ตัวหยั่งรู้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อนักยุทธ์มาก ๆ หากแดนตัวหยั่งรู้อยู่เหนือแดนผลการฝึกตน เช่นนั้นไม่เพียงแต่จะสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างเดียวเท่านั้น การตระหนักรู้ในกฎและการเพิ่มขึ้นของผลการฝึกตนก็จะทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะคนอย่างหลัวซิว เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 ที่มีตัวหยั่งรู้ของเทพมารขั้น 2 พูดได้เลยว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่มาก ๆ อยู่เหนือคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน

บวกกับในบรรดาพลังอมตะทั้ง 36 พลังของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพ หนึ่งในนั้นมีพลังอมตะที่ใช้ชุบตัวหยั่งรู้โดยเฉพาะ พลังอมตะที่ใช้โจมตีจิตวิญญาณ หรือพูดอีกอย่างว่าหากวิเคราะห์ในมุมตัวหยั่งรู้ หลัวซิวมีศักยภาพพอที่จะเทียบทัดกับเทพมารช่วงกลางได้อย่างสูสี

เมื่ออยู่ในโลกาศุภรจะสัมผัสไม่ได้ถึงการหมุนเวียนของเวลา หลัวซิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ยาเซียนที่มีติดตัวก็สูญเสียไปเกือบครึ่ง ในที่สุดเขาก็คว้าโอกาสช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเป็นนักยาเซียนได้เสี้ยวหนึ่งแล้ว

ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีจิต เช่นทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม อัสนี หยินและหยางก่อให้เกิดจิตฟ้าดิน จากการเพ็ญตนที่ยาวนาน สามารถบรรลุถึงแดนเทพมารได้อย่างง่ายดาย

จากการพัฒนาด้วยวิธีการที่พิเศษ ค่ายกลระดับเทพก็สามารถก่อให้เกิดภูตแห่งค่ายได้เช่นกัน ซึ่งเทียบได้กับการเกิดใหม่ของเทพมาร

การภัณฑ์กลั่นก็เป็นแบบเดียวกัน มีเพียงอาวุธที่ทรงพลังกว่าอัญมณีแห่งเทพมาร ถึงจะมีโอกาสกำเนิดจิตภัณฑ์ ทำให้อนุภาคของอาวุธเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อีกทั้งมีโอกาสที่จะพัฒนาให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เพราะฉะนั้นคำว่าจิตเพียงคำเดียว มีความลี้ลับซ่อนอยู่อย่างไร้ที่สิ้นสุด

กลั่นยาก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน ตั้งแต่ยาระดับ 1 ไปจนถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 9 แม้ยาจะถูกขนานว่าเป็นยาทิพย์ แต่ภายในตัวยากลับไม่มีจิตที่แท้จริงสถิตอยู่ มีเพียงยาเซียนที่ถูกกลั่นโดยนักยาเซียนเท่านั้นถึงจะมีจิตที่แท้จริง สามารถเก็บซ่อนพลังแห่งกฎฟ้าดินอยู่ภายในยา

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลื่อนขั้นจากปรมาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 9 ไปเป็นนักยาเซียน คือการบรรทานธาตุทิพย์ประเภทหนึ่งให้แก่ยา!

มีเรื่องเล่าในตำนานได้กล่าวไว้ว่าหากเป็นธาตุทิพย์ที่ผ่านการตกตะกอนของเวลามาช้านาน ก็จะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน ทำนองเดียวกันกับอสูรที่สามารถฝึกจนกลายเป็นเทพมาร หรือบรรลุถึงแดนที่สูงกว่านั้นได้

“ร่ายทิพย์!”

แสงพละกำลังที่อยู่ในแววตาหลัวซิวขึ้น ๆ ลง ๆ ตอนนี้การตระหนักรู้ต่าง ๆ ที่ยากที่จะรวมเข้าด้วยกันได้พุ่งทะยานขึ้นไปยังหัวใจเขา และปรากฏอยู่ในสมอง

ภายใต้การยืนยันของธรรมที่อธิบายอยู่ในวิชายาที่ตัวเขาฝึกในตอนแรกและวิชายาชิงเสวียน เริ่มมีวิชายาฉบับใหม่ค่อย ๆ อนุมานอยู่ในหัวเขา

ซึ่งวิชานี้ก็คือเคล็ดร่ายทิพย์ เป็นวิชาจำเป็นที่ต้องใช้ในการกลั่นยาเซียน!

หลังจากที่ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ หลัวซิวก็ค่อย ๆ หยีตาขึ้นอย่างกะทันหัน ตบมือขวาลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่เตาเทพจะหมุนติ้วลอยขึ้นมา

เห็นเพียงเขาจับพลังตราประทับไว้ในมือ เปลวไฟที่อยู่ในเตาเทพลุกโชนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ส่งเสียงดังโครมครามอย่างทรมานอึดอัดใจ หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ทั่วทั้งเตาเทพก็ถูกแผดเผาจนแดงเถือก คลื่นความร้อนแผ่กระจายออกไปรอบ ๆ

ในนักยาเซียนขั้นปฐมภูมิมีการบันทึกตำรับยาระดับ 1 พื้นฐานอยู่บ้าง หลัวซิวทำตามหนึ่งในตำรับยา นำยาเซียนที่เตรียมพร้อมไว้ใส่เข้าไปในเตาเทพ

หลังจากที่ใส่ยาเซียนเข้าไปในเตาเทพ จากการแผดเผาของอัคคีเทพ ยาเซียนค่อย ๆ ละลาย และกลายเป็นพลังงานอันยิ่งใหญ่ปั่นป่วนอยู่ภายในเตาเทพเหมือนดั่งมังกร

จากการใส่ยาเซียนเข้าไปในเตาเทพทีละต้น พละกำลังที่ละลายมาจากยาเซียนรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลง จนกลายมาเป็นเม็ดยาลักษณะกลม ๆ

ตอนนี้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการกลั่นยาเซียนแล้ว หากสามารถร่ายทิพย์สำเร็จ ก็จะถือว่ากลั่นยาเซียนเม็ดนี้สำเร็จ หากร่ายทิพย์ล้มเหลว เช่นนั้นเม็ดยาที่รวมกันเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็จะแตกสลาย ยาเซียนก็จะพินาศไปในพริบตาเดียว

หลัวซิวรีบทำตามเคล็ดร่ายทิพย์ที่ตนอนุมานได้ในทันที เสียงที่ลึกลับและมหัศจรรย์ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น ราวกับมีเทพมารกำลังสวดมนต์ บรรยายความลี้ลับที่ไร้ที่สิ้นสุดของธรรมฟ้าดิน