ตอนที่ 2527

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,527 : หลายสิบปีผ่านไป พบกันอีกครั้ง

 

“ในเมื่อแกกล้าทำ…ยังจะกลัวขี้ปากชาวบ้านอีกเหรอ?”

 

เสียงที่อยู่ๆก็ดังลงมาจากฟ้าอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ตู้เวยที่กำลังจะลงมือจบชีวิตสาวน้อยทั้ง 3 ถึงกับผงะไปทันใด ขณะเดียวกันก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้เอนทันที!

 

ตู้เวยยังเร่งมองขึ้นไปบนฟ้า หันไปหันมาพลางตะโกนออกเสียงดัง

 

“ใคร!?”

 

ขณะที่ตะโกนออกไปเสียงดัง ในแววตาของมันก็อดไม่ได้ที่จะฉายความหวั่นเกรง

 

เพราะมันไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร

 

แต่ลองอีกฝ่ายมาปรากฏตัวเหนือเรือสำราญของมันได้โดยที่มันไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดา!

 

“ข้าเอง”

 

ในขณะที่ตู้เวยเงยหน้าขึ้นไปมองเหนือเรือสำราญ เสียงดังกล่าวพลันดังเข้าหูอีกครั้ง

 

เพียงแค่คราวนี้เสียงที่ว่าไม่ได้ดังลงมาจากฟ้า แต่ดังขึ้นจากด้ายหน้า

 

ทันใดนั้นร่างตู้เวยก็สะท้านไปวูบหนึ่ง หลังตระหนักได้ ก็เร่งก้มหน้าลงทันที

 

และเมื่อก้มลงมามองไปเบื้องหน้า มันก็แลเห็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงอยู่ห่างออกไปราวๆ 3 หมี่…

 

ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้มาในชุดโบราณ แลดูไม่ได้เข้ากับกางเกงชายหาดของมันและบิกีนี่ของสาวสวยทั้ง 3 ข้างกายมันแม้แต่น้อย รวมถึงไม่ได้เข้ากับบรรยากาศของเรือสำราญสุดหรูเลย…

 

“ดารา…มาถ่ายหนังเหรอ?”

 

เมื่อ 3 สาวข้างกายตู้เวยได้ยินเสียงที่ดังลงมาจากฟ้า พวกนางก็แหงนมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน

 

และตอนนี้พวกนางก็กำลังมองตามสายตาของตู้เวย จนได้เห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่ยืนห่างไปด้านหน้าตู้เวย 3 หมี่ และต่างอดไม่ได้ที่จะอึ้งกันไปชั่วขณะหนึ่ง…

 

ทั้ง 3 ยังเผลอคิดไปอย่างไม่รู้ตัว ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดโบราณราวกับหลุดออกมาจากหนังจีนย้อนยุคคนนี้ ใช่ดาราหน้าใหม่ที่เดินหลงมาจากกองถ่ายรึเปล่า?

 

จังหวะนี้พวกนางคล้ายจะลืมเลือนไปหมดสิ้น

 

ว่าที่พวกนางอยู่ตอนนี้คือเรือสำราญสุดหรูส่วนตัวของตู้เวย ไหนเลยจะมีกองถ่ายอะไรมาเพ่นพ่านวุ่นวายได้!

 

“แกเป็นใคร?”

 

จะอย่างไรก็ตามตู้เวยก็เป็นถึงผู้นำ 1 ใน 2 สุดยอดองค์กรของโลก และเป็นนักรบเหนือธรรมชาติที่อยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารบนโลก มันจึงฟื้นสติได้ในเวลาอันสั้น เพียงมองชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าอย่างระวัง แต่ไม่หวาดกลัว

 

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ทำให้มันรู้สึกกดดันนัก!

 

กระทั่งตอนเผชิญหน้ากับผู้นำองค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง อีกฝ่ายก็ไม่เคยทำให้มันรู้สึกกดดันขนาดนี้เลย!

 

‘เจ้านี่มันโผล่หัวออกมาจากที่ไหนกันแน่?’

 

‘เมื่อกี้เสียงพูดมันดังลงมาจากฟ้าชัดๆ…แต่พริบตาต่อมาก็มาโผล่ข้างหน้าข้าแล้ว จะไม่เร็วเกินไปหน่อยรึไง?’

 

ยิ่งมองพินิจชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเท่าไหร่ ตู้เวยก็ยิ่งบังเกิดคำถามมากขึ้นเท่านั้น

 

หากทั้งหมดเป็นเพราะความเร็วของอีกฝ่ายเหนือล้ำกว่ามันถึงขั้นตัวมันมองไม่ทันจริงๆ มันก็ไม่อาจไม่กลัว!

 

“ตู้เวย”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนห่างตู้เวย 3 หมี่ หลังกล่าวเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาแล้ว สายตาที่ใช้มองออกไปก็ช่างเฉยเมยไร้อารมณ์นัก

 

เห็นสายตาดังกล่าวตู้เวยก็สะท้านอยู่ในใจ หากแต่ไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า

 

เพราะตอนนี้ชายหนุ่มชุดม่วงตรงหน้า ให้ความรู้สึกอันตรายอย่างยิ่ง!

 

ด้วยฐานะและความแข็งแกร่งของมันในปัจจุบัน จึงนับว่าเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มีใครบางคนให้ความรู้สึกแบบนี้กับมันได้!

 

ถึงในใจมันจะไม่อยากเชื่อแค่ไหน แต่มันก็จำต้องระวัง!

 

ดังนั้นมันเลยไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลาม

 

ในขณะที่ตู้เวยมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ด้วยสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนจะมาไม้ไหน

 

ฟุ่บ!

 

เสียงของสายลมดังขึ้นแผ่ววเบาเข้าหูตู้เวยอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นมันก็หันไปมองข้างๆชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าทันที

 

ที่นั่นปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาในอากาศว่างเปล่า

 

เป็นสตรีที่มาในชุดคลุมลมสีดำ และรูปแบบการแต่งกายก็เรียกว่าย้อนยุคเหมือนชายหนุ่มชุดม่วงไม่มีผิด แต่จะอย่างไรก็ตามด้วยรูปโฉมอันไร้คู่เปรียบนั่น กลับทำให้มันรู้สึกว่านางตล้ายหมอกควันเลือนรางมิอาจจับต้อง! ราวกับไม่ใช่ผู้คนในยุคสมัยนี้!!

 

ดั่งโฉมงามพิลาศไร้คู่เปรียบที่ข้ามกาลเวลามาจากยุคโบราณ!

 

สตรีในชุดดำ หรือถังเซี่ยวเซี่ยวที่เมื่อฟื้นสติแล้ว นางก็รีบวูบร่างลงจากฟ้ามาหยุดข้างๆต้วนหลิงเทียนบนเรือทันที

 

และทันทีที่ถังเซี่ยวเซี่ยวปรากฏตัวขึ้น สาวงามทั้ง 3ข้างกายตู้เวยก็คล้ายจะหมองลงถนัดตา

 

กระทั่งสาวงามทั้ง 3 ในชุดบีกินี่เอง พอได้เห็นรูปร่างหน้าตาของถังเซี่ยวเซี่ยว ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความละอาย

 

‘สวยอะไรจะขนาดนั้น!’

 

‘บนโลกมีผู้หญิงที่หน้าสดสวยขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ…’

 

‘พระเจ้า เธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงสวยธรรมชาติขนาดนี้…’

 

3 สาวอดไม่ได้ที่จะคิดไปอย่างตกตะลึงในใจ

 

ถึงแม้สาวงามทั้ง 3 กับถังเซี่ยวเซี่ยวจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ทั้ง 3 ก็ยังถูกความงามอันไร้คู่เปรียบของถังเซี่ยวเซี่ยวครอบงำอย่างหมดจด ทำให้พวกนางได้แต่เหม่อมองถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยสายตาเลื่อนลอย

 

กระทั่ง 3 สาวยังเป็นแบบนี้ จะนับประสาอะไรกับตู้เวย!

 

ตู้เวยนั้น ตั้งแต่ที่มันมีพลังทั้งอำนาจอย่างทุกวันนี้ มันก็เพลิดเพลินกับชีวิตอันหรูหราถึงขีดสุด ทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือแทบหมดสิ้น ไม่ขาดลาภยศสรรเสริญและสาวงาม…

 

เรื่องนี้เห็นได้จากสาวงามทั้ง 3 ในชุดบิกีนี่ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายในวันพักผ่อนอันแสนสงบบนเรือสำราญสุดหรูหรา…

 

อย่างไรก็ตามแม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันจะพบพานสาวงามมามากหน้าหลายตา แต่ไม่มีใครเทียบกับสตรีในชุดคลุมลมดำที่พึ่งปรากฏตัวตรงหน้ามันได้เลย!

 

สตรีในชุดดำคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีใบหน้างดงามไร้ตำหนิ แต่ยังสมควรมีรูปร่างที่ดีกว่าสาม 3 ข้างกายมันอีกด้วย!

 

ถึงแม้ชุดคลุมสีดำของอีกฝ่ายจะปกปิดคลุมตัวอยู่ แต่ก็ยากจะปกปิดทรวดทรงองค์เอวของนางได้มิด!

 

“หากยังกล้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นอยู่อีก…ข้าจะแทงลูกตาเจ้าเสีย!”

 

เมื่อสายตาของตู้เวยถูกความงามของถังเซี่ยวเซี่ยวดึงดูดความสนใจไปโดยสมบูรณ์ มันก็เอาแต่มองสำรวจเรือนร่างนางอย่างอุกอาจอย่างไม่รู้ตัว! คิ้วคู่งามของถังเซี่ยวเซี่ยวจึงอดขดย่นเป็นปมไม่ได้ จากนั้นนางก็แค่นคำกล่าวออกมาเสียงเย็นทั้งแผ่แรงกดันวิญญาณออกไปสะกดข่มอีกฝ่าย!

 

ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณของตู้เวยก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าระดับจิตวิญญาณครึ่งก้าวเซียนอมตะของถังเซี่ยวเซี่ยว

 

แต่อย่างไรเสียพลังวิญญาณกว่าครึ่งของตู้เวยก็เพิ่มขึ้นจากยาพันธุกรรม!

 

ดังนั้นพอถูกถังเซี่ยวเซี่ยวแผ่แรงกดดันวิญญาณเข้าใส่อย่างที่มันไม่ทันได้เตรียมพร้อม จิตวิญญาณของมันจึงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทันใด สีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

และในขณะที่หน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก มันก็ดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้สำเร็จ มองถังเซี่ยวเซี่ยวอีกครั้ง แววตายังฉายความหวาดกลัวไม่น้อย!

 

“นับรบเหนือธรรมชาติ สายพลังจิต!?”

 

ตอนนี้ตู้เวยได้แต่คิดไปว่าถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นนักรบเหนือธรรมชาติ ที่เชี่ยวชาญเรื่องพลังจิตเป็นพิเศษ!

 

และเนื่องจากอีกฝ่ายสามารถทำให้มันรู้สึกกดดันได้ในชั่วพริบตา ก็บ่งบอกให้รู้ว่าระดับของอีกฝ่ายพอๆกันกับมัน!

 

ทว่าพอคิดถึงจุดนี้ ความกลัวของตู้เวยก็หายไป สติมันกลับมาแจ่มใสปลอดโปร่งอีกครั้ง เพราะอย่างน้อยๆเรื่องนี้ก็ทำให้มันรู้ว่าพลังจิตของอีกฝ่ายไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำร้ายมันได้!

 

อีกทั้งด้วยความสำเร็จของมวยจิตมันในตอนนี้ กระทั่งหลงเจิ้นกั๋วยังทำได้แค่เสมอกับมัน แถมในโลกก็ไม่เหลือนักรบเหนือธรรมชาติคนไหนรับมือมันได้เกินร้อยกระบวนท่า…แล้วมันจะกลัววนางทำไม!

 

‘ว่าแต่เมื่อครู่นางโผล่มาจากที่ไหนกัน แถมดูเหมือนจะโผล่ขึ้นมาจากอากาศธาตุอีกด้วย’

 

มิคาดตู้เวยที่พึ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ไม่ทันไร กลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นๆขึ้นมาอีกครั้ง…เมื่อนึกถึงฉากการปรากฏตัวของสตรีเบื้องหน้า!

 

เพราะมันไม่เคยเห็นนักรบเหนือธรรมชาติคนไหนทำอะไรแบบนั้นได้มาก่อน!

 

ไม่เว้นแม้แต่ตัวมันเอง

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใส่ใจคำเตือนของข้าสินะ…”

 

ในขณะที่ตู้เวยกำลังบังเกิดความรู้สึกหวั่นๆ มันก็พบว่าสายตาที่กำลังมองมาของสตรีเบื้องหน้าเริ่มเผยประกายดุร้าย!

 

‘แย่แล้ว!’

 

ได้ยินน้ำเสียงเยียบเย็นไร้ปราณีของสตรีชุดดำทั้งเห็นแววตาดุร้ายดังกล่าว ในใจตู้เวยอดไม่ได้ที่จะสะท้าน ยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง!

 

และในขณะที่ใจมันบังเกิดลางร้ายขึ้นมานั้น…

 

ฟุ่บ!

 

ประหนึ่งสายลมกรรโชกพัดผ่าน…

 

ในชั่วพริบตาดุจฟ้าแลบ ตู้เวยพบว่าสตรีที่เดิมยืนห่างจากมัน 3 หมี่ อยู่ๆก็วูบมาปรากฏตรงหน้ามันราวกับนางเคลื่อนย้ายมวลสาร! และไม่ทันที่มันจะได้ตอบสนองอะไร มือของสตรีดังกล่าวก็พุ่งจี้มาที่ตาซ้ายของมัน!!

 

และในขณะที่มือขาวกระจ่างของสตรีชุดดำพุ่งจี้เข้ามา ลูกตามันแลเห็นประกายเยียบเย็นของวัตถุแหลมคมหนึ่ง ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางของนางชัดเจน!

 

ฉึกกก!!

 

“โอ๊ยย!!”

 

ก่อนที่จะทันได้ตอบสนองเรื่องราว ตู้เวยรู้สึกเพียงอยู่ๆตาซ้ายก็ปวดแปลบราวมีไฟลุก ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาเสียงหลง

 

ครู่ต่อมามันก็พบว่าตาซ้ายของมันแลเห็นแต่ความมืดมิดเท่านั้น โลกเบื้องหน้าคล้ายดับมืดไปครึ่งหนึ่ง!

 

“กรี๊ดดด!!”

 

“พระเจ้าช่วย!”

 

สาวงามในชุดบีกินี่ทั้ง 3 ต่างกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นฉากเลือดสาดเบื้องหน้า

 

ตอนนี้ตาซ้ายของตู้เวยปรากฏโลหิตพุ่งออกมาไม่หยุด ย้อมใบหน้าครึ่งหนึ่งของมันให้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด!

 

ต้องทราบด้วยว่านี่คือผู้นำขององค์กรหัตถ์มาร!

 

แต่ตอนนี้ต่อหน้าสตรีนางหนึ่งกลับคล้ายอ่อนแอจนไร้หนทางตอบโต้!

 

ขณะเดียวกัน 3 สาวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองจ้องสตรีชุดดำที่อยู่ๆก็วูบไปปรากฏข้างกายชายหนุ่มชุดม่วงอีกครั้งราวกับนางสามารถเคลื่อนย้ายมวลสารได้ด้วยความตกใจทั้งเหลือเชื่อ!

 

พวกนางคิดไม่ออกจริงๆ

 

ว่าสตรีที่แลดูบอบบางเหมือนกับพวกนาง…ไฉนถึงได้มีพลังอันน่ากลัวถึงขนาดนี้ได้!?

 

หากพวกนางมีพลังฝีมืออย่างอีกฝ่าย ไหนเลยจะต้องตกมาเป็นทาสบำเรอของตู้เวยแบบนี้?

 

“ธะ…เธอเป็นใครกันแน่!?”

 

ตู้เวยในตอนนี้ไม่ใช่ตู้เวยในตอนที่เป็นนายหน้าของราชันทหารรับจ้างอีกต่อไป แต่มันเป็นถึงผู้นำองค์กรหัตถ์มาร มันย่อมสามารถจัดการห้ามเลือดและใช้พลังบรรเทาความเจ็บปวดที่ตาซ้ายได้อย่างรวดเร็ว ยังระงับความโกรธทั้งหมด กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวั่นกลัว

 

ตอนนี้หากมันยังไม่อาจตระหนักได้วว่าพลังของสตรีชุดดำเบื้องหน้าเหนือกว่ามันอย่างทาบไม่ติด มันก็ไม่สมควรเป็นถึงผู้นำองค์กรหัตถ์มารแล้ว!

 

ดังนั้นมันจึงไม่กล้ามองสตรีชุดดำอีกต่อไป เพียงก้มหน้ากล่าวถามออกไปแบบนี้ ด้วยกลัวนางจะมีโมโหแล้วจิ้มตาขวามันจนบอดอีกข้าง…

 

“นี่ๆ…เจ้าคือราชันทหารรับจ้าง ‘หลิงเทียน’ ที่ถูกมันทรยศหักหลังทั้งวางแผนให้ตายเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนจริงๆเหรอ?”

 

อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวของตู้เวย ถังเซี่ยวเซี่ยวกลับไม่ได้แยแสอะไรมันแม้แต่น้อย เพียงหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนข้างๆด้วยสายตากลมใสมากล้นไปด้วยความประหลาดใจ

 

เพราะเรื่องนี้มันสุดที่นางจะจินตนาการได้ออกจริงๆ…

 

ว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังอำนาจร้ายกาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์จากระนาบเซียน ไฉนถึงไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งบนดาวเหยียนหวงที่ถูกวางแผนฆ่าไปเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนได้?

 

ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีชื่อว่า หลิงเทียน เหมือนกัน…

 

แต่เรื่องนี้ฟังแล้วมันจะไม่เหลวไหลเกินไปหน่อยเหรอ?

 

“ใช่”

 

ได้ยินคำถามด้วยความสงสัยของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกไปเสียงเบา แต่ต้นจนจบยังไม่ละสายตาจากตู้เวยแม้แต่น้อย

 

ส่วนอีกด้านนั้น ตู้เวยก็อึ้งไปตั้งแต่ได้ยินคำถามของถังเซี่ยวเซี่ยวแล้ว

 

ราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน ที่มันวางแผนให้ตายเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน?

 

มันมั่นใจมาก…ว่าหลิงเทียนคนนั้นได้ตกตายไปตั้งแต่เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนแล้ว!!