกิดสองระดับ จึงไม่ต้องฝึกวิชาบรรพเทพโลหิตเพื่อมายกระดับสายเลือด แต่ร่างของหลี่ยู่เมื่อชาติปางก่อนของข้ากลับไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้”

ชาติปางก่อนของหลัวซิว หลี่ยู่มีสายเลือดของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพไหลเวียนอยู่ในร่าง ฝึกตนถึงแดนเทพมาตั้งแต่อายุ 20 พอจะเห็นได้เลยว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และปัญญาสูงมาก

หากไม่ตายสลายสูญสิ้น บางทีอนาคตเขาก็มีโอกาสฝึกตนไปถึงระดับราชาเทพได้เช่นกัน แต่ทว่าหากต้องการบรรลุไปถึงแดนที่สูงกว่า ก็จะทำได้ยากมาก ๆ ต้องได้รับโอกาสและโชคที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ถึงจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้

แต่ทว่าถ้าหากฝึกวิชาบรรพเทพโลหิต ปัญหานี้ก็จะแก้ไขได้อย่างราบรื่น ต่อไปก็จะสามารถทำลายพันธนาการของสายเลือดระดับราชาเทพ บรรลุถึงสายเลือดระดับมกุฎเทพ ถึงขนาดบรรลุถึงสายเลือดระดับจักรพรรดิเทพก็ไม่ใช่ปัญหา

“ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือข้าในตอนนี้ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของข้า แต่เป็นหนึ่งในร่างแยกดับเบิ้ล พรสวรรค์และปัญญาของร่างแท้ข้าแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกวิชาบรรพเทพโลหิต แต่ร่างแยกดับเบิ้ลกลับไม่มีความสามารถนี้ หากฝึกวิชาบรรพเทพโลหิตเพื่อยกระดับพลังสายเลือดอนาคตพรสวรรค์และปัญญาของรวมสองระดับก็จะอยู่เหนือร่างแท้ในอดีตเลยมิใช่หรือ?”

การถ่ายทอดวิชาบรรพเทพโลหิตให้แก่ถังหยุนและจินเฟยเทียนในครั้งนี้ ทำให้มีความคิดเจ๋ง ๆ ผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว คิดวิธียกระดับศักยภาพความสามารถของตนเองให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่งได้