ราชันเร้นลับ 1377 : เสียงเพรียก

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

แม่มดจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีขนาดแตกต่าง กำลังสร้างความพังพินาศให้แก่ทุกสิ่ง ยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิสค่อยๆ กลายเป็นลูกบอลหินขนาดยักษ์

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว กำแพงชั้นนอกของวังที่ทรุดโทรมพังทลายลงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นไคลน์ใจกลางห้องโถง รวมถึงร่างโคลนและหุ่นเชิดที่ถูกนำขึ้นมายังโลกดารา

ขณะหนวดรยางค์คล้ายงูดำกำลังพุ่งเข้าไปในวัง พระจันทร์สีแดงเข้มพลันปรากฏขึ้นท่ามกลางฉากวินาศสันตะโร

ด้านนอกห้องโถงที่อาบด้วยแสงจันทร์ กอข้าวสาลี ดอกไม้ เห็ด และต้นไม้พลันเบ่งบานงอกเงย พวกมันถักสานเข้าด้วยกัน หลายต่อหลายชั้น กลายเป็นปราการที่ช่วยผนึกวังซึ่งเคยเป็นของอันทีโกนัสไว้อย่างแน่นหนา

ในวินาทีนี้ คล้ายกับห้องโถงที่ไคลน์กำลังอยู่ แปรสภาพกลายเป็นซากอารยธรรมโบราณซึ่งถูกฝังใต้ประวัติศาสตร์และพืชพรรณมานานนับพันปี กลางเป็นโบราณสถานที่ถูกธรรมชาติกลืนกินโดยสมบูรณ์

หนวดรยางค์งูดำซึ่งสุดปลายมีดวงตา ถูกพืชพรรณที่กำลังเจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งกีดขวางเส้นทางไว้ทุกทิศ

พวกมันหดกลับเล็กน้อย ก่อนจะพุ่ง ‘กระแทก’ อุปสรรคทางธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง บรรจงเปลี่ยนแมกไม้ให้กลายเป็นหินแหลกไปทีละชั้นด้วยพละกำลัง

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ดอกไม้ เห็ด หรือต้นไม้ พวกมันล้วนงอกกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว – หลังจากกลายเป็นหินและกลับสู่อ้อมกอดพระแม่ธรณี พืชนานาพรรณล้วนกลับมาเจริญงอกงามในพริบตา

ส่งผลให้บาเรียทางธรรมชาติ ถูกสร้างใหม่สลับกับถูกทำลายอย่างต่อเนื่องในสภาวะสมดุล

พระแม่ธรณีซึ่งควบคุมเอกลักษณ์เส้นทางจันทรา สามารถคานอำนาจกับ ‘แม่มดบรรพกาล’ ชีคได้อย่างสมบูรณ์

ทันใดนั้นเอง ‘แสง’ ที่ผู้วิเศษส่วนใหญ่มองไม่เห็น โปรยปรายลงมาจากมุมสูง ปะทะเข้ากับบาเรียทางธรรมชาติซึ่งมีรากฐานเป็นต้นไม้

แสงดังกล่าวไม่มีมวลสาร ราวกับประกอบกันจากกระแสข้อมูลอันซับซ้อนและมายา พวกมันแทรกผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ราวกับกระแสน้ำ พุ่งตรงไปทางไคลน์ซึ่งกำลังจะคว้าหน้ากากโปร่งแสง

ปราชญ์เร้นลับ!

ทันใดนั้นเอง แสงสว่างถูกยิงออกจากความว่างเปล่า ก่อตัวเป็นภาพฉายของ ‘ม้วนภาพ’ รอบตัวไคลน์

บ้างบันทึกความไร้อำนาจและความทุกข์ยากของมนุษย์ขณะเผชิญหน้าสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า บ้างจำลองฉากเหตุการณ์ที่มนุษย์ยอมเสี่ยงทำการทดลองกับตัวเอง ด้วยการผสานวัตถุดิบวิเศษเข้ากับร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและกอบกู้เผ่าพันธุ์ บ้างบรรยายฉากของขนมธรรมเนียม ค่านิยม หนังสือ และสิ่งประดิษฐ์อันประหลาดที่ได้รับอิทธิพลมาจากจักรพรรดิมืด บ้างเป็นการจำลองภาพของโลกยุคปัจจุบัน มีเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่คอยพ่นไอน้ำ อาคารสูงเรียงราย และเสื้อผ้าที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว

เนื้อหาเหล่านี้ทำให้ม้วนภาพแผ่นบางกลับดูหนักอึ้ง เนื่องจากอัดแน่นไปด้วยอารยธรรม ความตื่นตัว และพัฒนาการของสังคมมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย

ย้อนกลับไปในตอนนั้น แม้ ‘เทพช่างฝีมือ’ จะมิได้ย่อยโอสถลำดับ 1 ‘ผู้เบิกเนตร’ ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจะเลื่อนเป็นลำดับ 0 ด้วยหลากหลายเหตุผล แต่มันก็ยังสามารถรักษาสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้ อย่างไรก็ดี ทางเลือกดังกล่าวทำให้มันต้องเบ่งสมาธิไปกับการกำราบความบ้าคลั่งมากกว่าปรกติ ดังนั้น เมื่อเทียบกับเหล่าเทพจารีตด้วยกัน เทพจักรกลไอน้ำยังด้อยกว่าเทพที่เหลือเล็กน้อย

เหตุผลที่โบสถ์จักรกลไอน้ำเป็นองค์กรจารีตที่อ่อนแอที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะมีการสั่งสมประวัติศาสตร์น้อยกว่าใคร แต่ยังเป็นเพราะเทพของพวกมันมิได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม

แต่เมื่อโรซายล์เริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรมโลกในนามของ ‘บุตรแห่งไอน้ำ’ ด้วยแนวคิดอันแปลกใหม่ ‘เทพช่างฝีมือ’ จึงถือโอกาสเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เทพจักรกลไอน้ำ’ และทำการ ‘เบิกเนตร’ ให้กับอารยธรรมมนุษย์ จนกระทั่งย่อยโอสถลำดับ 1 เสร็จสมบูรณ์ในภายหลัง

ในฐานะเทพแท้จริงเส้นทางใกล้เคียงกัน เมื่อปราชญ์เร้นลับประกาศตัวว่าเป็นศัตรูของไคลน์ จักรกลไอน้ำจึงเลือกยืนข้างห้าเทพจารีตที่เหลือและออกตัวปกป้องไคลน์ทันที

กระแสข้อมูลอันน่าสะพรึงพุ่งปะทะม้วนภาพมายาเข้าอย่างจัง จากนั้นก็พองตัวออกและพยายามทำลาย ‘กรง’ ทิ้ง

ทว่า อารยธรรมนับพันปีย่อมกว้างใหญ่และมั่นคง ประวัติศาสตร์ของมนุษย์จากรุ่นสู่รุ่นซึ่งมีประชากรรวมหลักพันล้าน คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่อลังการและเปี่ยมไปด้วยความวิจิตร ย่อมทนรับกระแสข้อมูลจากปราชญ์เร้นลับได้สบาย

ขณะปราชญ์เร้นลับพยายามทำลายกรงของเทพจักรกลไอน้ำ ภายในห้องโถงอันทีโกนัสซึ่งถูกผนึกไว้ด้วยแนวต้นไม้หลายชั้น หนวดรยางค์ผิวเรียบของไคลน์เยื่อออกไปสัมผัสกับหน้ากากโปร่งใสซึ่งเป็นตัวแทนเดอะฟูล จากนั้นดึงกลับมาใกล้ใบหน้า

ทันทีที่หน้ากากถูกสวมลงบนใบหน้าไคลน์ ร่างจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบตัว

บ้างเป็นชายหนุ่มสวมชุดบุรุษไปรษณีย์ บ้างเป็นนกธรรมดา บ้างเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จำนวนของพวกมันคือหลักหลายร้อยไปจนถึงพัน

ห้องโถงซึ่งแต่เดิมมีเพียงศพถูกแขวนไว้กลางอากาศ กลายสภาพเป็นพลุกพล่านในบันดล

สิ่งที่ทุกร่างมีเหมือนกันก็คือ ดวงตาข้างขวาจะสวมแว่นขาเดียว หรือไม่ก็เป็นสัญลักษณ์วงกลมสีตัดกับผิวหนังในตำแหน่งนั้น

อามุนด์!

ร่างโคลนของมิสเตอร์ข้อผิดพลาดอามุนด์!

ไม่มีใครเอะใจเลยว่า อามุนด์ฉวยโอกาสจากการบุกรุกของแม่มดบรรพกาลและปราชญ์เร้นลับเพื่อตลบหลังและเจาะช่องโหว่ จากนั้นก็เข้าประชิดตัวเป้าหมายอย่างเงียบเชียบ

เมื่อเห็นไคลน์กำลังสวมหน้ากากโปร่งแสงและเตรียมปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล เหล่าอามุนด์ต่าง ‘ยิ้ม’ โดยพร้อมเพรียง จากนั้นก็อ้าปากพ่นถ้อยคำที่คนธรรมดามิอาจทำความเข้าใจ

ถ้อยคำเหล่านี้เรียงร้อยกันเป็นประโยคอันน่าสยดสยองและเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่ง

“เจ้าดูแคลนแม่มดบรรพกาลเกินไป…”

“สำหรับหล่อน เมดีซีที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาในลำดับ 1 ไม่ใช่ภัยคุกคามแม้แต่น้อย…”

“สิ่งที่หล่อนปรารถนามากที่สุดในตอนนี้ก็คือ การถือกำเนิดของราชันเร้นลับโดยเร็วเพื่อคลายผนึกให้ทวีปตะวันตก เปิดโอกาสให้หล่อนได้ค้นหาเมืองแห่งหายนะ…”

“และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ข้าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเจ้า เจ้ายังอ่อนแอเกินไป…”

“หึหึ… เจ้ายังรอความช่วยเหลือจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหรือไม่ก็มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามอยู่สินะ?”

“เปล่าประโยชน์ ข้าวางศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งไว้ในทะเลหมอกใกล้กับทางเข้านรก ไม่หากจากเกาะโบราณนั่นมากนัก…”

“นอกจากนั้น การเสริมความแข็งแกร่งของ ‘ผนึก’ ผ่านอำนาจของ ‘ประตู’ และการเสริมพลังให้กับ ‘บาเรียโลก’ ด้วยอำนาจของ ‘ครึ่งพระเจ้า’ สามารถกำราบมิให้เทพภายนอกแทรกแซงโลกใบนี้ได้ชั่วคราว…”

“และเมื่อปราศจากอิทธิพลของเทพภายนอก ด้านมืดเอกภาพและเทพผู้ถูกล่ามย่อมไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวในศึกระหว่างทวยเทพ ตรงกันข้าม พวกเขาจะฉวยโอกาสนี้เพื่อสลัดให้หลุดจากการพันธนาการ…”

“นอกจากนั้น พวกเขายังหวังให้มีราชันเร้นลับถือกำเนิดโดยเร็ว ตัวเองจะได้หลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายเสียที… ถ้าไม่ใช่เพราะการไปกระตุ้นพวกเขา จะทำให้อิทธิพลกัดกร่อนจากเทพภายนอกรุนแรงขึ้น มั่นใจได้เลยว่าข้าจะทำข้อตกลงกับพวกเขา เพื่อร่วมมือกันกำจัดเจ้าแน่นอน…”

อามุนด์จงใจสอดแทรกข้อเท็จจริงไปในเสียงเพรียก เพื่อให้ไคลน์ได้รับผลกระทบสองทางในเวลาเดียวกัน หนึ่งคือการกัดกร่อนทางจิตใจจากผลของเสียงเพรียกโดยตรง และอีกหนึ่งคือการเบี่ยงเบนความสนใจด้วยเนื้อหา

สำหรับอามุนด์ การทำเช่นนี้มิได้สิ้นเปลืองเวลาแต่อย่างใด ในแง่หนึ่ง เนื่องจากหนอนกาลเวลาแต่ละตัวสามารถเปล่งเสียงแยกกันได้ การมีร่างโคลนจำนวนมากจึงช่วยให้มันสร้างประโยคยาวๆ เสร็จในพริบตา และในอีกแง่หนึ่ง การทำเช่นนี้ช่วยให้มันผสานข้อมูลเข้ากับเสียงเพรียกได้ด้วย หนึ่งคำจึงสามารถส่งอิทธิพลได้หลายทาง

เพียงพริบตา เสียงเพรียกของอามุนด์ถาโถมเข้าใส่โสตประสาทไคลน์อย่างท่วมท้น พวกมันเป็นราวกับใบมีดแหลมคม ทะลุทะลวงผ่านดวงวิญญาณและกรีดเฉือนจิตใจด้วยความอำมหิต

ในสถานการณ์ปรกติ ด้วยระดับตัวตนปัจจุบัน ไคลน์สามารถเพิกเฉยเสียงเพรียกในลำดับ 1 ได้โดยสมบูรณ์ แต่ ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มกำลังปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล สมดุลของจิตใจจึงเปราะบางเป็นอย่างมาก

ในสถานการณ์ดังกล่าว ลำพังฟางเส้นเดียวก็สามารถพังบ้านได้ทั้งหลัง นับประสาอะไรกับร่างโคลนอามุนด์จำนวนมาก

ไม่เพียงเท่านั้น ขณะจิตใจไคลน์กำลังเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัส และการตระหนักรู้ตัวเองกำลังปั่นป่วนสับสน ตราประทับทางจิตของอันทีโกนัสและเจตจำนงของราชันสวรรค์ฟ้าดินในร่างกายซึ่งเคยหลับใหล ได้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทีละนิด

เนื่องจาก ‘หลับลึกนิรันดร์’ ถูกจำแนกให้เป็นผนึกระดับสูง อามุนด์ซึ่งปรองดองเอกลักษณ์ของ ‘ประตู’ เรียบร้อยแล้ว ย่อมมีอำนาจในการทำให้ผนึกอ่อนแอลงหรือสลายไปอย่างง่ายดาย!

นอกจากนั้น หน้ากากโปร่งแสงที่ไคลน์เพิ่มสวมลงบนใบหน้า – เอกลักษณ์ของเดอะฟูลซึ่งเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงในการคืนชีพอย่างแรงกล้าของราชันสวรรค์ฟ้าดิน ก็ค่อยๆ เป็นอิสระจากผนึกหลับลึกนิรันดร์ และนำพาปัญหามาสู่ร่างต้นไคลน์

โดยแทบไม่ต้องใช้พลังพิเศษ ลำพังเสียงเพรียกของเหล่าอามุนด์ ก็มากพอจะทำให้ไคลน์เสียสมดุลอย่างหนัก เกือบจะคลุ้มคลั่งคาที่

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวจะมิอาจย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมได้ เว้นเสียแต่จะใช้ ‘น้ำ’ จากแม่น้ำอันธการนิรันดร์ในปริมาณมากขึ้น เพื่อกำราบตราประทับทางจิตของอันทีโกนัส และเจตจำนงอันแกร่งกล้าของราชันสวรรค์ฟ้าดินให้กลับไปหลับใหลอีกครั้ง

แต่ในวินาทีนี้ ต่อให้มีน้ำจากแม่น้ำอันธการนิรันดร์เพิ่มเติม แต่เทพธิดารัตติกาลก็ไม่มีสมาธิมากพอที่จะแบ่งพลังไปกระทำสิ่งอื่น ไม่อย่างนั้นอาจล้มเหลวในการผนึกเทพแท้จริงสองเส้นทางอย่างอามุนด์

หากมองจากมุมนี้ ดูเหมือนว่าเหล่าอามุนด์จงใจ ‘สังเวย’ ร่างต้นเพื่อตรึงเทพธิดารัตติกาลไว้ และเปิดโอกาสให้ร่างโคลนทำลายพิธีกรรม

แม้จะเสี่ยงไปสักหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีทีเดียว

ทันใดนั้นเอง กระเป๋าเสื้อไคลน์พลันส่องแสง

แสงดังกล่าวมีสีทองซีดคล้ายกับน้ำเชื่อมเหนียว แผ่ปกคลุมทุกสิ่งโดยรอบในพริบตา

นอกจากไคลน์ สิ่งที่กำลังส่องแสงแบบเดียวกันยังมีร่างโคลน และหนังสือทองเหลืองแผ่นบางที่ถูกหุ่นเชิดขว้างกลับเข้ามาจากระยะไกล

0-02 หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์!

สมบัติปิดผนึกชิ้นดังกล่าวขยาย ‘ร่าง’ กลางอากาศ ท่ามกลางแสงสีทองอ่อนที่ฉาบปกคลุม หน้าหนังสือซึ่งเคยว่างทำการเขียนกฎขึ้นมาใหม่ เป็นกฎที่แตกต่างเดิมซึ่งเคยถูกลบทิ้งซ้ำไปซ้ำมา

“ที่นี่ไม่อนุญาตให้พูด!”

แม้ ‘ปาก’ ของร่างโคลนอามุนด์จะยังคงขยับขึ้นลง แต่กลับไม่มีเสียงใดถูกเปล่งออกมา

ถัดมาไม่นาน ประโยคใหม่ปรากฏขึ้นใต้กฎข้อเมื่อครู่:

“ที่นี่ไม่อนุญาตให้โจมตี!”

ตุ้บ! หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ตกลงบนพื้นและกางออกปลายฝ่าเท้าไคลน์

ภายใต้แสงจากตะเกียงวิเศษประทานพร มันหลุดพ้นจากวัฏจักรอนันต์ก่อนหน้า และเริ่มเขียนกฎที่เป็นประโยชน์ต่อตัวไคลน์

ได้เห็นฉากดังกล่าว เหล่าอามุนด์ตอบสนองแตกต่างกันไป

บางส่วนขยับกรอบแว่นตาขาเดียว จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมาบีบพร้อมกัน เป็นการใช้อำนาจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผนึก

บนหน้าหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ เหนือกฎใหม่ซึ่งเพิ่งถูกเขียนขึ้น ประโยคหนึ่งค่อยๆ เรียงตัว:

“กฎทั้งหมดหลังจากส่วนนี้ถือเป็น…”

ขณะเดียวกัน อามุนด์ส่วนที่เหลือกำลังพุ่งเป้ามายังไคลน์ที่ใกล้คลุ้มคลั่ง

กฎห้ามโจมตี ไม่ได้รวมถึงการห้ามขโมยหรือมอบของขวัญ!

……………………………