ทั่วทิศทางรอบเขาดารารายถูกเงาร่างผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าโอบล้อม

ผู้ฝึกปราณแต่ละกลุ่มล้วนมีระดับมกุฎราชันบัญชาการ ไอสังหารทะลวงเมฆ ทำให้เมฆลมที่นี่เปลี่ยนสี ฟ้าดินมืดสลัวไปทั้งแถบ

หน้าประตูทางเข้าภูเขาคือผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทอง ห้อมล้อมอูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองที่เป็นผู้นำไว้ราวดาวล้อมเดือน

ในบริเวณอื่นแบ่งออกเป็นผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจอย่างสำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์ เผ่าโบราณแสงทมิฬเป็นต้น

ขุมอำนาจสิบกว่าแห่งซึ่งนำโดยระดับมกุฎราชันโอบล้อมเขาดารารายจนแม้แต่น้ำยังไหลออกมาไม่ได้

อำนาจอิทธิพลเช่นนี้พอที่จะทำให้ใครๆ ต่างสิ้นหวัง!

“ทำไม… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”

บนเขาดารารายพวกอิงเทียนสิงนัยน์ตาหดรัด ท่าทางราวถูกฟ้าผ่า มือเท้าเย็นไปหมด

สามวันก่อนหลินสวินและพวกลี่ซั่งสุ่ยเพิ่งจากไป เท่ากับทำให้พวกอิงเทียนสิงยึดครองเขาดารารายได้โดยไม่เปลืองแรง

เดิมนี่คือเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกเบิกบานใจ สามวันมานี้เริ่มทำตัวราวกับเจ้าของเขาดารารายแล้ว

ไหนเลยจะคิดว่าผ่านไปแค่สามวันเขาดารารายจะถูกปิดล้อม!

อีกทั้งขุมอำนาจสิบกว่าแห่งยังออกเคลื่อนพลพร้อมกัน แค่เพียงมกุฎราชันก็มีสิบกว่าคนแล้ว!

นี่ช่างเหมือนหายนะไม่คาดฝัน ทำเอาพวกอิงเทียนสิงแทบพังทลาย

“เทพมารหลิน จนป่านนี้แล้วยังไม่คิดปรากฏตัวอีกรึ”

อูหลิงเฟิงเอ่ยปาก จิตใจฮึกเหิม ทั่วร่างเขาทองอร่าม เรือนกายสูงโปร่งยืน อยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ก็มีมาดสง่างามหยิ่งผยอง

เสียงเขาราวฟ้าผ่า ปั่นป่วนทั่วจตุทิศ

ที่แท้ก็มาเพราะเทพมารหลิน!

พวกอิงเทียนสิงต่างแอบเป่าปากโล่งอก รีบร้อนกล่าว “สหายเผ่าอีกาทอง เทพมารหลินจากไปเมื่อสามวันก่อน ที่นี่ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว”

“แม่งพูดจาเหลวไหล! ตอนพวกข้ามาได้สืบข่าวมาก่อนแล้ว พวกเจ้าล้วนแต่เป็นสุนัขรับใช้ของเทพมารหลินนั่น ตอนนี้ยังกล้ามาโกหก เห็นว่าพวกเราปัญญาอ่อนรึ”

ด้านเผ่าวิญญาณสมุทร ชายหยาบเถื่อนคนหนึ่งโกรธจนผมตั้งตวาดเสียงกร้าว

พวกอิงเทียนสิงถูกด่าจนหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้แค่อดกลั้นกล่าวอธิบาย “สหาย นี่คือเรื่องเข้าใจผิด พวกข้าไม่เคยพึ่งพาเทพมารหลิน…”

“หุบปาก!”

ฝั่งสำนักยุทธ์นครนิล หญิงสาวพาดกระบี่วิญญาณคนหนึ่งสีหน้าอึมครึมกล่าว “หากไม่ได้พึ่งพาเทพมารหลิน แล้วพวกเจ้าได้รับการคุ้มครองจากเขาได้อย่างไร”

สีหน้าของพวกอูหลิงเฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้ว ในใจโกรธแค้นยิ่งนัก เจ้าพวกนี้เห็นพวกเขาเป็นอะไร เด็กสามขวบที่หลอกได้ง่ายๆ รึ

พวกอิงเทียนสิงเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงไม่ฟังคำอธิบาย พวกเขาไม่ได้พึ่งพาเทพมารหลินจริงๆ!

“สหายยุทธ์ทุกท่าน พวกข้าไม่คิดหลอกลวง ว่ากันตามตรงหากไม่ใช่เทพมารหลินนั่นหนีไปเร็ว พวกข้าคงลงมือขุดรากถอนโคนมันไปแล้ว”

อิงเทียนสิงสูดหายใจลึกกล่าวเสียงขรึม วาจากึกก้อง

ทว่ายิ่งเขาอธิบายเช่นนี้สีหน้าพวกอูหลิงเฟิงก็ยิ่งอึมครึม รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกเชาวน์ปัญญาของพวกเขา!

คำโกหกเส็งเคร็งเช่นนี้ยังพูดออกมาได้ ช่าง… ทำให้คนไม่อาจอดกลั้น

“แม่งพูดไร้สาระให้น้อยหน่อย บอกพวกเจ้าเลยว่าพวกข้ามาคราวนี้เดิมก็ไม่คิดปล่อยให้พวกเจ้ารอดไปสักคน!”

ชายหยาบเถื่อนเผ่าวิญญาณสมุทรตวาดลั่น ไอสังหารแผ่ซ่าน “ในเมื่อเทพมารหลินไม่ยอมเสนอหน้า เช่นนั้นพวกข้าก็จะขยี้เขาลูกนี้ ทำลายที่นี่ทิ้งซะ!”

พวกอิงเทียนสิงอึ้งงันโดยสมบูรณ์ อัดอั้นจนเกือบกระอักเลือด อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน โคลนเหลืองตกใส่เป้ากางเกงไม่ใช่ ‘ขี้’ ก็กลายเป็น ‘ขี้’ แล้ว!

“ช่างเถอะ พูดมากก็เปล่าประโยชน์ คนพวกนี้โง่เขลาดึงดัน พวกเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว รีบรบรีบจบ กวาดที่นี่ให้ราบ!”

อูหลิงเฟิงแววตาดุจสายฟ้าแลบสีทอง น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ เขาโบกมือเปิดฉากล้อมโจมตีทันที

ฟุ่บๆๆ

ระดับมกุฎราชันมากมายจู่โจมจากทั่วสารทิศ แผ่อานุภาพร้ายกาจประหนึ่งทวยเทพ ทำเอาห้วงอากาศในฟ้าดินแถบนี้ทรุดตัวลง

“ฆ่า!”

“ซัดภูเขานี้ให้ราบ!”

“พวกสุนัขรับใช้บัดซบของเทพมารหลินเห็นพวกเราโง่เขลาหลอกง่าย จะต้องฆ่าให้หมด!”

ท่ามกลางเสียงตวาดต่อเนื่องเป็นระลอก เหล่าราชันออกโจมตี

พริบตานั้นการจู่โจมมืดฟ้ามัวดินราวมหาสมุทรพร่างพรายเจิดจรัส ก็ม้วนแผ่ไปยังเขาดารารายที่อยู่ตรงกลาง

ฉากนี้สะเทือนใต้หล้าโดยไม่ต้องสงสัย!

สีหน้าของพวกอิงเทียนสิงพลันซีดเผือดราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง นี่จะสู้ได้อย่างไร

น่าแปลกที่ตอนนี้พวกเขาต่างนึกถึงหลินสวินขึ้นมาพร้อมกัน หากเทพมารหลินยังอยู่คงออกมากอบกู้สถานการณ์แล้วกระมัง

น่าเสียดาย เสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว

พวกเขาทำได้แค่สู้!

“ทุกท่าน ได้แต่สู้ตายถึงที่สุดจึงอาจฝ่าวงล้อมออกไปได้!”

อิงเทียนสิงเองก็ถูกยั่วโทสะแล้ว ส่งเสียงคำรามลั่น

“ฆ่า!”

“ฆ่ากันให้ตายไปข้าง!”

คนอื่นๆ ต่างดวงตาแดงไปหมด พวกเขารู้ดีว่าสถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบ ใครจะกล้าเพิกเฉย ล้วนใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดเริ่มสู้สุดชีวิตแล้ว

ศึกใหญ่ถูกจุดชนวนโดยสมบูรณ์

ว่ากันตามจริงนี่น่าจะเป็นฉากเข่นฆ่านองเลือดที่เกิดจากความเข้าใจผิด

น่าเสียดาย เวลานี้ต่อให้อธิบายไปก็ไม่มีคนเชื่อแล้ว

เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา

โลหิตแดงสดอาบทั่วเขาดาราราย ตัวภูเขาพังทลายไปเกินครึ่ง ก้อนหินเกลือกกลิ้ง ต้นไม้ใหญ่หักโค่น โอสถวิญญาณและวัตถุดิบวิญญาณที่เติบโตบนภูเขาล้วนถูกทำลายอย่างหนัก

เดิมที่นี่เป็นแดนมงคลบำเพ็ญเพียรที่ราวแดนพิสุทธิ์แห่งหนึ่ง แต่ชั่วพริบตากลับพังพินาศนองเลือดทั่ว

การต่อสู้นี้พวกอิงเทียนสิงถูกสังหารหมด ไม่เหลือรอดสักคน!

ผู้สืบทอดคนอื่นในขุมอำนาจของพวกเขาล้วนถูกขุดรากถอนโคนสิ้น!

พวกอูหลิงเฟิงมาคราวนี้ อานุภาพเกรียงไกร รวมขุมอำนาจใหญ่สิบกว่าแห่ง หมายจะกำจัดหลินสวินและขุมอำนาจบนเขาดารารายของเขาให้สิ้นซาก

ด้วยเหตุนี้แน่นอนว่าไม่อาจทนให้มีคนหนีรอดไปได้!

แม้จะล้างบางพวกอิงเทียนสิงได้ แต่พวกอูหลิงเฟิงก็บาดเจ็บล้มตายเกือบสามส่วน ทั้งยังมีมกุฎราชันสองคนตายในการต่อสู้ ระดับมกุฎราชันคนอื่นๆ เองก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย

ถึงอย่างไรพวกอิงเทียนสิงก็เป็นถึงระดับมกุฎราชัน ภายใต้การดิ้นรนสุดชีวิต พลังทำลายล้างที่ก่อขึ้นย่อมไม่อาจดูถูกได้ง่ายๆ

เพียงแต่เมื่อพูดเปรียบเทียบกันแล้วผลลัพธ์ครั้งนี้ก็ไม่เลวนัก สถานการณ์ถูกชี้ชัดไว้แล้ว!

ทว่าพวกอูหลิงเฟิงกลับดีใจไม่ออกสักนิด

“เจ้าหลินสวินนั่นไม่อยู่จริงรึ”

หลังค้นหาทั่วเขาดารารายและแน่ใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยของหลินสวิน สีหน้าพวกอูหลิงเฟิงพลันมืดทะมึน อึดอัดจนแทบกระอักเลือด

พวกเขามาคราวนี้ เป้าหมายสำคัญที่สุดคือสังหารหลินสวิน!

ไหนเลยจะคิดว่าจ่ายค่าตอบแทนมากเช่นนี้กลับได้เพียงสังหารสุนัขรับใช้กลุ่มหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวหลักหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว…

“หรือว่า… เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้หลอกพวกเรา” มีคนกล่าวพึมพำ สีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบ

ในลานพลันเงียบสงัด

พวกอูหลิงเฟิงต่างตระหนักได้ว่าการต่อสู้นี้อาจกลายเป็นเรื่องตลกแล้ว ทำให้หน้าพวกเขาแทบแขวนไว้ไม่อยู่

“เทพมารหลินบัดซบนี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”

มีคนแค้นจนกัดฟันกรอด โกรธจนควันออกหู

“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี”

มีคนอดถามไม่ได้

สายตาคนอื่นล้วนมองไปยังอูหลิงเฟิง

ระดมกำลังมาแต่กลับก่อเรื่องน่าขันเช่นนี้ จ่ายค่าตอบแทนนองเลือด ทั้งยังเสียมกุฎราชันไปสองคน สุดท้ายกลับไม่เจอแม้แต่เงาของตัวต้นเรื่อง

นี่… จะตบหน้ากันเกินไปแล้ว!

“รออีกหน่อย เทพมารหลินอาจแค่ออกไปข้างนอก หลังรู้ข่าวร้ายบนเขาดารารายแล้วจะต้องกลับมาแน่”

อูหลิงเฟิงสูดหายใจลึก ควบคุมความอยากกระอักเลือดในใจอย่างเต็มที่ กล่าวเสียงขรึม “นอกจากนี้ให้ส่งคนไปสืบข่าวบริเวณใกล้เคียง ครั้งนี้ห้ามกลับไปมือเปล่าเด็ดขาด!”

ทุกคนพยักหน้า ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว หากกลับไปมือเปล่าแล้วถูกผู้ร่วมวิถีคนอื่นรู้เข้า พวกเขาเหล่าขุมอำนาจได้กลายเป็นตัวตลกแน่!

เพียงแต่เทพมารหลินนี่ไปไหนกันแน่

พวกเขาอยากรู้นักเชียว

เวลานี้หลินสวินกำลังยืนอยู่หน้าเขาวิญญาณลูกหนึ่งที่ลักษณะคล้ายเสือหมอบ สูงตระหง่านไร้สิ้นสุด

เหนือภูเขามีแสงมงคลแผ่ลอย ประกายศักดิ์สิทธิ์โน้มลู่ลง มองจากไกลๆ เสมือนม่านน้ำตกดาราหลากสายลอยล่อง

ลักษณะภูเขาราวพยัคฆ์ ดูดกลืนไอวิญญาณที่หมุนวนระหว่างฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง

พลังต้องห้ามเร้นลับชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่บนนั้น ป้องกันการตรวจสอบจากโลกภายนอก ไม่อาจเห็นภาพในภูเขาโดยละเอียด

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น บรรยากาศที่ไม่ธรรมดานั่นก็เรียกได้ว่าน่าทึ่งแล้ว

“เลือกที่ได้ดี!”

หลินสวินนัยน์ตาดำเป็นประกาย

ช่วงค่ำสามวันก่อน หลังออกจากเขาดารารายเขาก็บอกลาผู้สืบทอดสำนักเพลิงมืดและเขาวิญญาณหมื่นอสูร แล้วเดินทางต่อเพียงลำพัง

จากนั้นก็ท่องในแดนอัคคีทักษิณบุกป่าฝ่าดงตลอดทาง หลังผ่านการสืบข่าวหลายครั้ง ในที่สุดก็ยืนยันฐานที่มั่นของขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นได้

เขาวิญญาณเบื้องหน้านี้นามว่าฝนดาวตก เป็นอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง!

ไม่นานหลินสวินก็ถอนสายตากลับ พลังต้องห้ามบนเขาฝนดาวตกถูกเขามองทะลุปรุโปร่ง ไม่อาจขวางหนทางเขาได้แล้ว

“หยุดนะ! ที่นี่คืออาณาเขตเผ่าอีกาทองของพวกเรา เจ้ามาทำอะไร”

หน้าประตูทางเข้าภูเขามีผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งปกป้อง เมื่อเห็นหลินสวินเดินมาคนเดียวก็ส่งเสียงกระทู้ถามทันที

“พวกเจ้าไม่รู้จักข้ารึ” หลินสวินถาม

ทุกคนอึ้งงัน จากนั้นลูกตาพลันเบิกกว้างราวเห็นผี ท่าทางคล้ายไม่กล้าเชื่อ เจ้าคนที่ถูกพวกเขาเผ่าอีกาทองแค้นเข้ากระดูก ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่กะทันหัน

“เจ้า… เจ้าไม่ได้อยู่ที่เขาดารารายรึ”

มีคนเอ่ยถามโง่ๆ

คนอื่นๆ ล้วนอึ้งงันไปหมด

ต้องรู้ว่าครั้งนี้อูหลิงเฟิงองค์ชายเก้าของพวกเขา ระดมพลขุมอำนาจสิบกว่าแห่งเดินทางไปโจมตีเขาดารารายอย่างเอิกเกริกแล้ว เป้าหมายก็เพื่อกำจัดเทพมารหลินในคราเดียว

แต่ตอนนี้เทพมารหลินกลับปรากฏตัวบนอาณาเขตของพวกเขาอย่างคาดไม่ถึง!

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

มีคนสูดหายใจเย็น ถามเสียงสั่นเครือ

“แน่นอนว่ามาแก้แค้น”

หลินสวินยิ้มเล็กน้อย

ฟุ่บ!

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เหล่าผู้แข็งแกร่งหน้าประตูทางเข้าล้วนไม่ทันได้หลบหลีกก็ถูกแสงมรรคเจิดจ้าแถบหนึ่งกวาดล้างสังหารตายคาที่

จากนั้นเขาสองมือไพล่หลัง ก้าวอย่างสุขุมลอยชายเข้าไปในประตูหน้าเขา

วู้ม!

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ครอบคลุมภูเขาพลันเกิดระลอกคลื่นทันที

ทว่าหลินสวินราวเดินเล่นในสวนบ้าน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ถูกพลังต้องห้ามชวนประหวั่นนั่นขวางกั้นสักนิด

“บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงกล้าบุกรุกเขาฝนดาวตก”

ระหว่างทางมีคนถูกทำให้ตระหนก ส่งเสียงตวาดลั่น

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ใต้เท้าพลันปรากฏชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง หัวมังกรดิ่งลงมาเขมือบคนผู้นี้ไปอย่างง่ายดายราวกลืนกินหนอนแมลงตัวหนึ่ง

…………………….