เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1828 แย่งชิงพลัง
บึงน้ำลึก ไม่เห็นก้นบึ้ง
ลู่ฝานก็ไม่รู้ว่าตัวเองได้จมลงไปนานแค่ไหน รู้เพียงว่าแสงสว่างจากภายนอกไม่อาจส่องสะท้อนเข้ามา ทั้งหมดรอบด้านล้วนเปลี่ยนเป็นความมืดสลัวเงียบสงบ
พลังในร่างโคจรของมันเอง ลู่ฝานไม่ได้เข้าไปควบคุม เพียงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเอง ยิ่งนานยิ่งหนักอึ้ง ยิ่งนานยิ่งจมลึก
แสงสีของพลังที่มีอยู่เดิม ตอนนี้กลับไม่เห็นแล้ว
แต่ลู่ฝานยังสัมผัสได้ถึงพลังไร้ขีดจำกัดซึ่งกดทับร่างกายของเขา ลำเลียงพลังเข้าสู่ร่าง
พลังเหล่านี้ดูคล้ายเป็นพลังที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่ใช่สูญสลายหายไปไม่พบ แต่เป็นการหลวมรวมเข้าด้วยกัน ท้ายที่สุดเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน
ร่างกายของเขา ดูเหมือนสัตว์อสูรซึ่งกินไม่รู้จักอิ่ม ทั้งยังดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความละโมบ
ลู่ฝานมองเงียบ ๆ ทุกการเคลื่อนผ่านของเวลาสำหรับเขา ล้วนเปลี่ยนเป็นปราณชี่ที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นในร่าง
เดิมที ลู่ฝานเข้าใจมาโดยตลอดว่าปราณชี่ในร่างถึงจุดอิ่มตัว ความเป็นไปได้ที่จะยกระดับค่อนข้างยาก
แต่ตอนนี้ ลู่ฝานพบว่า เขาเข้าใจผิด
ศักยภาพของคนไร้ขีดจำกัด เมื่อปราณชี่ของเขาหมุนตามพลังแห่งโลกและรวมเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง ทั่วทั้งร่างของเขาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นช้ามาก ช้าจนกระทั่งลู่ฝานสามารถมองเห็นทุก ๆ การขยายเส้นลมปราณ ทุก ๆ การรวมปราณชี่ของตัวเองอย่างชัดเจน
ค่อยเป็นค่อยไป ปราณชี่เริ่มประจันหน้าพลังแห่งโลก ในร่างของลู่ฝาน มันก็เริ่มหลอมรวมเส้นลมปราณและกระดูก ดูคล้ายอยากจะทำเหมือนพลังแห่งโลกที่เข้าสู่ร่างกายคราวนั้น ย้อนกลับอย่างรุนแรงเข้าสู่ร่างของลู่ฝาน
เพียงแต่ปราณชี่ของเขายังไม่บรรลุระดับของพลังแห่งโลกคราวนั้น หลังจากมันพยายามหลายครั้ง ก็ไม่สามารถสั่นคลอนพลังแห่งโลกในร่างของลู่ฝาน
ขณะเดียวกันพลังแห่งโลก สำหรับเจ้าพลังใหม่ที่คิดจะท้าประลองกับมัน มันดูคล้ายใคร่รู้เป็นอย่างมาก
มันเริ่มจงใจสัมผัสปราณชี่ ตามที่ลู่ฝานเห็น พวกมันดูคล้ายสัตว์อสูรน่ารักสองตัว กำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเป็นครั้งแรก
พลังทั้งสอง ล้วนเริ่มยื่นเส้นสายอันละเอียดอ่อนยิ่งกว่าเส้นผมไปยังฝ่ายตรงข้าม
ปราณชี่ขยับเข้าไปก่อนก้าวหนึ่งเพื่อเรียนรู้จุดเด่นของพลังแห่งโลก แต่พลังแห่งโลก ดูเหมือนกำลังงงงัน ทำไมปราณชี่นี้มันถึงไม่มีปัญญากลืนลงไป
พลังทั้งสองเหมือนดังไท่จี๋เริ่มโคจรในร่างของเขา
เริ่มต้น ช้ามาก แต่เมื่อพลังทั้งสองสัมผัสกันมากขึ้น การโคจรยิ่งนานยิ่งเร็ว
ฉับพลัน ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงพลังของระลอกคลื่นผืนหนึ่ง ปรากฏออกมาในร่างของเขา ทั้งยังมีแนวโน้มจะแพร่กระจายออกไปด้านนอก
ลู่ฝานไม่ได้ขัดขวาง เพราะพริบตาที่พลังทั้งสองสัมผัสกัน เขาดูเหมือนมองเห็นเต๋าอันยิ่งใหญ่แจ่มชัดนับไม่ถ้วน รวมเข้าด้วยกันภายในร่างของเขา
รวมทั้งเต๋าแห่งชีวิตที่เขาได้รับ ล้วนเริ่มโคจรตามกัน
ทั่วทั้งสระปีศาจ ผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่น ต่างค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่แปลกไป
ทำไมพลังในสระปีศาจ พลันพรั่งพรูไปทิศทางหนึ่งอย่างไม่อาจควบคุม
พวกเขายังต้องการดูดซับพลังอีกสักหน่อย กลับเปลี่ยนเป็นลำบากอย่างยิ่ง
ทว่าพวกเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ต่อผลลัพธ์ที่มีใครบางคนดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง พวกเขายังเข้าใจว่าพลังในสระปีศาจเดิมก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
วันที่หนึ่ง วันที่สอง วันที่สาม
ท่ามกลางสระปีศาจ ปรากกฎระลอกคลื่นผืนหนึ่ง
สถานการณ์นี้ ไม่ใช่แค่เพียงบรรดาผู้ฝึกชั่วร้ายในสระปีศาจเห็น ในรูปปั้น ราชาปีศาจทั้งสามคนที่กำลังกินข้าวและคุยเล่น ก็มองเห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน
“แปลกจริง ทำไมเกิดระลอกคลื่น?”
ราชาปีศาจฝันร้ายเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถามขึ้น
โบกพัดพลาง มองระลอกคลื่นในสระปีศาจ สายตาแฝงไว้ด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ
วันนี้ ผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนไม่อยู่
สำหรับเรื่องนี้ราชาปีศาจผู้ปราบมังกรไม่ได้สนใจเลยสักนิด กินข้าวของตัวเองต่อไป
อาหารเลิศรส ล้วนวางอยู่ตรงหน้าเขา ราชาปีศาจผู้ปราบมังกรเคี้ยวตุ้ย ๆ พูดไม่ชัด: “สนใจมันเกินจำเป็นไปทำไม มีคนออกมาแล้วค่อยเรียกฉัน”
มีเพียงธิดาเทพแห่งความมืดที่ลุกขึ้นมองไปยังสระปีศาจ หัวคิ้วขมวดเป็นปมน้อย ๆ ดวงตาดำขลับทั้งคู่ ขณะนั้นข้างในแฝงไว้ด้วยแสงสว่างสายหนึ่ง
ราชาปีศาจฝันร้ายถาม: “ธิดาเทพแห่งความมืด เธอใช้ดวงตาสังหารของเธอมองเห็นอะไร?”
ธิดาเทพแห่งความมืดไม่ได้ตอบ หลังจากเพียงมองเงียบ ๆ ปราดหนึ่ง ก็นั่งลง
ราชาปีศาจฝันร้ายไม่ได้รับคำตอบ นัยน์ตามีประกายเฉียบคมวาบผ่าน แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงนั่งลงเหมือนเดิม
สายตาจับจ้องเรือนร่างงดงามของธิดาเทพแห่งความมืด แอบคิดในใจ: “ช้าเร็วต้องมีสักวัน ฉันจะให้เธอขอร้องอ้อนวอนภายใต้ร่างของฉัน ดูซิตอนนั้น เธอยังจะเย็นชาได้อย่างนี้อีกไหม หึ!”
…
พริบตาเดียวผ่านไปเจ็ดวัน ระลอกคลื่นขยายใหญ่ขึ้น
หลายวันผ่านไป ทั่วทั้งสระปีศาจถูกระลอกคลื่นนั้นชักนำธารน้ำ ทั้งวันทั้งคืนไม่หยุด
ขณะเดียวกัน บรรดาหัวหน้าสำนักที่วิทยายุทธอ่อนด้อย ทยอยหนีจากสระปีศาจ พวกเขาไม่อาจดูดซับพลังใด ๆ ได้อีกแล้ว
ระลอกคลื่นสมควรตาย แย่งเอาไปหมดแล้ว!
“สารเลว ระลอกคลื่นนั่นเป็นมายังไงกันแน่?”
หัวหน้าสำนักคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากสระปีศาจ ร่างกายไร้ซึ่งหยดน้ำ ทว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ถ้านี่เป็นสถานการณ์ในสระปีศาจเอง ฉันก็ยอมรับ แต่ถ้ามีใครเล่นลูกไม้ ฉันจะฆ่ามันแน่นอน!”
กลางอากาศ ยังมีหัวหน้าสำนักไม่น้อย ต่างจ้องเขม็งที่ระลอกคลื่นนั่น
สีหน้าของพวกเขาล้วนไม่น่าดู แต่จนปัญญา ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เข้าไปในสระปีศาจสักครั้ง ทุกคนต่างคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีจากสวรรค์
ขอบข่ายวิทยายุทธยกระดับไม่ขึ้น หวังให้สระปีศาจช่วยทะลวงขอบข่าย
พลังในร่างสับสนอลหม่านมาก หวังให้สระปีศาจช่วยชะล้างร่างกายของเขา
สุดท้ายเหรอ สองสามวันแรกที่ไปถึงยังนับว่าไม่เลว ทุกคนต่างพอใจ แต่หลังจากระลอกคลื่นนั่นปรากฏขึ้น ความรู้สึกที่ได้ดูดซับพลังอย่างสบายอารมณ์ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ภายในรูปปั้น ราชาปีศาจทั้งสาม ผู้อาวุโสทั้งสิบยากนักที่จะอยู่กันครบ
ผู้อาวุโสที่มีเครามองระลอกคลื่นอยู่ไกล ๆ ขมวดคิ้วพูดว่า: “แปลกจริง ประหลาดจริง สระปีศาจหินยานสามารถเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ด้วยเหรอ? แปลกเหลือเกิน!”
ราชาปีศาจฝันร้ายพูดเสียงดัง: “ตอนที่ฉันเข้าไปในสระปีศาจ ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น พวกคุณใครสามารถอธิบายได้บ้าง ทำไมสระปีศาจถึงดูเหมือนใช้การไม่ค่อยได้แล้ว!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นเดินไปข้างธิดาเทพแห่งความมืด กดเสียงต่ำถามว่า: “ม่อม่อเธอเห็นอะไร?”
มุมปากของธิดาเทพแห่งความมืดยกขึ้นน้อย ๆ ทอดเสียงเล่าให้ผู้อาวุโสซู่มั่นฟัง: “คนเดียว ฉันเห็นคน ๆ หนึ่งดูดกลืนพลังในสระปีศาจอย่างบ้าคลั่ง ระลอกคลื่นนั่นก็คือเขาชักนำมา”
ผู้อาวุโสซู่มั่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง: “นี่มันเป็นไปไม่ได้ ย่อมต้องอาศัยหัวหน้าสำนักเหล่านั้น ไม่มีใครเพียงลำพังสามารถดูดกลืนพลังได้มากมายขนาดนี้ นี่เป็นสระปีศาจหินยานเชียวนะ เขาไม่กลัวรับไม่ไหวเหรอ?”
ธิดาเทพแห่งความมืดส่ายหน้า: “ไม่ เขารับไหว ร่างกายของเขามีพลังพิเศษชนิดหนึ่ง สามารถกลืนกินทุกสิ่ง ไม่เชื่อคุณดูเอง!”
พูดจบ ธิดาเทพแห่งความมืดก็ชี้ไปยังใจกลางของระลอกคลื่น
ขณะนั้น ระลอกคลื่นนั่นพลันขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งเท่า ผู้ฝึกชั่วร้ายหลายสิบคนต่างลอยขึ้นจากสระปีศาจในเวลานั้นเช่นกัน พร่ำด่าไม่หยุด
และก็ในขณะนั้น ภายในระลอกคลื่นมีเงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏออกมา