ตอนที่ 1767 สตรีจอมห้าว

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ฮ่าๆ ของแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย!” เซี่ยงเหยี๋ยนแสร้งทำเป็นถ่อมตัว

ซือถูถังตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาเทเม็ดยาออกมาและตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นจนหนวดกระพือ

เพื่อที่จะฟื้นฟูสูตรเม็ดยาโบราณให้กลับมาสมบูรณ์ และหลอมเม็ดยาวายุเพลิงเก้าเมฆาให้สำเร็จ เขาได้ใช้เวลาศึกษาไปกว่าหนึ่งพันล้านปี และถึงขนาดยอมบาดหมางกับสหายคนสนิทอย่างเซี่ยงเหยี๋ยน

ซือถูถังเชื่อว่าวิธีที่เขาคิดค้นอยู่คือวิธีที่ถูกต้อง และสักวันจะสามารถหลอมเม็ดยาได้สำเร็จตามหลักการของตนเอง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่าเฒ่าชราที่เป็นคู่แข่งของเขา จะเป็นฝ่ายทำสำเร็จก่อน

“โอ้ ปู่เหยี๋ยน ท่านหลอมเม็ดยาสำเร็จแล้วจริงๆรึ?” ซือถูเซี่ยวเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับชายชราตรงหน้าไม่ใช่ปรมาจารย์นักปรุงยา

“ใช่แล้ว ปู่ของเจ้าไม่อาจเทียบชั้นกับข้าได้” เซี่ยวเหยี๋ยนกล่าวด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ

ในความเป็นจริง เขากับซือถูถังบาดหมางกันเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น แต่สายสัมพันธ์ความเป็นมิตรของพวกเขายังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะงั้นเขาจึงมองซือถูเซี่ยวเจินเปรียบดั่งหลานสาวของตนเอง

“ปู่เหยี๋ยน ท่านสุดยอดมาก!” ซือถูเซี่ยวเจินยกนิ้วโป้ง

“จะ… เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?” หลังจากตั้งสติได้ ซือถูถังก็เอ่ยถาม

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ก็วิธีการของข้าคือวิธีการที่ถูกต้องน่ะสิ ยิ่งกว่านั้นทักษะการปรุงยาของเขาก็อยู่เหนือเจ้าด้วย” เซี่ยงเหยี๋ยนกล่าวอย่างหน้าด้านๆ

ความจริงนั้นหากไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของหลิงฮัน ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังคงหลงทางวนเวียนอยู่ที่เดิม

แน่นอนว่าซือถูถังไม่มีทางเชื่อ เขารู้จักเซี่ยงเหยี๋ยนดีเสียยิ่งกว่าเซี่ยงเหยี๋ยนรู้จักตัวเองเสียอีก หลังจากเค้นถามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเซี่ยงเหยี๋ยนก็ยอมบอกความจริง

ซือถูถังจดจ้องไปที่หลิงฮันพร้อมกับกล่าว “เจ้าหนู มาเรียนศาสตร์ปรุงยาจากข้าดีกว่า”

“ไสหัวไป ข้าเป็นคนเจอตัวเขาก่อน!” เซี่ยงเหยี๋ยนคำรามหนวดกระพือทันที

“เจ้านั่นแหละไสหัวไป ความสามารถของเจ้ามีแต่จะชี้นำผู้อื่นไปในทางที่ล้มเหลว เด็กหนุ่มผู้นี้สมควรได้รับคำชี้แนะจากข้ามากกว่า”

ชายชราทั้งสองถลึงตาและกัดฟันแยกเขี้ยวใส่กัน ท่าทางของทั้งสองคนในตอนนี้ ไม่หลงเหลือความเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาอยู่เลยแม้แต่น้อย

“พวกเราไปกันเถอะ หากเฒ่าชราทั้งสองคนได้ทะเลาะกันแล้วล่ะก็ อย่างน้อยสิบวัน พวกเขาก็คงยังไม่หยุดสู้กัน” ซือถูเซี่ยวเจินกล่าวพร้อมกับปรบมือ

เมื่อพวกเขาเดินกลับออกมาจากลานที่พัก จู่ๆเสียงการปะทะโครมครามก็ดังออกมา พร้อมกับชายชราทั้งสองได้เริ่มทำการต่อสู้กัน

“ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะมีสามหัวหกแขนเสียหน่อย เหตุใดท่านปู่ทั้งสองถึงได้ชื่นชอบเจ้ากันนะ?” ซือถูเซี่ยวเจินจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาอันงดงาม “หรือว่าตรงนั้นของเจ้าจะใหญ่ยาว?” สายตาของนางกวาดลงมายังช่วงล่างของหลิงฮัน

หลิงฮันหันไปมองฟู่เกาหยุน ในขณะที่อีกฝ่ายก็หันมามองเขาเช่นกัน ‘สตรีผู้นี้ช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย!’

“พี่ชายฟู่ ไม่ใช่ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่า พวกเราต้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งหรอกรึ?” เขากล่าวกับฟู่เกาหยุน

“จริงด้วย!” ฟู่เกาหยุนรีบทำท่าปรบมือราวกับเพิ่งนึกบางอย่างออก “ข้าเกือบลืมไปเลย ไปกันเถอะ!”

พวกหลิงฮันหันหลังและหลบหนีอย่างรวดเร็ว

“คิดว่าจะหลอกข้าได้รึไง?” ซือถูเซี่ยวเจินแสยะยิ้มและไล่ตาม

เพียงแต่ว่า ความเร็วของนางไม่สามารถเทียบกับหลิงฮันและฟู่เกาหยุนได้ หลังจากไล่ตามไม่นานนางก็คลาดสายตาจากทั้งสอง นางหยุดฝีเท้าก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ในเมืองนี้ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะหลบหนีไปไหนได้ อีกไม่นานข้าจะต้องตามหาตัวพวกเจ้าให้เจอ!”

“น้องชายหลิง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้ากับน้องสะใภ้จะต้องเข้าร่วมสำนักเทียนหลง (มังกรสวรรค์)” ฟู่เกาหยุนหยุดเท้าและกล่าวกับหลิงฮัน

“อะไรคือสำนักเทียนหลงรึ?”

“มันคือสำนักที่ก่อตั้งโดยตระกูลฟู่ของเรา นอกจากคนของตระกูลฟู่แล้ว ที่นั่นก็มีอัจฉริยะจากตระกูลต่างๆที่ตระกูลฟู่รับมาฝึกฝนอยู่ด้วย” ฟู่เกาหยุนอธิบาย “ยกตัวอย่างก็ จ่างซุนเหลียงแห่งนิกายจันทราหม่นแสง”

“หากไม่ใช่เพราะเงื่อนไขต่ำสุดที่จะเข้าร่วมสำนักได้ คือระดับโลกียนิพพานล่ะก็ จ่างซุนเหลียงคงมาที่นี่ตั้งนานแล้ว”

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “แล้วภรรยาของข้าล่ะ?”

“ฮ่าๆ เพราะเป็นเจ้าไงล่ะ ตระกูลฟู่ถึงได้ยกเว้นน้องสาวสตรีนกอมตะให้เป็นกรณีพิเศษ ทางตระกูลฟู่ขอรับประกันได้เลยว่า นางจะต้องบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานได้ ภายในหนึ่งร้อยล้านปีแน่นอน” ฟู่เกาหยุนตบหน้าอก

ตระกูลฟู่ให้ความสำคัญกับหลิงฮันเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเขามีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่โดดเด่น แค่ยังเป็นเพราะว่าเซี่ยงเหยี๋ยนถูกใจในตัวเขา

บรรลุระดับโลกียนิพพานในหนึ่งร้อยล้านปี?

ตามหลักแล้ว ระยะเวลาเท่านี้ไม่ถือว่าช้า แต่ยังเร็วมากเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าหลิงฮันนั้น ไม่ต้องการให้สตรีนกอมตะตัดผ่านนิพพานด้วยวิธีทั่วไป แต่ต้องการให้นางบรรลุเป็นนิรันดร์ด้วยการตัดขาดสวรรค์และปฐพี

บางทีในโลกนี้อาจจะมีเม็ดยานิรันดร์ ที่สามารถช่วยให้ตัดขาดสวรรค์และปฐพีอยู่ก็เป็นได้

หลิงฮันเชื่อมั่นในทักษะการปรุงยาของตัวเอง แม้ตอนนี้จะยังหลอมเม็ดยาแบบที่ว่าไม่ได้ แต่อนาคตภายภาคหน้า ซึ่งอาจจะเป็นตอนที่เขาบรรลุเป็นราชานิรันดร์ เขาอาจจะหลอมเม็ดยาสำหรับตัดขาดสวรรค์และปฐพีสำเร็จก็เป็นได้

ฟู่เกาหยุนขอตัวจากไป หลิงฮันใช้เวลาหลังจากนั้นนำแร่โลหะจำนวนมากออกมาให้ดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน เมื่อแร่โลหะทั้งหมดกลายเป็นเศษเหล็ก ดาบอสูรนิรันดร์ก็ยกระดับกลายเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สองดาวในที่สุด

“ขนาดแค่จะทำให้ดาบอสูรนิรันดร์ยกระดับเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สองดาว ข้ายังเผาผลาญเงินไปเกือบจะสองในสามส่วน ในอนาคตหากต้องการให้มันกลายเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์เจ็ดหรือแปดดาว ข้านึกไม่ออกเลยว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพียงใด” หลิงฮันรู้สึกกังวล จำนวนศิลาดวงดาวที่เขาต้องใช้ในตอนนั้น คงมากมายเกินจินตนาการ

“ช่างมันไปก่อนแล้วกัน เมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้น ก็ย่อมหาเงินได้เยอะขึ้นเอง”

หนึ่งวันต่อมา หลิงฮัน จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะได้มุ่งหน้าสู่สำนักเทียนหลง และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา จักรพรรดินีจึงนำผ้าคลุมหน้ามาสวมใส่อีกครั้ง

หลังจากเดินทางอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย

สำนักเทียนหลงมีขนาดมหึมาเป็นอย่างมาก!

อาณาเขตของสำนักมีขนาดกว้างใหญ่เทียบเคียงกับเมืองธุลีจันทรา ภายในสำนักมีทั้งภูเขาและทะเลสาปมากมายตั้งอยู่

ทางเข้าของสำนักนั้นมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับสำนักที่กว้างขวาง เสารั้วสองฝั่งมีความสูงเพียงราวๆหนึ่งร้อยฟุตเท่านั้น แถมยังไม่มีบานประตูปิดทางเข้าเอาไว้อีก

แต่ถึงแม้จะไม่มีบานประตู ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถผ่านทางเข้าสำนักไปได้ เนื่องจากทางเข้าสำนักนั้น แท้จริงแล้วเป็นรูปแบบอาคมที่หากไม่มีแผ่นป้ายตราประทับ จะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

ในตอนที่พบเจอฟู่เกาหยุนเมื่อวาน อีกฝ่ายได้มอบแผ่นป้ายตราประทับสามแผ่น สำหรับผ่านทางเข้าไว้ให้พวกเขาแล้ว

ณ เวลานี้ที่ด้านหน้าทางเข้าดูเหมือนจะกำลังมีการทะเลาะเกิดขึ้น พวกหลิงฮันพบเห็นเม่าไต้กำลังมีปากเสียงกับรุ่นเยาว์คนหนึ่ง

“หากอยากผ่านทางก็จงคุกเข่าคลานลอดขาของข้าซะ ถ้าไม่ยอมทำก็จงไสหัวไป!”