ฟุ่บ!
ไม่ให้เวลาหลินสวินได้ตอบสนอง ชายในภาพวาดพลันเหวี่ยงคันเบ็ด ดวงดาวที่ถูกตกได้พุ่งออกมานอกภาพ
เวลาต่อมาหลินสวินรู้สึกเพียงห้วงนิมิตมีเสียงดังวู้มราวกับจะระเบิด ถูกพลังมรดกอันยิ่งใหญ่ซับซ้อนจู่โจม
‘ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา!’
‘วิชามรรคอมตะ แบ่งเป็นสามกระบวนท่า’
‘ท่าแรก วสันต์สารทชั่วพริบตา หนึ่งดรรชนีหมุนเปลี่ยนฤดูกาล ชิงศุภโชค ตัดสินเป็นตาย!’
‘ท่าที่สอง ใกล้ดุจสุดหล้า หนึ่งดรรชนีตัดโลก ศัตรูอยู่ใกล้เพียงคืบ ข้าเหมือนอยู่ไกลสุดหล้า ไม่อาจเข้าใกล้’
‘ท่าที่สาม ห่างไกลล้วนไปถึง หนึ่งดรรชนีไหวเคลื่อน ไร้ที่ใดไปไม่ถึง ไม่อาจหลบหนี!’
…
ผ่านไปครู่ใหญ่หลินสวินจึงตื่นจากการหยั่งรู้ ในใจปั่นป่วนโกลาหล ถูกทำให้ตกตะลึงเต็มที่
เขาสัมผัสได้ว่านี่คือมรดกวิชามรรคไร้เทียมทานที่อยู่เหนือห้าระดับใหญ่ เตรียมไว้เพื่อราชันที่ก้าวสู่ระดับอมตะโดยเฉพาะ!
แม้มีเพียงสามกระบวนท่า แต่กลับแฝงนัยลึกซึ้งสุดหยั่งอยู่ภายใน มีพลังเทียมฟ้าที่คาดไม่ถึง!
หลินสวินสูดหายใจลึกเงยหน้าทันที ก็เห็นม้วนภาพที่เหลืองคร่ำคร่านั้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เงาร่างที่ตกปลาเหนือฟ้าดาราแน่นิ่งไม่ขยับ ราวกับทุกอย่างเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา
แต่หลินสวินรู้ว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง!
ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา!
มหาอุดม แฝงความหมายถึงเขตแดนสมบูรณ์ไร้บกพร่องอย่างหนึ่ง
วิชามรรคนี้อานุภาพยิ่งใหญ่ มีพลานุภาพโดดเด่นยากปกปิด
อย่างเช่นกระบวนท่าแรก วสันต์สารทชั่วพริบตา หลอมรวมความยิ่งใหญ่แห่งฤดูกาลหมื่นสมัยไว้ในหนึ่งดรรชนี พอที่จะล้มล้างฟ้าดิน หมุนเวียนวัฏจักร ใช้พลานุภาพยิ่งใหญ่กดอัดศัตรู!
กระบวนท่าที่สอง มองใกล้เป็นไกลสุดหล้า ต่อให้ศัตรูมารุกรานก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่อาจสัมผัสตนได้สักกระผีก
นี่คือวิชาป้องกันตัวอย่างหนึ่งที่คล้าย ‘การจำกัดบริเวณ’ แต่กลับน่าอัศจรรย์และน่าทึ่งกว่า
ลองคิดดูว่าตำแหน่งที่ตนยืนอยู่เสมือนสุดขอบฟ้า ศัตรูจะเข้าใกล้ได้อย่างไร
ส่วนกระบวนท่าที่สาม ห่างไกลล้วนไปถึง ไม่ว่าเจ้าหนีไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีแห่งใดที่ดรรชนีนี้ไปไม่ถึง!
เพียงสามกระบวนท่าแต่รวมการโจมตี ป้องกัน ไล่ล่าสามแบบ แก่นอัศจรรย์ที่แฝงอยู่ภายในทำเอาหลินสวินไหวหวั่น
นานพอควรหลินสวินถึงสงบสติอารมณ์จากความตื่นเต้น
สายตาจ้องมองภาพวาดที่ปรากฏคราบเหลืองคร่ำคร่านั่น ในใจหลินสวินวิเคราะห์ออกโดยคร่าวๆ ว่านี่คือสิ่งที่ชายชราชุดนักพรตขี่วัวเขียวผู้นั้นเหลือไว้
ภายในยังซ่อนความลับอื่นที่ไม่ธรรมดายิ่ง
แต่กลับต้องการ ‘ผู้มีวาสนา’ มาสัมผัสความลับระดับนี้
ก็เหมือนฉากต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ถูกกระตุ้นด้วยภาพนักพรตขี่วัวในมือของตน ทำให้เขาได้รับมรดก ‘ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา’ มาโดยไม่ตั้งใจ
‘ผู้สมัครใจเชิญขึ้นเบ็ด… น่าจะเป็นผู้มีวาสนาเชิญขึ้นเบ็ดถึงจะถูก…’
หลินสวินพึมพำในใจ ผู้อาวุโสท่านนี้เหลือภาพวาดนี้ไว้ก็เพื่อรอผู้มีวาสนาคนหนึ่งกระมัง
ตกปลาบนฟ้าดารา มอบมรดกแก่ผู้มีวาสนา!
ท่าทางหลุดพ้นเสรีเช่นนี้ กวาดสายตามองตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถครอบครอง
ชายชราชุดนักพรตที่ขี่วัวเขียวแหงนมองฟ้าผู้นี้เป็นใครกันแน่
หลินสวินกุมก้อนทองแดงสนิมเขรอะลายพร้อยในมือเงียบๆ
เขามีลางสังหรณ์ว่า สักวันหนึ่งเมื่อตนมีโอกาสไปเสาะหา ‘แหล่งสถานอัศจรรย์’ นั่น บางทีอาจได้รู้ฐานะของชายชราชุดนักพรตนี่
จากนั้นหลินสวินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ภาพตกปลาบนฟ้าดารานี้เผ่าอีกาทองได้มาจากไหนกัน
ท้ายที่สุดหลินสวินก็ยกมือเก็บภาพวาดโบราณนี้ไป
‘ต้องเร่งทำเวลาแล้ว…’
ยามก้าวออกจากตำหนักของเผ่าอีกาทองแล้วยืนอยู่บนเขาฝนดาวตก นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเด็ดเดี่ยววูบหนึ่ง ในเมื่อเปิดฉากเข่นฆ่าแล้วก็ไม่อาจรามือ
ฟุ่บ!
เวลาต่อมาเงาร่างเขาก็หายลับจากไป
…
หนึ่งเค่อผ่านไป
ณ เขาช้างป่าหนึ่งในแดนมงคลเล็กของแดนอัคคีทักษิณ ปัจจุบันถูกสำนักยุทธ์นครนิลยึดครอง
หลินสวินมาแล้วขึ้นเขาฆ่าฟันตามแบบฉบับเดิม
แค่เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์นครนิลที่รักษาการณ์อยู่บนเขาช้างป่าก็ถูกสังหารเรียบ เลือดหลั่งย้อมภูเขา เกลื่อนกลาดระเนระนาดไปทั่ว
ยามหลินสวินก้าวออกจากเขาช้างป่าได้นำโอสถราชันเก้าต้นและเจตวัตถุหายากกองหนึ่ง… แก่นหนาวเรืองแสง มูลค่ามหาศาลไม่ด้อยไปกว่าทองเทพสมประสงค์
ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือบนเขาช้างป่าไม่มีโอสถเทพ
จากนั้นหลินสวินก็มุ่งหน้าบุกอาณาเขตของเผ่าวิญญาณสมุทร
เวลานี้ข่าวที่หลินสวินบุกเดี่ยวเข้าอาณาเขตเผ่าอีกาทอง ฟาดฟันมกุฎราชันมากมายจนเลือดอาบเขาฝนดาวตกแพร่กระจายไปในแดนอัคคีทักษิณอย่างรวดเร็วดั่งลมพายุ
การต่อสู้นี้เขาฝนดาวตกประสบเคราะห์โดยสมบูรณ์ แต่ละขุมอำนาจที่รักษาการณ์อยู่บนนั้นบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน คิดปกปิดก็ปิดบังไม่อยู่
เมื่อข่าวแพร่ออกไปแต่ละฝ่ายต่างพลุ่งพล่าน
ขุมอำนาจที่กระจายอยู่ในแดนอัคคีทักษิณตกตะลึงอ้าปากค้างยากจะเชื่ออยู่บ้าง นั่งกันไม่ติดสิ้นเชิง คนเพียงคนเดียวโค่นภูเขาฝนดาวตกลงได้?
เห็นได้ชัดว่านี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บตัวอยู่ที่เขาดารารายมาตลอด แม้จะสังหารมกุฎราชันหลายคนต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมมากนัก
เนื่องด้วยแต่ละวันในแดนอัคคีทักษิณล้วนมีความขัดแย้งนองเลือดคล้ายกันเกิดขึ้นตลอด
แต่ไม่คิดเลยว่าข่าวในวันนี้จะเหนือความคาดหมายของทุกคนอยู่โข!
หลินสวินช่างสมชื่อ ‘เทพมาร’ ตัวคนเดียวชำระเลือดเขาฝนดาวตก ท่าทีที่เคลื่อนกวาดศัตรูอย่างหมดจดชัดเจนเช่นนั้นก่อให้เกิดเสียงฮือฮาตกตะลึงไม่รู้เท่าไหร่
ข่าวสะพัดออกไปทุกหนแห่งราวกางปีกสยายบิน แต่ละแห่งที่ไปถึงก็จะก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำให้ชื่อของหลินสวินเข้าสู่ครรลองสายตาของแต่ละขุมอำนาจอย่างแข็งกร้าว
คนมากมายสะท้านสะเทือนตกตะลึงตาค้าง
และขุมอำนาจบางส่วนยิ่งเคลื่อนพล พากันมุ่งไปยังเขาฝนดาวตกเพื่อสืบข่าวโดยละเอียดยืนยันข้อเท็จจริง
แต่ไม่ทันไรข่าวที่ว่าเขาช้างป่าถูกเทพมารหลินล้างบางก็แพร่ออกมา ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลอีกครั้ง
“นี่เทพมารหลินบ้าไปแล้วรึ”
ผู้คนมากมายขนพองสยองเกล้า
ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ทุกวันแดนอัคคีทักษิณล้วนมีความขัดแย้งนองเลือดเกิดขึ้น
แต่เรื่องที่อาศัยตัวคนเดียวก็คว่ำขุมอำนาจแห่งหนึ่งได้อย่างหลินสวินนี่กลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก!
ใครก็รู้ว่าแดนอัคคีทักษิณทุกวันนี้ ขุมอำนาจเขาฝนดาวตกที่เผ่าอีกาทองอาศัยอยู่สามารถ ยืนตระหง่านเป็นหนึ่งในหัวขบวนได้อย่างสมบูรณ์
ผู้ที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ก็มีเพียงขุมอำนาจอย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเท่านั้น
แต่ตอนนี้เขาฝนดาวตกและเขาช้างป่ากลับถูกเทพมารหลินคนเดียวล้างบางโดยตรง!
นี่จะไม่ให้ผู้คนตื่นตระหนกได้อย่างไร แม้แต่เหล่าขุมอำนาจใหญ่ในแดนอัคคีทักษิณก็นั่งกันไม่ติด พากันส่งคนไปสืบข่าว ร้อนใจอยากรู้ว่าเทพมารหลินจะทำอะไรกันแน่
“อะไรนะ แม้แต่เขาเพรียกมรกตที่เผ่าวิญญาณสมุทรอยู่ก็ถูกล้างบางแล้วรึ”
“สวรรค์ เทพมารหลิน… นี่เขาจะบุกทะลวงสวรรค์รึ!”
ในเวลาต่อมาก็มีข่าวแพร่สะพัดดั่งลมกาฬวาตโหมทำลายเป็นวงกว้าง ทำเอาขุมอำนาจใหญ่ไม่น้อยรู้สึกไม่ปลอดภัย ต่างกำลังใคร่ครวญว่าแต่ก่อนเคยล่วงเกินเทพมารหลินหรือไม่…
และมีบางขุมอำนาจเล็งเห็นโอกาส ส่งกำลังพลชั้นยอดออกไปฉวยโอกาสช่วงชุลมุน
ถึงอย่างไรหลินสวินก็ตัวคนเดียว หลังพิชิตแดนมงคลที่แล้วที่เล่า แน่นอนว่าไม่มีทางยึดครองด้วยตัวคนเดียวได้หมด และแดนมงคลที่ว่างเปล่าพวกนี้ก็จะกลายเป็นที่ต้องการของเหล่าขุมอำนาจ!
วิธีการเช่นนี้ก็เหมือนฝูงแร้งรุมทึ้งเนื้อเน่าที่เหลือทิ้งไว้บนพื้น
“เจ้าว่าอะไรนะ เทพมารหลินบุกขึ้นเขาฝนดาวตกของเผ่าอีกาทองของข้ารึ”
ในเวลาเดียวกันพวกอูหลิงเฟิงที่เฝ้ารอข่าวหลินสวินอยู่บนเขาดารารายก็ทราบเรื่อง ชั่วขณะก็เดือดดาลมีโทสะ โกรธจนหน้าเขียวไปหมด
ไหนเลยจะคิดว่าขณะที่พวกเขามาบุกรังหลินสวิน อาณาเขตของพวกเขาจะถูกหลินสวินเล่นงานแทน
“น่าโมโหนัก!”
อูหลิงเฟิงโกรธจนแทบกระอักเลือด ผมยาวแผ่สยาย
เขาพาผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจทั้งหมดเร่งกลับไปทันทีโดยไม่ลังเล
เมื่อมาถึงเขาฝนดาวตก เห็นภาพนองเลือดเละเทะไปทั่ว อูหลิงเฟิงมึนงงแทบไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง
นี่… เป็นเรื่องจริงรึ!
ยิ่งเมื่อเห็นว่าบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำตกนั่นถูกเด็ดเกลี้ยง เขาก็พลันหน้ามืดรู้สึกวิงเวียนทันที แหงนขึ้นฟ้าคำรามเดือดดาลราววิกลจริตอย่างอดไม่อยู่
ฐานที่มั่นถูกทำลาย แม้แต่สมบัติก็ถูกเก็บไปจนหมด กระทั่งของที่พอใช้ได้ก็ไม่เหลือ!
ร้ายกาจ!
ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
กระทั่งเดินเข้าไปในตำหนัก ยามเห็นว่าแม้แต่ภาพวาดโบราณที่ตนแขวนไว้บนผนังนั้นยังหายไปด้วย อูหลิงเฟิงก็โกรธจนควันออกหูเกือบจะคลุ้มคลั่ง
ขณะเดียวกันเหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎของสำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์เห็นดังนี้ แม้ในใจจะตระหนกหวาดผวา แต่ก็แอบดีใจไม่หยุด
ยังดีที่เทพมารหลินมาบุกเขาฝนดาวตก หากวิ่งไปก่อเรื่องถึงอาณาเขตของพวกเขา เช่นนั้นคงไม่อยากจะคิด
แต่ยังไม่รอให้พวกเขาได้ยินดีนานเท่าไรก็ทยอยมีข่าวส่งมาว่าเขาช้างป่า เขาเพรียกมรกตถูกล้างบาง…
พวกเขาราวถูกคนฟาดกระบองใส่อย่างหนักหน่วงทันที รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว แต่ละคนสีหน้าเหี้ยมเกรียม ดวงตาปูดโปนแทบถลน แผดเสียงคำรามหมายไปล้างแค้นหลินสวิน
“ทุกท่าน พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเจ้าเดรัจฉานนี่กำเริบเสิบสานเพียงใด หากไม่ฆ่ามัน พวกเราจะยืนอยู่ในแดนอัคคีทักษิณได้อย่างไร”
อูหลิงเฟิงสูดหายใจลึก อาศัยปณิธานแน่วแน่ควบคุมความโกรธและความแค้นในใจ หน้าคล้ำเขียวกล่าว “ข้าขอเสนอให้ทุกคนดำเนินการด้วยกันตามเดิม ไปตามล่าเจ้าเดรัจฉานนี่ อย่าปล่อยให้มันมีโอกาสหายใจและหลบหนีอีก!”
ทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่น่าดู
พวกเขาเองก็รู้ว่าการที่หลินสวินสามารถคว่ำกำลังพลที่รักษาการณ์อยู่บนเขาฝนดาวตกเพียงลำพังได้ ย่อมต้องไม่อาจมองเป็นคู่ต่อสู้ธรรมดาๆ
เจ้านี่ไม่เพียงแต่กำเริบเสิบสานเท่านั้น พลังต่อสู้ก็น่ากลัวยิ่งนัก หากสู้ตัวคนเดียวเกรงว่าใครก็คงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้เขาได้!
“ไป!”
อูหลิงเฟิงพุ่งทะยานออกไป ไม่ปล่อยให้ล่าช้าอีกเพียงเสี้ยว แม้แต่เขาฝนดาวตกก็ไม่สนแล้ว
คนอื่นล้วนไล่ตามไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทันที
…
ในเวลาเดียวกัน หลินสวินยืนคิ้วขมวดอยู่หน้าเขาวิญญาณงามประณีตลูกหนึ่ง
เขาลูกนี้นาม ‘หมอกทองคำ’ เดิมเป็นอาณาเขตของเผ่าโบราณแสงทมิฬ
แต่เมื่อหลินสวินมาถึงกลับค้นพบอย่างน่าประหลาด ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเขาลูกนี้เกิดการปะทะนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้น เขม่าควันตลบอบอวล ภาพนองเลือดเห็นได้ทั่วทุกหนแห่ง
“เทพมารหลินรึ เจ้ามาได้จังหวะพอดี เจ้าก็เห็นแล้วว่าอาณาเขตของเผ่าโบราณแสงทมิฬนี้ พวกเราเรือนกระบี่เร้นปุจฉาช่วยเจ้าทำลายราบแล้ว”
เงาร่างของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากภูเขา ผู้นำคือชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมนกกระเรียนคนหนึ่ง ใบหน้าดั่งหยกบนเกี้ยวประดับ บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา มองหลินสวินที่เพิ่งมาถึงด้วยสีหน้าราบเรียบ
เรือนกระบี่เร้นปุจฉา?
หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย นึกถึงจี้ซิงเหยาเด็กสาวที่หยิ่งทะนงหาใดเปรียบขึ้นมา
เพียงแต่เขากับเรือนกระบี่เร้นปุจฉาไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน ทำไมอีกฝ่ายถึงเข้ามาช่วย
“เจ้าอย่าเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้ช่วยเปล่า ได้ยินว่าเจ้าเพิ่งล้างบางเขาฝนดาวตกไป น่าจะได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย ตอนนี้เจ้าควรมอบโอสถเทพบางส่วนมาตอบแทนกันหน่อยแล้วกระมัง”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมนกกระเรียนกล่าวเนิบช้า สายตาพินิจพิเคราะห์หลินสวินอย่างเพลิดเพลิน
………………