“ศิษย์น้องเล็กคนใหม่นี่ยอดเยี่ยมไม่เบาเลยนะ แค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 ก็สามารถทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่น้อย”

“พลังอมตะมังกรกระบี่ที่เขาแสดงออกมาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มิใช่หนึ่งในพลังอมตะทั้ง 43 พลังในหอไตรของเสวียนเทียนสำนักศักดิ์สิทธิ์เราแต่อย่างใด เห็นได้เลยว่าเขาน่าจะได้รับโอกาสจากที่อื่น อาจจะได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็เป็นได้!”

“ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้ที่จิตใจคับแคบอย่างยิ่ง เมื่อกี้ข้าสัมผัสความคิดที่จะฆ่าปรากฏขึ้นชั่วขณะจากตัวเขา เกรงว่าศิษย์น้องเล็กอาจจะเจอปัญหาแล้วล่ะ”ชูเหยียนชิวยิ้มพลางพูด

“มิใช่เรื่องของตนก็มิต้องแยแสเข้าไปยุ่ง พวกเขาจะทรมานกันอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขาเถิด”ฮู๋เยว่เซิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

……

ตั้งแต่ที่ออกจากสำนัก หลัวซิวไม่ได้ย้อนกลับไปที่ถ้ำของตนแต่อย่างใด แต่เป็นการมุ่งหน้าตรงไปยังเขาทิพย์อีกลูกหนึ่ง

เขาทิพย์ของพี่น้องตระกูลซุ๋นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ครั้งนี้หลัวซิวอยากไปเยี่ยมเยียนเสี่ยวเจียงหมิงสักหน่อย ในขณะเดียวกันเขาก็จะไปสอบถามข่าวคราวที่เกี่ยวกับช่าจื่อเยียนที่ซุ๋นซินเหลียนเช่นกัน

แม้นจะสามารถสอบถามซุ๋นหวู่หยาได้ก็ตาม แต่หลัวซิวกลับรู้สึกว่าตนเองคุยไม่ถูกคอกับซุ๋นหวู่หยายังไงอย่างนั้น การพูดคุยแลกเปลี่ยนกับซุ๋นซินเหลียน ทำให้เขารู้สึกสบายกว่า

การมาในครั้งนี้ หลัวซิวไม่ได้พบเจอกับจางเสี่ยวหลินที่จองหองพองขนนั่นอีกแล้ว นางได้รับบัญชาอมตะหนึ่งชิ้น จึงไปแลกพลังอมตะที่หอไตรแล้ว ปัจจุบันนางก็อยู่ในสถานะฝึกตนปิดขัง ตั้งใจตระหนักธรรมพลังอมตะ

“เฮียหลัว……”

เมื่อหลัวซิวปรากฏอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเจียงหมิง บนใบหน้าของเด็กชายคนนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏ

แม้อายุเขายังน้อย แต่ทว่าหลังจากที่เคยฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มากมากมาย ทำให้จิตใจของเขาสุกงอมมาก จากคำเล่าของซุ๋นซินเหลียน เขาทราบแล้วว่าสาเหตุที่พี่ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านี้ช่วยชีวิตตนไว้นั้น เป็นเพราะเขารู้จักพี่สาวของตน

ในใจเสี่ยวเจียงหมิง อย่างไรเขาก็ยังห่างเหินกับซุ๋นซินเหลียนและซุ๋นหวู่หยาเล็กน้อยอยู่ดี แต่ในทางตรงกันข้ามเขากลับไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ต่อหลัวซิว กลับรู้สึกสนิทใกล้ชิดซะอีก

พรสวรรค์ของเสี่ยวเจียงหมิงดีมาก ๆ ความเร็วในการฝึกตนก็เร็วมากเช่นกัน แต่ทว่าหลัวซิวกลับขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

เสี่ยวเจียงหมิงเป็นรุ่นหลังของจ้าวเซียนเทียนช่า และจ้าวเซียนเทียนช่าก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกฎความตาย ช่าจื่อเยียนได้รับการถ่ายทอดกฎดังกล่าว กฎที่ฝึกก็เป็นกฎความตายเช่นกัน

เมื่อผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งฝึกกฎใดกฎหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วรุ่นหลังก็จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะในทำนองเดียวกัน มีความสามารถในการตระหนักรู้กฎใดกฎหนึ่งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

เพราะฉะนั้นแล้ว กฎที่เหมาะกับการให้เสี่ยวเจียงหมิงฝึกที่สุด ก็น่าจะเป็นกฎความตายเหมือนกัน

แต่ทว่าซุ๋นซินเหลียนเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล กลับไม่ค่อยเข้าใจการฝึกกฎความตายนัก วรยุทธ์ที่นางถ่ายทอดให้แก่เสี่ยวเจียงหมิง เป็นวรยุทธ์พลังอมตะหนึ่งที่ตัวนางเองฝึก ซึ่งกฎที่ฝึกคือกฎธาตุลม

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในอนาคตหากเสี่ยวเจียงหมิงบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักร เขาก็ต้องหยั้งรู้ในกฎธาตุลม เช่นนี้กลับจะทำให้พรสวรรค์ด้านกฎความตายของเขาสูญเสียไปเปล่า ๆ

แค่ดูจากมุมนี้ก็พอจะดูออกแล้วว่า ซุ๋นซินเหลียนไม่ถนัดด้านการอบรมลูกศิษย์มากนัก ศิษย์อีกคนหนึ่งของนางจางเสี่ยวหลินก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้ผลการฝึกตนจะไม่ด้อย แต่ศักยภาพกลับไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก ในบรรดาศิษย์ใจกลางทั้งหมดในสำนักศักดิ์สิทธิ์ ศักยภาพของจางเสี่ยวหลินจัดอยู่ในระดับทั่วไป

“เฮียหลัว ผลการฝึกตนของข้าใกล้จะบรรลุถึงราชายุทธ์แล้ว เยี่ยมไปเลยใช่ไหมขอรับ?”

เสี่ยวเจียงหมิงแสดงผลการฝึกตนตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ของตนให้หลัวซิวดู เขาดูภาคภูมิใจอย่างมาก

“เหอะ ๆ เสี่ยวเจียงหมิงต้องเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว”

หลัวซิวยื่นมือไปลูบศีรษะเขา ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย

ต้องท้าวความก่อนว่าอายุของเด็กน้อยคนนี้ยังไม่ถึงสิบขวบ ยังเด็กขนาดนี้แต่กลับเป็นราชายุทธ์แล้ว อีกทั้งวรยุทธ์ที่ฝึกก็ไม่ใช่วรยุทธ์ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดด้วย

หากให้เขาฝึกวรยุทธ์ที่เหมาะกับฐานร่างเขามากที่สุดละก็ ผลการฝึกตนและการเลื่อนขั้นของเขาก็จะเร็วกว่ามิใช่หรือ?

กฎชั้นยอดนั้นฝึกยากมาก ๆ โดยเฉพาะการที่อยากจะฝึกให้ถึงแดนเทพฟ้านั้นยิ่งทำได้ยากกว่ามาก เพราะฉะนั้นพลังอมตะของกฎชั้นยอด จึงเป็นพลังที่หาพบได้ยากมาก ๆ