ตอนที่ 1229: การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเผ่าเต่า
สถานที่เพียงแห่งเดียวที่เจี้ยนเฉินสามารถอยู่ได้ชั่วคราวในอาณาจักรทะเลคือเผ่าเต่า หลังจากการสนทนากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขามุ่งหน้าไปที่ดินแดนของเผ่าเต่าพร้อมกับนูบิส
มิติภายในอาณาจักรทะเลนั้นทนทานกว่าข้างนอกมาก ขนาดเซียนราชายังไม่สามารถเปิดมิติเพื่อที่จะสร้างประตูมิติได้ ดังนั้นเจี้ยนเฉินและนูบิสจึงทำได้แค่บินไปที่เผ่าเต่า
“ฮ่า ๆ ว่ากันว่ากำแพงรอบ ๆ อาณาจักรทะเลสามารถป้องกันการเข้ามาของเซียนราชาต่างเผ่าพันธุ์ได้ ถึงกระนั้น ข้าก็ได้เข้าไปในอาณาจักรทะเลในฐานะเซียนราชาต่างเผ่าพันธุ์โดยไม่มีความยากลำบากแม้แต่นิดเดียว บางทีอาจมีเพียงแค่เรา 2 คนที่สามารถสนุกกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้ ” นูบิสอดขำไม่ได้ขณะที่เขาบินอยู่
“อ้อ จริงสิ เจี้ยนเฉิน สหายตัวโตของเรายังคงฝึกฝนในวัตถุเซียน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเข้ามาในอาณาจักรทะเลมาก่อน เช่นนั้นเจ้าน่าจะพาเขาออกมาเดินชมดูหน่อยนะ” นูบิสพูดอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินคิดถึงเถี่ยต้าทันที ผู้ที่มักจะฝึกฝนในวัตถุเซียนอยู่เสมอ โดยมีความลังเลนิด ๆ ว่าเขาจะเรียกอีกฝ่ายออกมาดีหรือไม่
ด้วยแสงสีทองเปล่งออกมา ร่างกายที่พร่ามัวของเถี่ยต้าก็ปรากฏข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ผิวหนังของเขามีสีทองซีด ๆ และมีประกายสีทองออกมาจากร่างกายเขาจนดูเหมือนว่าผิวของเขาทำมาจากทอง
เนื่องจากตัวตนของเถี่ยต้านั่นอ่อนไหวเกินไปในทวีปเทียนหยวน เจี้ยนเฉินจึงไม่กล้าที่จะให้เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น ๆ เนื่องจากเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ได้ยั่วยุทวีปสัตว์เทวะและทวีปเทียนหยวนในสมัยโบราณ หากข่าวเรื่องเทพเจ้าสงครามหลุดออกไป เขาไม่สามารถที่ปกป้องเถี่ยต้าให้ปลอดภัยได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้
อย่างไรก็ตาม อาณาจักรทะเลแตกต่างกันออกไป ในสมัยโบราณ มีเพียงเผ่าพันธุ์ทะเลเท่านั้นไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ดังนั้นพวกเขาจะไม่เป็นศัตรูกับเทพเจ้าสงคราม สำหรับจอมยุทธของอาณาจักรทะเลแล้ว บางทีการปรากฏตัวของเทพเจ้าสงครามไม่มีค่าอะไรให้ต้องมาจัดการกับพวกเขาเลย
แน่นอนเพราะเหตุนี้ เจี้ยนเฉินจึงยินยอมให้เถี่ยต้าปรากฏตัวในอาณาจักรทะเลโดยปราศจากความลังเลใด ๆ เลย
นี่เป็นครั้งแรกของเถี่ยต้าที่ได้มาที่อาณาจักรทะเล ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบ ๆ ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมาข้างนอกวัตถุเซียน เขาสงสัยเกี่ยวกับทุกอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงถามเจี้ยนเฉินและนูบิสเกี่ยวกับทุกสิ่ง
เจี้ยนเฉินและนูบิสอธิบายทุก ๆ อย่างให้เถี่ยต้าฟังขณะที่พวกเขาเดินทาง พวกเขาแบ่งปันทุกอย่างที่พวกเขารู้โดยไม่ได้ปกปิดสิ่งใดไว้เป็นความลับ
ทั้งสามเดินทางไปแถวตรงขณะที่บินไปที่ ๆ เผ่าเต่าอยู่ พวกเขาบินผ่านหลายตระกูลใหญ่ซึ่งมีเหตุการณ์ที่เกิดตามมาคือมีจอมยุทธต่าง ๆ ออกมาหยุดพวกเขาไว้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาปลดปล่อยพลังแห่งการมีอยู่ของตัวเองออกไปโดยไม่ได้ยับยั้งมันไว้เลย จึงทำให้จอมยุทธหลายคนที่รู้ถึงพลังที่พวกเขามีและเปลี่ยนท่าทีพร้อมกับป้องมือให้กับพวกเขา ก่อนที่จะถอยกลับไปที่ตระกูลของเขาอย่างเชื่อฟัง
หลังจากบินมาหลายชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาทั้งสามก็ถึงเผ่าเต่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่เผ่าที่มั่งคั่ง แต่เป็นสนามรบที่ย้อมไปด้วยเลือด เลือดได้ไหลลงในสายน้ำเล็ก ๆ พร้อมกับซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ไม่เพียงแต่มีสมาชิกเผ่าเต่าอยู่ในนั้นเท่านั้น แต่ยังมีคนอื่น ๆ อยู่อีกเช่นกัน แต่สำหรับคนอื่น ๆ ทั้งหมดสวมเครื่องแต่งกายแบบเดียวกัน บอกได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกเลยว่าพวกเขามาจากองค์กรเดียวกัน ในขณะที่สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ของเผ่ามากมายถูกทำลายเป็นซากปรักหักพังจากสงคราม รอยเลือดปรากฏอยู่ทุก ๆ ที่
หลุมกว้าง 100 เมตร 2 หลุมถูกขุดไปตามยาว ระหว่างซากปรักหักพังของเผ่าแล้ว คนหลายโหลในเครื่องแบบเดียวกันทำงานอย่างขยันขันแข็งขณะที่พวกเขาเคลื่อนย้ายซากศพ พวกเขาเคลื่อนย้ายศพไปไว้ในหลุมทั้งสองแล้วฝัง คนตายนับร้อยร้อยหรือนับพันถูกวางซ้อนกันอยู่ข้างในนั้น
เจี้ยนเฉินและนูบิสที่เพิ่งมาถึงต่างแสดงท่าทางตกใจอย่างมากเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งพวกนี้ มีเพียงเถี่ยต้าเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งขณะที่เขากำลังสังเกตซากปรักหักพังของเผ่าเต่านี้
เจี้ยนเฉินบินโฉบไปหลายร้อยเมตรในอากาศ ในขณะที่เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่ดินแดนที่น่าสยดสยองนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความไม่เชื่อ เขายังสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปหรือไม่ในตอนนั้น
ทันใดนั้น ความบ้าคลั่งก็พุ่งพรวดขึ้นมาในใจของเจี้ยนเฉิน เจตนาฆ่าที่ยิ่งใหญ่ได้แผ่รังสีเข้มข้นมาจากเขาโดยที่ไม่ได้ควบคุมใด ๆ ทำให้อุณหภูมิรอบ ๆ ตกลงฮวบ ราวกับว่ามันกลายเป็นถ้ำน้ำแข็ง
เจี้ยนเฉินหายตัวไปในอากาศทันที ในตอนที่เขาปรากฏตัว เขาเดินข้ามมา 1000 เมตร มาถึงข้าง ๆ ชายวัยกลางคนที่กำลังเคลื่อนย้ายศพ เขาคว้าไปที่เสื้อตรงหน้าอกของชายคนนั้นและเรียกร้องออกมาดัง ๆ “เกิดอะไรขึ้นกับเผ่าเต่า ? พูดมา ! ”
ชายวัยกลางคนเป็นเพียงแค่เซียนปฐพีเท่านั้น ดังนั้นรังสีตัวตนที่กว้างใหญ่และเจตนาฆ่าที่เข้มข้นของเจี้ยนเฉินได้กดทับที่หน้าอกของเขาราวกับภูเขา
ชายวัยกลางคนเข้าใจเพียงว่าเจี้ยนเฉินน่ากลัวขนาดไหน เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของยมทูตขณะที่เขามองไปที่ดวงตาดำที่เยือกเย็นของเจี้ยนเฉิน เหมือนว่าพวกเขาจะถูกดูดวิญญาณในตอนไหนก็ได้
“นะ…นะ..นักรบ เผ่าเต่าได้ถูกกวาดล้างโดยตระกูลเต๋า ข้าเป็นสมาชิกของตระกูลเต๋า ดังนั้นข้าจึงหวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตข้าเนื่องจากข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล” ชายวัยกลางคนตอบเจี้ยนเฉินเสียงสั่น ในจิตใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลาเดียวกัน เขาไม่ลืมที่จะยกเรื่องตระกูลเต๋าขึ้นมาปกป้องเพื่อพยายามทำให้อีกฝ่ายกลัวและไม่กล้าที่จะทำอะไรเขา
” อะไรนะ ! เผ่าเต่าถูกกวาดล้างงั้นหรือ..” เจี้ยนเฉินพึมพำในความสงสัยราวกับเสียงฟ้าแลบได้ระเบิดออกจากหัวของเขา เขารู้สึกว่าโลกกำลังหมุนรอบ ๆ ตัวเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเผ่าเต่า แต่ผู้อาวุโสสูงสุดได้เคยช่วยชีวิตเขามาก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะช่วยเขาจึงทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดถูกฆ่าไปและความผูกพันธ์กับเขาต่อเผ่าก็ก่อขึ้นมาหลังจากการตายของชายผู้นั้น นี่มันมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเผ่ามีความสำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดมากแค่ไหน
เจี้ยนเฉินไม่มีโอกาสที่จะขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดที่ได้ช่วยชีวิตเขาอีกต่อไป ดังนั้นทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือช่วยเติมเต็มความหวังสุดท้ายในชีวิตของผู้อาวุโสสูงสุดในการพัฒนาเผ่าเต่าและทำให้พวกเขากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ตายเปล่า ถึงกระนั้นตอนนี้ ไม่เพียงแต่เผ่าเต่าจะล้มเหลวในการที่จะกลับมารุ่งเรืองภายใต้การปกครองของเขา แต่พวกเขายังต้องทนทุกข์กับหายนะที่เกิดขึ้นอีก เรื่องแบบนี้จะไม่ทำให้เจี้ยนเฉินโกรธได้อย่างไร ?
“ตระกูลเต๋า ! ” เจี้ยนเฉินกัดฟันของเขาแน่นและความอาฆาตก็พุ่งออกมารอบ ๆ เขาถึงขีดสุด เขาทุบมือของเขาไปที่หัวของชายวัยกลางคนจนทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งเป็นการฆ่าอีกฝ่ายในทันที
ผู้คนมากมายทั้งหมดหยุดการกระทำที่พวกเขากำลังทำอยู่และวิ่งมาล้อมรอบเขา พวกเขามาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินทุบหัวของชายผู้นั้นเป็นเสี่ยง ๆ พวกเขาก็เกิดตัวสั่น พวกเขาเริ่มถอยไปอย่างช้า ๆ
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ผู้คนทั้งหมดพร้อมกับสายตาอาฆาต เขาพูดอย่างเยือกเย็น ” พวกเจ้าเป็นคนของตระกูลเต๋าทั้งหมดเลยใช่หรือไม่ ? ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้ารอฝังตัวเองพร้อมกับคนที่ตายของเผ่าเต่าได้เลย ”
” นักรบ ได้โปรดช้าก่อน..” ในตอนนี้ เสียงแก่ ๆ พร้อมกับความกลัวได้เข้ามาแทรก ชายแก่รีบพุ่งเข้ามาจากที่ไกล เขาสวมเสื้อเหมือนกับคนอื่น ๆ
ชายแก่คนนี้เป็นเซียนผู้คุมกฎแต่เพียงแค่ชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งจะข้ามผ่านชั้นนี้มาได้ ถึงกระนั้นร่างกายของเขาก็ยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกกลัวกับแรงอาฆาตที่แผ่ออกมาจากเจี้ยนเฉิน
” นักรบเอ๋ย สงครามระหว่างเผ่าเต่ากับตระกูลเต๋าได้เกิดขึ้นเมื่อ 3 วันก่อน แต่เผ่าเต่าก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดไปหมดสิ้น คนที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้ถอยกลับไปทางทิศใต้ประมาณ 1,000 กิโลเมตร เราเพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่เก็บกวาดสนามรบเท่านั้น” ชายแก่อธิบายอย่างระมัดระวังด้วยหัวที่ก้มลงของเขา เขาไม่ได้เลือกที่จะหนีเพราะเขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์ต่อหน้าเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินขยายพลังแห่งการรับรู้ของเขาออกไปหลังจากชายแก่พูด ที่จริงแล้วเขาก็พบคนของเผ่าเต่าทางทิศใต้ห่างออกไป 10,000 กิโลเมตร เขาจึงพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าและบินไปที่ ๆ เผ่าเต่าได้รวมตัวกันโดยไม่ลังเลเลย
“สหายตัวโต ไปกันเถอะ ! ” นูบิสตะโกนบอกเถี่ยต้าก่อนที่จะตามเจี้ยนเฉินไป
ชายแก่ถอนหายใจโล่งอกหลังจากหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายออกไปได้ เขาปาดเหงื่อเย็นของเขาและหันไปที่คนอื่น ๆ ” อย่าไปยุ่งกับศพพวกนั้นอีกแม้แต่นิดเดียว มีจอมยุทธไปที่เผ่าเต่า เรารีบกลับไปรายงานตระกูลของเราเรื่องนี้กันดีกว่า”
สถานที่แห่งนั้นเคยว่างเปล่า แต่ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่ของตระกูลขนาดใหญ่ ตระกูลเต๋าได้ยึดแผ่นดินแห่งนี้ที่เคยเป็นของเผ่าเต่าเรียบร้อยแล้ว
เผ่าเต่าเพิ่งจะอ้างสิทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้ให้กับพวกเขาเอง สิ่งปลูกสร้างมากมายได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และบ้านมากมายก็อยู่ในการดำเนินการสร้าง
แม้ว่าผู้คนจะไหลเข้ามาและออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน มีเพียงคนน้อยนิดเท่านั้นที่จะพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาทุก ๆ คนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าขณะที่พวกเขาสร้างบ้านหลังใหม่ของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับกัดฟันแน่น พวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่พวกเขาไม่สามารถปล่อยวางมันได้ ซึ่งก่อให้เกิดบรรยากาศที่น่าเศร้าแผ่คลุมไปทั่วตระกูล
เจี้ยนเฉิน นูบิส และเถี่ยต้า มาถึงที่ดินแดนแห่งใหม่ของเผ่าเต่าพร้อมกัน ทันทีที่สัมผัสลงกับพื้น ผู้คนที่กำลังสร้างบ้านก็สังเกตเห็นพวกเขา เขาเริ่มจำได้ทันทีว่าเจี้ยนเฉินคือใครและแปลกใจทันที ก่อนที่จะขยี้ตาตัวเอง จากนั้นใบหน้าของพวกเขาก็ถูกเติมเต็มไปด้วยความยินดีและความไม่น่าเชื่อ
“ผู้คุมกฎ…ผู้คุมกฎกลับมาแล้ว ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ ผู้คุมกฎของเรากลับมาแล้ว” คนผู้นั้นจำเจี้ยนเฉินได้และอุทานออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะ ! ผู้คุมกฎกลับมางั้นเหรอ ? จริงหรือไม่ ..”
” ไหน ? ผู้คุมกฎอยู่ที่ไหน ? ผู้คุมกฎกลับมาจริงหรือ ? ”
” ข้าเห็นเขา เขาคือผู้คุมกฎจริง ๆ มหัศจรรย์ ผู้คุมกฎกลับมาแล้วจริง ๆ ”
มีคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ได้เจอเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นจนน้ำตาแห่งความตื่นเต้นไหลออกมาจากใบหน้าของพวกเขา
สำหรับคนทั้งหมดของเผ่าเต่าแล้ว ผู้คุมกฎเป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเขา เขาเป็นความหวังของเผ่าเต่า แม้ว่าพวกเขาจะถูกกดขี่ข่มเหงโดยตระกูลเต๋า แต่พวกเขาก็ยังคงเติมเต็มด้วยความมั่นใจเพราะการมีอยู่ของผู้คุมกฎ พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าเผ่าเต่าไม่มีวันแตกสลายตราบใดที่ผู้คุมกฎยังคงดูแลพวกเขาอยู่
นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาทุกคนจำได้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเผ่าเต่าอ่อนแอเพียงใด ในเผ่าไม่มีแม้แต่จอมยุทธ 16 ดาว แต่ถึงกระนั้นหลังจากที่ผู้คุมกฎมา เผ่าก็เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ไม่กี่ปีก่อน พวกเขาได้ขยายจากการไม่มีจอมยุทธ 16 ดาว จนมีจอมยุทธ 16 ดาวถึง 5 คน พวกเขายังได้ยึดเหมืองผลึกเก่าของพวกเขาคืนมาหลายแห่งอีกด้วย
แม้ว่าเผ่าเต่าจะทนทุกข์กับการระเบิดอย่างร้ายแรงในครั้งนี้ พวกเขาทุกคนก็เชื่อว่าเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงทนทุกข์กับการะเบิดครั้งนี้ก็เพราะว่าผู้คุมกฎไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่ทนทุกข์กับการพ่ายแพ้ถ้าผู้คุมกฎอยู่