ทันทีที่พบว่ามีคนแปลกหน้าบุกรุก เหล่าสัตว์ซึ่งสวมหมวกทรงสูง เสื้อโค้ทกันฝนหรือเดรสยาวซับซ้อน ต่างพากันแตกตื่นโดยพร้อมเพรียง ทุกตัวจ้องมองมาทางไคลน์ด้วยสายตาก้าวร้าว
ทันใดนั้น ไคลน์ซึ่งสวมหน้ากากทระนงสัมผัสได้ว่าตนกลายเป็นศัตรูของคนทั้งเมือง
สำหรับสถานการณ์ภายในสวนเอเดน ชายหนุ่มซึ่งเคย ‘เห็น’ ผ่านมิสจัสติสย่อมไม่ตื่นตระหนก และทราบว่าสัตว์ที่เดินสองขาและแต่งกายเป็นมนุษย์เหล่านี้คือ ‘ประสงค์ของเดรัจฉาน’ แม้จะมีสติสัมปชัญญะ แต่ก็เป็นเพียงแนวคิดเชิงนามธรรม ไม่ใช่ตัวตนจริง
กล่าวคือ พวกมันไม่มีด้ายวิญญาณ และไม่ได้รับความเสียหายทางกายภาพทั้งปวง ไม่อย่างนั้น ไคลน์คงจับพวกมันทั้งหมดแขวนไว้กลางอากาศอย่างง่ายดาย แกว่งไกวไปตามสายลมในสภาพคอตก
วินาทีถัดมา นำโดยหมีที่เตรียมฉีกสูททางการ สัตว์จำนวนมากในสวนเอเดนต่างพากันแยกเขี้ยวหรือคำรามต่ำ กรูเข้าหาไคลน์จากทุกทิศ
หากถูกพวกมันกอดหรือกัดเข้า ก็จะถูก ‘ประสงค์ของเดรัจฉาน’ กัดกร่อนร่างกายและจิตใจทันที การต่อต้านสามารถทำได้ด้วยพลังใจ หรือไม่ก็พลังเกี่ยวกับจิตใจของเส้นทางผู้ชม
ขณะเผชิญสถานการณ์วิกฤติตรงหน้า ไคลน์ซึ่งแต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง เคาะไม้เท้าดวงดาวในมือซ้ายโดยปราศจากความตื่นตระหนก กางนิ้วทั้งห้าออกและหุบลงทันที
สวนเอเดนซึ่งประกอบด้วยอาคารสไตล์โกธิก เกิดเงาขึ้นบนท้องฟ้าประหนึ่งถูกคลุมด้วยม่านขนาดใหญ่
‘ดินแดนเร้นลับ’ อาณาจักรเทพเทียม!
ไคลน์ใช้พลังดังกล่าวเพื่อผนึกสวนเอเดน ป้องกันไม่ให้เหยื่อที่แข็งแกร่งหลบหนี
ถัดมา ชายหนุ่มถือไม้เท้าเดินย่างกรายไปบนพื้น คล้ายกับสุภาพบุรุษกำลังเดินหลังเล่นรับประทานอาหาร
สัตว์ที่พยายามแต่งกายเลียนแบบมนุษย์ ปรี่เข้ามาด้านข้างก่อนจะเปลี่ยนทิศทางกลางคัน หันไปกอดกันกลมเกลียว
งูเหลือมที่แลบลิ้นยาว อ้าปากกลืนสัตว์คล้ายสุนัขซึ่งเต็มไปด้วยความกระหายผสมพันธุ์ลงไปในลำคอ ชายประหลาดซึ่งมีใบหน้าคล้ายแมงมุมหลากสีสัน พ่นใยรัดพันหนูยักษ์ที่มีตาสีแดง มนุษย์หมาป่าฝังเขี้ยวลงบนร่างแมวขี้เซา หมียักษ์สีน้ำตาลที่กำลังปรี่เข้ามา โผกอดจิ้งจอกขนขาวเนียน
สรรพสัตว์ซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘ประสงค์ของเดรัจฉาน’ ที่แตกต่างกัน จับคู่กันเพื่อ ‘หลอมรวม’ เป็นหนึ่ง ก่อนที่ตัวตนพวกมันจะถูก ‘ยกเลิก’
ไคลน์ซึ่งถือครองอำนาจในการ ‘ปลูกถ่าย’ ย่างกรายเชื่องช้าไปตามถนนท่ามกลางสิงสาราสัตว์ ประหนึ่งกำลังวิเคราะห์ธรรมชาติของมนุษย์จากเหล่าประสงค์ของเดรัจฉาน
ชายหนุ่มเดินไปในลักษณะดังกล่าว จนกระทั่งถึงวิหารขนาดใหญ่ซึ่งสูงกว่าแปดสิบเมตรและหยุดฝีเท้า
จากนั้น มันแหงนหน้ามองกะโหลกที่ฝังอยู่บนต้นเสายักษ์สีดำราวสองวินาที
สีหน้าไคลน์ไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย เพียงยกมือซ้ายกดลงบนหมวกทรงกึ่งสูง เดินขึ้นบันไดเข้าไปในวิหาร
สิ่งแรกที่เห็นคือห้องโถงกว้างขวางอันว่างเปล่า จากนั้นก็เห็นไม้กางเขนยักษ์และรูปปั้นมังกรสีเทาอ่อนรายล้อมไม้กางเขน
ด้านหน้าไม้กางเขนมีโต๊ะยาวตัวเล็ก ริมโต๊ะมีเก้าอี้ฝั่งละห้าตัว
ปัจจุบัน ในตำแหน่งหัวโต๊ะยาวมีชายคนหนึ่งกำลังนั่งบนวีลล์แชร์สีดำ ใบหน้าขาวซีดผิดปรกติ คิ้วสีเหลืองอ่อนค่อนข้างยาว ผมหวีเรียบ หน้าผากมีรอยย่นเล็กน้อย
ไม่ใช่ใครนอกจากประธานใหญ่แห่งสมาคมแปรจิต เพาลี·เดอราล
ขณะเดียวกันก็เป็นผู้สันโดษคนดัง เอริค·เดรก และราชาบัลลังก์มืด บารอน·ฮ็อปกินส์
แต่แน่นอน ไม่มีใครทราบว่านี่คือร่างหลักหรือเป็นเพียงหนึ่งในหลายตัวตน
เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้แต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงและเสื้อคลุมสีดำ ย่างกรายเข้าหาอย่างเชื่องช้าด้วยบรรยากาศคุกคามสุดขีด เพาลี·เดอราลใช้มือทั้งสองข้างจับที่พักแขนวีลล์แชร์ทันที
ทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาในสวนเอเดน มันพยายามออกจากเมืองแห่งจิตแล้ว แต่กลับประสบความล้มเหลว
หน้ากาก ‘ทระนง’ ซึ่งกำลังสวมอยู่บนใบหน้าอีกฝ่าย มีดวงตากลอกขึ้นด้านบนคล้ายกับกำลังเย้ยหยัน
ฟู่ว… เพาลี·เดอราลรีบปลอบโยนตัวเองทันที แสงสว่างมายาส่องภายในดวงตา
แสงดังกล่าวทำให้ปีกคู่หนึ่งควบแน่นกลางอากาศด้านหน้า ใต้ปีกมีชายหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่งกำลังคุกเข่าลงหนึ่งข้าง พลางสวดวิงวอนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เทวทูต
ในเวลาเดียวกัน ชายชราผมขาว หน้าตาธรรมดา ปรากฏขึ้นฝั่งซ้ายมือเพาลี·เดอราล ฝั่งขวาเป็นนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย กว่าครึ่งใบหน้าถูกปกคลุมด้วยเคราสีทองอ่อน
เทวทูตโบราณ เฮอร์มิส และนักสร้างฝัน อาดัม!
ไคลน์ไม่หยุดเดิน เพียงกระซิบกับตัวเองแผ่วเบา
“ข้าปรารถนาให้ภาพมายาทั้งหมดหายไป”
กล่าวจบ มันยกมือซ้ายขึ้นมาดีดนิ้ว
เทวทูตแห่งแสงเฮอร์มิส และนักสร้างฝันอาดัม สลายตัวไปในพริบตา เหลือเพียงเพาลี·เดอราลที่นั่งบนวีลล์แชร์สีดำ
เมื่อครู่มันเพิ่งใช้พลังพิเศษของนักสานฝันเพื่อถักทอภาพมายาเสมือนจริง หากศัตรูเชื่อว่าเป็นความจริง ภาพเหล่านั้นก็จะกลายเป็นจริง แม้จะไม่สร้างความเสียหายในเชิงกายภาพ แต่เป้าหมายอาจเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
เพาลี·เดอราลเคยทำให้เป้าหมาย ‘กลัวจนตาย’ ด้วยฝันร้ายมานักต่อนักแล้ว
แต่น่าเสียดาย ศัตรูของมันในคราวนี้คือไคลน์ ราชาเทวทูตผู้สามารถคงสติคมชัดภายในความฝัน แถมยังมีตาทิพย์ ภาพมายาถูกจึงสลายไปอย่างง่ายดายด้วยพลังความปรารถนาของผู้ชี้นำปาฏิหาริย์
ได้เห็นฉากตรงหน้า เปลือกตาเพาลี·เดอราลกระตุกแผ่วเบา โดยไม่รีรอ มันยกตัวเองขึ้นจากวีลล์แชร์สีดำ
ระหว่างนั้น ร่างกายของมันพองตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมังกรยักษ์ซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดใหญ่สีเทาอ่อน
จำแลงมังกร!
สัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์!
เมื่อเทียบกับลำดับ 4 จอมบงการ ร่างสัตว์ในตำนานไม่สมบูรณ์ของเพาลี·เดอราลนั้นมีขนาดใหญ่กว่า แถมยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในส่วนหัว จนดูคล้ายจิ้งจกมากกว่ามนุษย์ ดวงตามีสีทองซีด รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง เกล็ดแข็งบนใบหน้าซ้อนทับกัน แต่ละเกล็ดสลักลวดลายลึกลับ เย็นชา และบิดเบี้ยว
เมื่อร่างสัตว์ในตำนานไม่สมบูรณ์ถือกำเนิด ความคิด จิตใจ ความปรารถนา และเจตจำนงทุกรูปแบบ พลันถูกพัดพาราวกับพายุอันเกรี้ยวกราด พวกมันอาละวาดจนเต็มห้องโถงใหญ่ซึ่งว่างเปล่า ส่วนหนึ่งบุกรุกเข้าสู่เกาะแห่งจิตของไคลน์ในลักษณะกึ่งมายากึ่งจริง
นี่คือการผสานระหว่าง ‘ช่วงชิงจิตใจ’ และ ‘โรคระบาดทางจิต’ มีฤทธิ์ทำให้ทุกสรรพสิ่งถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นบ้าคาที่
สำหรับเทวทูต การโจมตีลักษณะนี้ถือเป็นของแสลงอย่างมาก เพราะพวกมันทุกคนล้วนมีปัญหาทางจิตติดตัว สามารถคลุ้มคลั่งได้ง่ายดายหากตาชั่งแห่งสมดุลเอนเอียงแม้เพียงเล็กน้อย!
ไคลน์ซึ่งสวมหน้ากากทระนงสีขาวและหมวกทรงกึ่งสูง ยังคงไม่หยุดเดิน และไม่พยายามหลบเลี่ยงพายุโรคระบาดทางจิต เพียงย่างกรายเข้าหาเพาลี·เดอราลด้วยความเลือดเย็น
วินาทีถัดมา หนอนแมลงโปร่งใสปรากฏขึ้นบนหลังมือชายหนุ่ม ชุดคลุมพองตัวขึ้น คล้ายกับมีสัตว์ประหลาดซึ่งจะยากอธิบายซ่อนอยู่ภายใน
เพียงพริบตา ไคลน์คลุ้มคลั่งและกลายร่างเป็นวังวนหนอนแมลงโปร่งใสขนาดใหญ่
วังวนดังกล่าวฟาดหนวดรยางค์ลวดลายพิสดารออกไปทุกทิศ กึ่งกลางวังวนมีบานประตูแสงประหลาดสีน้ำเงินเข้ม
ได้เห็นฉากตรงหน้า แม้เพาลี·เดอราลจะอยู่ในร่างสัตว์ในตำนานไม่สมบูรณ์ แต่ความคิดของมันกลับชะงักงันคาที่
ดูเหมือนว่ามังกรยักษ์สีเทาตัวนี้จะกลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว ห้วงความคิดเต็มไปด้วยแป้งเปียก ตามข้อต่อร่างกายมีสนิมเกาะ
มันเผลอจ้องมองสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่ตนไม่ควรมอง!
เหนือหมอกสีเทา ไคลน์บนเก้าอี้เดอะฟูล ทำการสลายภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่คลุ้มคลั่งทันที
ทันทีที่เข้ามาในสวนเอเดนและนำไม้เท้าดวงดาวออกมาถือ ชายหนุ่มได้เปลี่ยนตำแหน่งตัวเองกับภาพฉายซึ่งสร้างโดยหนอนแมลงบนปราสาทต้นกำเนิด ขณะเดียวกันก็ส่งร่างต้นกลับไปยังวังโบราณในพริบตา
แม้จะทราบดีว่า นักสร้างฝันอาดัมได้เดินทางไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งเพื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้สร้างแท้จริง และคงมิอาจเสด็จเยือนโลกความจริงได้อีกสักระยะ อย่างมากก็ทำได้เพียงการส่งตัวตนอื่นมาช่วย ไม่มีทางรับมือ ‘ราชา’ แห่งราชาเทวทูตไหว แต่ไคลน์ก็ไม่กล้าประมาท ด้วยเกรงว่านี่อาจเป็นหลุมพรางของอาดัมหรืออามุนด์
ถัดมา เหนือสายหมอกสีเทา ชายหนุ่มทำการอัญเชิญตัวเองในอดีต ช่วงก่อนที่จะคลุ้มคลั่งและกลายร่าง กลับมาในสภาพสวมหน้ากากทระนงและถือไม้เท้าดวงดาว จากนั้นก็ส่งลงไปภายในวิหารบนสวนเอเดน
แม้จะเห็นเพาลี·เดอราลเสียสติเกือบสมบูรณ์จนมิอาจควบคุมร่างกาย ไคลน์ก็ไม่รีบร้อนเข้าควบคุมด้ายวิญญาณโดยตรง เพื่อเปลี่ยนมังกรจิตตัวนี้ให้กลายเป็นหุ่นเชิด ทำเพียงย่างเท้าเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความเลือดเย็น
ในสายตาเพาลี·เดอราล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เปรียบดังร่างอวตารของความตาย แม้จะคืบคลานเข้าหาอย่างเชื่องช้า แต่ก็ไม่มีทางหนีพ้น
ทันใดนั้นเอง รูปปั้นมังกรสีเทาอ่อนบนไม้กางเขนยักษ์ด้านหลังมัน เกิดขยับเขยื้อน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ไคลน์ยกมือซ้ายและกดลง
ม่านเงาซึ่งปกคลุมสวนเอเดนยุบตัวลงในทันที ห่อหุ้มไม้กางเขนยักษ์ รูปปั้นมังกรสีเทาอ่อน และเพาลี·เดอราล
วินาทีถัดมา ไคลน์ยก ‘ผ้าม่าน’ ขึ้นจากพื้น
ร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ของเพาลี·เดอราล หลอมรวมเข้ากับไม้กางเขนยักษ์จนดูคล้ายกับต้นไม้ที่ขมวดปม
และทันใดนั้นเอง รูปปั้นมังกรสีเทาถูกเชื่อมโยงเข้ากับทุกสิ่งภายในสวนเอเดน เปลี่ยนให้เมืองด้านนอกวิหารกลายเป็นภาพมายาของทะเลซึ่งอัดแน่นไปด้วยทุกสีสันบนโลก
นี่มิใช่ทะเลแห่งความโกลาหลของจริง ไคลน์เพียงยืมอำนาจมาบางส่วนด้วยการ ‘แผลง’ และ ‘ผนวกใหม่’
เกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินอย่างไม่รีบร้อนจนกระทั่งเข้าใกล้ ‘ต้นไม้ยักษ์ขมวดปม’ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นท่ามกลางสายตาเฉื่อยชาเจือความหวาดผวาของเพาลี·เดอราล และฟาดไม้เท้าดวงดาวเข้าใส่
ไม้เท้าเลี่ยมอัญมณีจำนวนมากกระแทกใส่เป้าหมายหนักหน่วง เหยื่อถูกผ่าออกเป็นสองซีกในพริบตา
ท่ามกลางเสียงเชือดเฉือน ร่างของเพาลี·เดอราลที่ผสานเข้ากับไม้กางเขนยักษ์ แยกออกจากกันและร่วงหล่นลงพื้น
ประธานใหญ่แห่งสมาคมแปรจิต เสียชีวิตก่อนที่จะได้พ่นคำสั่งเสีย
ขณะรอให้ตะกอนพลังของเพาลี·เดอราลควบแน่น ไคลน์กวาดตาไปรอบตัว สูดลมหายใจและกล่าว
อย่างที่คิด เป้าหมายที่แท้จริงของเฮอร์มิสก็คือ ชักนำให้องค์กรลับเบื้องหลังมิสจัสติสทำลายสวนเอเดน เพื่อที่ตนจะได้หลบหนีจากอาดัม…
คำพูดของมังกรจิตอาริฮ็อก ทำให้ชายคนนั้นตัดสินใจได้…
แต่มาใช้งานกันแบบนี้ น่าจะเหลือสมบัติปิดผนึกไว้ให้บ้างสิ ไม่ใช่หอบทุกสิ่งหนีไปหมด… หรือว่าความจริงแล้ว กระต่ายตัวนั้นควรสวมหน้ากาก ‘ละโมบ’ มากกว่า ‘โทสะ’ ?
ในอนาคต สมาคมแปรจิตอาจยังไม่ล่มสลาย แต่ผู้ชักใยจะไม่ใช่สภานักสิทธิ์สนธยาอีกต่อไป หากแต่เป็นตัวเฮอร์มิสเอง…
…………………………………