บทที่ 1962 ถูกจับตัว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย การเคลื่อนไหวแบบนี้จะต้องควบคุมการใช้ระฆังดาราอย่างเข้มงวด คนเบื้องล่างส่วนใหญ่จะไม่รู้จุดหมายปลายทางสุดท้าย ถ้าเป็นคนที่รู้จุดหมายปลายทาง ทั้งยังใช้ระฆังดาราในกองทัพองครักษ์ได้ แสดงว่ายศต้องไม่ต่ำแน่นอน

เซี่ยโห้วลิ่งค่อนข้างตื่นเต้นฮึกเหิม แล้วก็ค่อนข้างกังวลด้วย ตื่นเต้นที่ครั้งนี้เขาได้ออกคำสั่งกับพวกพี่น้องที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ช่วยเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบารมีที่ตัวเองล้มอิ๋งจิ่วกวงได้หรือเปล่า แต่ก็กังวลว่าพี่น้องพวกนั้นช่วยเหลือขนาดนี้เพราะจะครอบครองไม้ไม่ผุไว้เองหรือไม่

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่เดินไปเดินมาอยู่ในศาลาค่อนข้างหัวร้อน อำนาจฝ่ายต่างๆ บุกประตูดวงดาวของน่านฟ้ามะเมียเกิงอย่างอุกอาจ มีกำลังทหารจำกัดจึงปิดประตูไม่ได้ ต้องระดมทัพใหญ่ไปสนับสนุน พวกตาแก่เวรตะไลไม่เห็นว่าอาณาเขตของเขาสำคัญเลย

แต่เขาดันไม่สามารถแตกคอกับคนพวกนั้นได้ เขาสามารถขัดขวางกองทัพองครักษ์ที่อ้างว่ามาเพราะบัญชาของประมุขชิงบัญชาสวรรค์ได้เหรอ? เขาจะแตกคอกับอ๋องสวรรค์คนอื่นได้เหรอ? ถ้ายั่วโมโหให้พวกเขาร่วมมือกัน เขาเองก็จะเป็นคนแรกที่ทนรับผลที่ตามมาไม่ไหว

ซูอวิ้นวางระฆังดาราแล้วรีบรายงานว่า “ท่านอ๋อง มีกำลังพลกองทัพองครักษ์หลายกลุ่มเคลื่อนไหวผิดปกติค่ะ ไม่ได้ไปที่น่านฟ้ามะเมียเกิง แต่บุกเข้าไปน่านฟ้าวอกกุ่ยที่อยู่ใกล้น่านฟ้ามะเมียเกิง ไม่ทราบจุดประสงค์แน่ชัด แปลกมาก”

ถึงอย่างไรเรื่องก็เกิดที่เขตทัพใต้ เขากระจายสายลับไว้บนอาณาเขตตัวเองบ้างแล้ว ถ้ามีการเคลื่อนไหวของกำลังพลกลุ่มใหญ่ก็ปิดบังสายตาของฝั่งนี้ไม่ได้เลย

ฮ่าวเต๋อฟางหยุดเดินแล้วกล่าวอย่างลังเล “ร้านค้านั่นถูกหน่วยตรวจการขวาสั่งปิด หน่วยตรวจการขวาคงจะสืบเจอประวัติผู้หญิงสามคนนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลนี้หรือไม่ ก็ต้องสั่งให้คนตามกำลังพลกลุ่มนั้นไปทันที ถึงยังไงก็อยู่บนอาณาเขตพวกเรา จะเข้าไปยุ่งเรื่องไหนก็ล้วนสมเหตุสมผล ถ้าถึงคราวจำเป็นก็สั่งลูกน้องให้ลงมือกับคนของกองทัพองครักษ์ได้เลย!”

“ค่ะ!” ซูอวิ้นเอ่ยรับแล้วปฏิบัติตาม

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ในตำหนักใหญ่หลังหนึ่ง รวบรวมคนไว้หลายร้อยคน ตรงหน้าแผนที่ดาวสิบกว่าแผ่นมีคนล้อมอยู่ไม่น้อย ในมือคนส่วนใหญ่ถือระฆังดาราติดต่อแทบจะไม่ได้หยุดหย่อน กำลังรับข่าวและวิเคราะห์สถานการณ์จากหลายด้าน พร้อมทั้งชี้แนะคนที่อยู่ฝั่งนี้ด้วย

ก่วงลิ่งกงยืนเงียบๆ คนเดียวอยู่หน้าแผนที่ดาวฉบับหนึ่ง

โกวเยว่ที่รับหน้าที่จัดระเบียบข้อมูลรีบเดินเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง กองทัพองครักษ์มีความเคลื่อนไหวผิดปกติขอรับ ทัพเหนือก็มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ทัพใต้ก็มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ พวกเขาไม่ได้ไปทางน่านฟ้ามะเมียเกิง แต่ไปทางน่านฟ้าวอกกุ่ย!”

ตุ้บ! ก่วงลิ่งกงชกหมัดบนเข็มทิศ กล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย “ข่าวของพวกเราล้าหลังอีกฝ่ายแน่ พวกเขาน่าจะสืบอะไรบางอย่างได้ ส่งคนตามไป!”

“ขอรับ!” โกวเยว่รับถ่ายทอดคำสั่งลงไป

ฉางหงเหมยและศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักยังอยู่ไกลๆ รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เพราะติดต่อสำนักไม่ได้แล้ว ทั้งยังเห็นกับตาว่ากำลังพลของตำหนักสวรรค์ตามจับคนไปทั่วทุกที่ ต้องคอยหลบตลอดทางกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ตอนนี้พบว่าประตูดวงดาวทางกลับสำนักถูกปิดแล้ว

“ทำไมตำหนักสวรรค์ถึงตามจับคนทั่วดาราจักร? หรือว่าพุ่งเป้ามาที่พวกเรา? อย่าบอกนะว่าปิ่นปักผมของของศิษย์พี่หญิงจัวทำจากไม้ไม่ผุจริงๆ?” ต้วนอ้ายเอ๋อร์ถามอย่างค่อนข้างหวาดกลัว

จัวเซียงเหลียนกัดริมฝีปากเงียบๆ

“ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง ถ้าผู้หญิงสามคนอย่างพวกเราตกอยู่ในมือขุนนางโจรพวกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ตอนนี้ไม่ควรบุ่มบ่าม ไปกันเถอะ หาที่ซ่อนตัวกันก่อน รู้สถานการณ์ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ฉางหงเหมยตัดสินใจแลว

ทั้งสามรีบเลี้ยวหนีไป พวกนางสังเกตเห็นกำลังพลที่ปิดล้อมประตูดวงดาวแล้ว อีกฝ่ายก็สังเกตเห็นพวกนางแล้วเช่นกัน มีกำลังพลร้อยคนพุ่งเข้าไปหาพวกนางแล้ว เป็นเพราะเส้นทางของพวกนางค่อนข้างสะดุดตา แม้จะปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้ว แต่กลับมีกันสามคนพอดี จะไม่มาตรวจสอบได้อย่างไร

“ศิษย์พี่ พวกนั้นตามมาแล้วค่ะ” ต้วนอ้ายเอ๋อร์หันกลับมามองแวบหนึ่ง นางค่อนข้างหวาดกลัว

“รีบหนี!” ฉางหงเหมยร้องบอก

ทั้งสามเร่งหลบหนี ทว่าสายไปเสียแล้ว

กำลังพลหนึ่งร้อยคนข้างหลังพลันถูกเก็บเข้ากระเป๋าสัตว์จนเหลือแค่คนเดียว ยอดฝีมือระดับบงกชรุ้งคนหนึ่งพลันเร่งความเร็วตามมา ไม่นานก็ตามพวกนางทันแล้ว จากนั้นกำลังพลหนึ่งร้อยคนก็โผล่ออกมาอีก มาล้อมผู้หญิงสามคนเอาไว้

ผู้หญิงทั้งสามหันหลังชนกันอย่างตระหนก ฉางหงเหมยแค่นเสียงเป็นผู้ชายตะโกนบอกว่า “พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎสวรรค์อะไรเลย ตามพวกเรามาทำไม?”

แม่ทัพที่ตรงหว่างคิ้วเผยบรยุทธ์ระดับบงกชรุ้งกล่าวเสียงต่ำว่า “ถอดหน้ากากออกมา!”

อีกฝ่ายไม่คุยด้วยเหตุผลเลย เพียงออกคำสั่ง ผู้หญิงทั้งสามไม่กล้าขัดคำสั่ง ถอดหน้ากากออกแต่โดยดี เผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว

แม่ทัพระดับบงกชรุ้งตาเป็นประกาย รู้สึกเร่าร้อนฮึกเหิมใจ ไม่ใช่เพราะชอบในความงามของผู้หญิงสามคนนี้ แต่เป็นเพราะผู้หญิงสามคนสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของเป้าหมายจับกุมพอดี เบื้องบนบอกแล้วว่าถ้าจับได้จะถือว่าสร้างผลงานใหญ่ จะเลื่อนยศให้สามขั้นต่อเนื่องกัน เขาจึงตะคอกถามทันทีว่า “มาจากตลาดสวรรค์ดาวเฟยหัวหรือเปล่า?”

ฉางหงเหมยรีบตอบว่า “พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎสวรรค์อะไรเลย”

“นายท่าน มีคนมาแล้ว” จู่ๆ ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวเตือน

แม่ทัพระดับบงกชรุ้งหันกลับไปมมอง พบว่ามีคนหลายคนพุ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว จึงโบกมือตะโกนบอกทันที “พาตัวคนไปก่อน”

พลทหารกรูกันเข้าไปทันที มัดผู้หญิงสามคนนั้นไว้ พวกนางไม่กล้าขัดขืนเลย แทบจะยอมให้จับแต่โดยดี ไม่มีทางต่อต้านได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านจำนวนคนหรือพลัง อีกฝ่ายก็เหนือกว่าไกลมาก

ทว่ายังไม่ทันรอให้ทางฝั่งนี้เก็บคนไว้ ก็มีคนห้าคนที่สวมชุดลำลองเร่งตามมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าเป็นผู้หญิงสามคนพอดี ห้าคนที่ตามมาตรวจสอบความเคลื่อนไหวก็สบตากันแวบหนึ่ง

แม่ทัพระดับบงกชรุ้งรีบเก็บผู้หญิงสามคนนั่นไว้ ยังไม่ทันได้ถามว่าห้าคนที่ตามมาคือใคร ห้าคนนั้นก็พุ่งเข้ามาลงมือทันที

นักพรตบงกชรุ้งห้าคนตีฝ่าแนวป้องกันของทหารสิบกว่าคน เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์จะล้อมโจมตีแม่ทัพระดับบงกชรุ้งที่เก็บผู้หญิงสามคนนั้นไว้

ทหารกลุ่มเล็กร้อยคนนี้ค่อนข้างตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าโจมตีกำลังพลตำหนักสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง จึงเข้ามาล้อมโจมตีทันที

มีคนรีบหยิบระฆังดาราออกมาขอความช่วยเหลือเช่นกัน

มีคนถอยร่นไปด้านข้าง ไม่รู้ว่ากำลังแอบติดต่อไปที่ไหน

พอจุดปิดล้อมประตูดวงดาวได้รับข่าวก็ส่งกำลังพลบงกชรุ้งออกมาสิบกว่าคนทันที เร่งตามมาทางฝั่งนี้ กำลังพลแสนกว่าแบ่งกำลังพลสามหมื่นติดตามออกมาแล้ว ท่ามกลางกำลังพลที่เหลือก็มีคนแอบฉวยโอกาสตอนกำลังวุ่นวายถอยออกไปด้านข้างเงียบๆ แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง

ในขณะเดียวกันนี้เอง ตรงจุดลึกของดาราจักรที่มีกำลังพลสวมชุดลำลองค้นหาก็หยุดค้นหาอย่างกะทันหัน พอเก็บระฆังดาราแล้ว ก็ทยอยเร่งเหาะไปยังจุดที่ต่อสู้กัน

กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ ก็หยุดเคลื่อนไหวแล้ว กำลังพลหนึ่งพันถูกเก็บเข้ากระเป๋าสัตว์ แล้วเร่งตามไปยังจุดต่อสู้

แม่ทัพระดับบงกชรุ้งที่อยู่ตรงจุดต่อสู้ แม้จะมีกำลังพลช่วยเหลือ แต่ก็ยังต้านไม่ไหว ถูกสังหารคาที่ พลทหารหลายสิบคนตกใจจนถอยหลัง

ฉางหงเหมยและอีกสองสาวเพิ่งถูกค้นออกมา หนึ่งในนักพรตบงกชรุ้งห้าคนก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ทัพหนุนมาแล้ว รีบไป!”

นักพรตห้าคนรีบเก็บผู้หญิงสามคนที่มีสีหน้าหวาดกลัวเอาไว้ ในขณะที่เร่งหนี ก็หยิบระฆังดาราออกมาขอความช่วยเหลือเร่งด่วน

กลุ่มแม่ทัพระดับบงกชรุ้งข้างหลังรีบไล่ตาม คนที่วรยุทธ์สูงก็เหาะเร็วกว่า ยิ่งตามก็ยิ่งเข้าใกล้

สุดท้าย หนึ่งในนั้นบุกเข้ากลุ่มนักพรตห้าคนนี้ แล้วโบกทวนสังหารอย่างดุเดือด เล็งเป้าหมายสำคัญเอาไว้ สู้พัวพันอยู่กับคนที่เก็บผู้หญิงสามคนนั่นไว้ อีกสี่คนต้องช่วยแก้วิกฤติสุดชีวิต

จากนั้นทัพใหญ่สามหมื่นก็ตามมาถึงอย่างรวดเร็ว

สมาชิกกองทัพองครักษ์หลายคนเร่งตามมาถึงแล้ว ขณะที่พุ่งเข้ามาใกล้ กำลังพลพันกว่าก็ปรากฏตัว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เผยออกมาพร้อมกัน แม่ทัพที่นำหน้ามาตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาสืบคดี ใครขัดขืน ฆ่า! ฆ่า!”

ไม่ยอมให้อีกฝ่ายตอบอะไร ลูกธนูดาวตกก็ยิงออกมาราวกับฝนแล้ว สังหารเข้าไปโดยตรง

กำลังพลหลายหมื่นสู้กับกองทัพองครักษ์ กอปรกับกองทัพองครักษ์อ้างบัญชาสวรรค์ สำหรับกำลังพลเบื้องล่างที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกพวกนี้ ยังถือว่ามีอิทธิพลอยู่บ้าง ค่อนข้างกลัวที่จะสู้ ทิ้งศพเอาไว้เกลื่อน พากันถอยหลังแล้ว

กองทัพองครักษ์สังหารเข้ามาอย่างดุร้ายราวกับเสือร้ายหมาป่าดุ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นกำลังพลตำหนักสวรรค์หรือไม่ ก็สังหารกลุ่มคนที่กำลังสู้กันจนหมดแล้ว

พวกฉางหงเหมยที่หวาดผวาไม่หยุดถูกค้นออกมาอีกแล้ว ทหารของกองทัพองครักษ์ดึงคอเสื้อฉางหงเหมย แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าคือฮั่วเหยียนชิ่ง ยศระดับผู้บัญชาการของกองทัพองครักษ์ พวกเจ้าสามคนชื่ออะไรกันบ้าง? ถ้ากล้าโกหกแม้แต่ประโยคเดียว ประหารทั้งโคตร!”

“ฉางหงเหมย จัวเซียงเหลียน ต้วนอ้ายเอ๋อร์”

แค่กำลังพลตำหนักสวรรค์ก็เพียงพอจะขู่พวกนางได้แล้ว นับประสาอะไรกับกองทัพองครักษ์ของราชันสวรรค์ สำหรับคนอย่างพวกนาง พวกเขาคือสิ่งที่น่าหวาดกลัว จึงสารภาพอย่างซื่อสัตย์แต่โดยดี

เป็นคนที่เบื้องบนยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อตามตัว ฮั่วเหยียนชิ่งตาเป็นประกายทันที แทบจะหัวเราะออกมา ผลงานใหญ่มาถึงมือแล้ว เขาเก็บคนไว้ทันที พอหันมองรอบๆ อีกครั้ง กลับพบว่ายากจะปลีกตัวหนีไปได้

กำลังพลหลายหมื่นล้อมพวกเขาไว้แล้ว หลังจากแม่ทัพของอีกฝ่ายติดต่อกับเบื้องบน ก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนทันที ไม่ว่าจะเป็นกองทัพองครักษ์หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าไม่ส่งคนมาให้ก็ฆ่าไม่ละเว้น!

คำสั่งนี้ทำให้แม่ทัพที่นำกลุ่มมาหวาดระแวงกลัว ให้สังหารคนของกองทัพองครักษ์ นี่เบื้องบนต้องการจะก่อกบฏเหรอ?

แต่จะไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ได้ แม่ทัพที่เป็นหัวหน้าชี้ฮั่วเหยียนชิ่งที่กำลังถูกล้อมพลางตะโกนว่า “ผู้หญิงสามคนนั้นคือลูกสาวบุญธรรมของอ๋องสวรรค์ฮ่าว ปล่อยออกมาเดี๋ยวนี้!”

“เหลวไหล!” ฮั่วเหยียนชิ่งด่ากลับ แล้วตะคอกว่า “พวกเราได้รับบัญชาจากฝ่าบาทให้มาทำงาน แต่พวกเจ้าบังอาจมาล้อมไว้ จะก่อกบฏเหรอ? หลีกไป!”

หัวหน้าตะคอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง “กองทัพองครักษ์จะมาสังหารพี่น้องทัพใต้ของข้าโดยไร้เหตุผลได้ยังไง ต้องปลอมตัวมาแน่นอน พี่น้อง ฆ่า!”

“ฆ่ามัน!” ฮั่วเหยียนชิ่งโบกดาบคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ทั้งสองฝ่ายอยู่ในระยะใกล้กัน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขาดบทบาทแล้ว ตะลุมบอนกันในชั่วพริบตาเดียว

กองทัพองครักษ์มีพลังรบที่แข็งแกร่งจริงๆ กำลังพลระดับต่ำสองสามหมื่นของทัพใต้ล้อมไว้ไม่อยู่ ถูกฮั่วเหยียนชิ่งนำคนที่เหลืออยู่สามร้อยสังหารฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้ว ชั่วพริบตาเดียวกำลังพลกองทัพองครักษ์ก็รบตายไปเจ็ดร้อย ทัพใหญ่ไล่ตามหลังไปตลอดทาง

กำลังพลที่ปิดล้อมประตูดวงดาวก็ไม่ปิดแล้วเช่นกัน ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้รวมตัวกันแล้วเร่งตามไป

เส้นทางที่ฮั่วเหยียนชิ่งหนีเอาชีวิตรอดก็ยากลำบาก นอกจากข้างหลังจะมีทหารจำนวนมากไล่ตามแล้ว ข้างหน้าก็มีกลุ่มคนที่ไม่ทราบตัวตนโผล่มาสกัดพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ขาดสาย ฝ่ายเขาหนีไปตลอดทาง ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ยิงเปิดทางเลือดตลอดทางอย่างไม่เสียดาย ถ้ามีใครพุ่งเข้ามาขวางก็จะถูกธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ยิงตายทันที

ฮั่วเหยียนชิ่งแน่ใจแล้วว่าแย่งเป้าหมายสามคนนั้นมาได้

กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่แบ่งกลุ่มละพันคนกระจายกันค้นหาทั่วน่านฟ้ามะเมียเกิง ตอนนี้ก็ทอยยกันตามไปช่วยฮั่วเหยียนชิ่งที่กำลังหลบหนีเช่นกัน

ภายใต้ปฏิริยาที่ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ น่านฟ้ามะเมียเกิงเหมือนจะเดือดพล่าน กำลังพลที่อำนาจแต่ละฝ่ายส่งมาค้นหาทยอยตามไปยังทิศทางเดียวกัน

อุทยานหลวง พระตำหนักอุทยาน โพ่จวินกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ผู้บัญชาการที่ชื่อว่าฮั่วเหยียนชิ่งนำคนหนึ่งพันไปแย่งตัวผู้หญิงสามคนนั้นจากกำลังพลหลายหมื่นของทัพใต้ได้แล้วขอรับ ตอนนี้กำลังถูกกำลังพลหลายฝ่ายล้อมดักไว้!” รายงานก็เป็นจุดประสงค์หนึ่ง แต่ยามที่ควรจะแสดงผลงานของลูกน้องเขาก็ไม่เคยเลอะเลือน คนที่กล้าสู้ตายเพื่อสร้างผลงานควรถูกนำมาเป็นแบบอย่าง!

“ฮั่วเหยียนชิ่ง? ดี! ช่างเป็นฮั่วเหยียนชิ่งที่ดี! เป็นตัวอย่างที่ดี! ตบรางวัลอย่างงาม!” ประมุขชิงจดจำชื่อนี้ไว้แล้ว แล้วหันกลับมาบอกซ่างกวนชิงด้วยสีหน้าชั่วร้ายอีกว่า “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไปให้ตาแก่พวกนั้น บังอาจล้อมโจมตีกองทัพองครักษ์ อยากจะกบฏเหรอ? สั่งให้พวกเขาบอกลูกน้องให้ถอนกำลังเดี๋ยวนี้!”

………………